นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า ในปี 2563 ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ ยังคงมีปัจจัยเสี่ยงการปรับสมดุลที่อยู่อาศัยสร้างใหม่ของ ผู้ประกอบการ ที่ต้องเลือกกลุ่มผู้ซื้อให้ชัดเจนมากขึ้น

          "ในปี 2563 ผู้ประกอบการต้องพิจารณาให้ตอบโจทย์ศักยภาพผู้ซื้อมากขึ้น โดยเฉพาะบ้านราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาท ที่มีกำลังซื้อเยอะ สะท้อนจากยอดการโอนเพิ่มขึ้นจาก 3,000 ยูนิต เป็น 16,000 ยูนิต ดังนั้นนโยบายรัฐบาลจะต้องเข้ามามีส่วนช่วย เพราะตลาดบนๆ เริ่มมีแนวโน้มอิ่มตัว"

          ปีหน้าต้นทุนเรื่องค่าที่ดินจะยังไม่ปรับเพิ่มขึ้นมาก ทำให้ผู้ประกอบการเลือกตลาดบ้านที่ราคาต่ำลงได้ ขณะที่โครงการบ้านดีมีดาวน์ จะเพิ่มกำลังซื้อให้ประชาชนผู้ซื้อบ้านเท่านั้น มาตรการที่มีผลจริงคือการลดค่าธรรมเนียมโอน-จดจำนอง ซึ่งปัจจุบันยังครอบคลุมบ้านไม่เกิน 3 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 50% ของราคาบ้านในตลาด ถ้าขยายเป็น 3-5 ล้านบาท จะมีบ้านได้ประโยชน์เพิ่มอีก 30%

          นายวิชัยกล่าวถึงผลสำรวจการถือครองกรรมสิทธิ์ห้องชุดของคนต่างด้าว เป็นครั้งแรก ว่า ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2562 มีคนต่างด้าวถือครองกรรมสิทธิ์ห้องชุดทั่วประเทศรวม 9,427 หน่วย เพิ่มขึ้น 1.8% จากช่วงเดียวกันปีก่อน มากที่สุดคือจีน กว่า 57.6% รองลงมาคือ รัสเซีย ฝรั่งเศส เป็นต้น โดยจังหวัดที่ชาวจีน ถือครองห้องชุดมากที่สุดคือกรุงเทพฯ

          ส่วนทำเลอาคารชุดที่มีศักยภาพ 5 อันดับแรก ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2562 พบว่า เขตกรุงเทพมหานคร ทำเลที่มีศักยภาพสูงสุดคือ มีนบุรี-ลาดกระบัง ถัดมาคือ แจ้งวัฒนะงามวงศ์วาน, ห้วยขวาง-จตุจักร-ดินแดง, พระโขนง-แยกบางนา และวุฒากาศ-บางหว้า ส่วนทำเลในปริมณฑล สูงสุดที่ เมืองนนทบุรี-ปากเกร็ด ถัดมาคือ เมืองนครปฐมกำแพงแสน, ศาลายา, ธัญบุรี-คลองหลวง และบางใหญ่บางบัวทอง-บางกรวย-ไทรน้อย