คอลัมน์ Big Data: เจาะดีมานด์-ซัพพลายทำเลฮอตพื้นที่อีอีซี
วันที่ : 10 มิถุนายน 2562
โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก(อีอีซี)ยังคงเดินหน้าไปอย่างต่อเนื่องโดยล่าสุดคณะรัฐมนตรี(ครม.)ได้อนุมัติและเห็นชอบให้การรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟม.)ร่วมลงทุนในโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน กับกลุ่มกิจการร่วมค้า บริษัท เจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง จำกัด และพันธมิตร (CPH) และคาดว่าภายใน 4 ปีนี้คนไทยจะมีโอกาสได้นั่งรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อมระหว่างจังหวัดในภาคตะวันออกและกรุงเทพญ กันแล้ว
โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก(อีอีซี)ยังคงเดินหน้าไปอย่างต่อเนื่องโดยล่าสุดคณะรัฐมนตรี(ครม.)ได้อนุมัติและเห็นชอบให้การรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟม.)ร่วมลงทุนในโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน กับกลุ่มกิจการร่วมค้า บริษัท เจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง จำกัด และพันธมิตร (CPH) และคาดว่าภายใน 4 ปีนี้คนไทยจะมีโอกาสได้นั่งรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อมระหว่างจังหวัดในภาคตะวันออกและกรุงเทพญ กันแล้ว
ในขณะที่ภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ภาคตะวันออกก็มีความคึกคักมาอย่างต่อเนื่องไม่แพ้กัน แต่จะไปต่อได้แค่ไหนคงต้องมาดูสถานการณ์ของอุปทานและอุปสงค์ในพื้นที่ซึ่งครอบคลุม 3 จังหวัด คือชลบุรีระยองและฉะเชิงเทรา
โดยศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ได้จัดทำรายงานสรุปผลการสำรวจอุปทานและอุปสงค์ของโครงการที่อยู่อาศัยอยู่ระหว่างการขายในช่วงครึ่งปี 2561 จากการสำรวจพบว่ามีโครงการที่อยู่อาศัยอยู่ระหว่างการขายจำนวน 974 โครงการ มีหน่วยในผังโครงการรวมทั้งสิ้น 185,179 หน่วย มีมูลค่าโครงการรวม 561,227 ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วยโครงการบ้านจัดสรร 760 โครงการ มีหน่วยในผังโครงการรวม 301,093 ล้านบาท โครงการอาคารชุด 198 โครงการ มีหน่วยในผังจำนวน 77,358 หน่วย มีมูลค่าโครงการรวม 245,247 ล้านบาท และโครงการิลล่า 16 โครงการ มีหน่วยในผังจำนวน 555 หน่วยมีมูลค่าโครงการรวม 14,888 ล้านบาท
ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ กล่าวเพิ่มเติมว่าในช่วงครึ่งหลังปี 2561 มีหน่วยเพิ่มเติมว่าในช่วงครึ่งหลังปี 2561 มีหน่วยเหลือขายจำนวน 54,653 หน่วย หรือ 29.5% -ของหน่วยในผังโครงการทั้งหมด โดยโครงการบ้านจัดสรรมีหน่วยเหลือขายจำนวน 39,829 หน่วย หรือ 37.1% โครงการอาคารชุดมีหน่วยเหลือขายจำนวน 14,662 หน่วย หรือ 19% และโครงการวิลล่ามีหน่วยเหลือขายจำนวน 162 หน่วย หรือ 29.2%
โดยโครงการที่อยู่อาศัยที่อยู่ระหว่างการขายในจังหวัดชลบุรี มีจำนวน 664 โครงการ มีหน่วยในผังของทุกโครงการรวมกัน 136,273 หน่วย มูลค่าโครงการรวมกัน 435,926 ล้านบาท มีหน่วยเหลือขายหรือเป็อุปทานในตลาด 37,160 หน่วย คิดเป็นมูลค่าหน่วยเหลือขายหรือเป็นอุปทานในตลาด 37,160 หน่ยคิดเป้นมูลค่าหน่วยเหลือขาย 129,144 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นโครงการบ้านจัดสรรมากที่สุด จำนวน 477 โครงการมีจำนวนหน่วย 63,179 หน่วย มูลค่า โครงการรวม 183,877 ล้านบาท มีหน่วยเหลือขายหรือเป็นอุปทานในคตลาด 23,363 หน่วย คิดเป็นมูลค่า 69,655 ล้านบาท
โครงการอาคารชุดในจังหวัดชลบุรีจำนวน 171 โครงการ มีจำนวนหน่วย 72,539 หน่วย มูลค่าโครงการรวม 237,161 ล้านบาท มีหน่วยเหลือขายหรือเป็นอุปทานในตลาด 13,635 หน่วย คิดเป็นมูลค่าหน่วยเหลือขาย 54,921 ล้านบาท และมีโครงการวิลล่าจำนวน 16 โครงการ มีหน่วยในผังจำนวน 555 หน่วย มูลค่าโครงการรวม 14,888 ล้านบาทหน่วยเหลือขายหรือเป็นอุปทานในตลาด 162 หน่วย คิดเป็นมูลค่า 4,568 ล้านบาท
ขณะที่ทำเลบ้านจัดสรรในจังหวัดชลบุรีที่ขายดีมากที่สุด โดยดูจากสัดส่วนที่ขายได้ต่อหน่วยทั้งหมดในโครงการได้แก่ ทำเลหาดจอมเทียน ขายได้ 78.7% มูลค่าที่ขายได้ 714 ล้านบาท ส่วนทำเลอาคารชุดในจังหวัดชลบุรีที่ขายดีมากที่สุด ได้แก่ ทำเลหนองปรือ-มาบประชัน ขายได้ 97.3% มูลค่าที่ขายได้ 1,937 ล้านบาท
โครงการที่อยู่อาศัยที่อยู่ระหว่างการขายในจังหวัดระยอง มีจำนวน 244 โครงการ มีหน่วยในผังของทุกโครงการรวมกัน 34,596 หน่วยมูลค่าโครงการรวม 84,596 ล้านบาทมีหน่วยเหลือขายหรือเป็นอุปทานในตลาด 12,386 หน่วย คิดเป็นมูลค่าหน่วยเหลือขาย 32,108 ล้านบาท โดยทำเลบ้านจัดสรรในจังหวัดระยองที่ขายดีมากที่สุด คือทำเลเมืองระยองขายได้ 70.9% มูลค่าขายได้ 6,083 ล้านบาท ส่วนทำเลอาคารชุดในจังหวัดระยองที่ขายดีมากที่สุดคือ ทำเลนิคมฯ อมตะซิตี้-อีสเทิร์น ขายได้ 87.2% มูลค่าที่ขายได้ 1,089 ล้านบาท
ปิดท้ายที๋โครงการที่อยู่อาศัยที่อยู่ระหว่างการขายในจังหวัดฉะเชิงเทรา มีจำนวน 66 โครงการมีหน่วยในผังของทุกโครงการรวมกัน 14,310 หน่วย มูลค่าโครงการรวม 40,784 ล้านบาท มีหน่วยเหลือขายหรือเป็นอุปทานในตลาด 5,107 หน่วยคิดเป็นมูลค่าหน่วยเหลือขาย 13,29 ล้านบาท ทำเลบ้านจัดสรรในจังหวัดฉะเชิงเทราที่ขายดีที่สุดคือ ทำเลคลองหลวงแพ่ง ขายได้ 70.3% มูลค่า 6,793 ล้านบาท สว่นทำเลอาคารชุดทำเลในเมืองฉะเชิงเทรา ขายได้ 73.1% มูลค่าที่ขายได้ 947 ล้านบาท
ในขณะที่ภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ภาคตะวันออกก็มีความคึกคักมาอย่างต่อเนื่องไม่แพ้กัน แต่จะไปต่อได้แค่ไหนคงต้องมาดูสถานการณ์ของอุปทานและอุปสงค์ในพื้นที่ซึ่งครอบคลุม 3 จังหวัด คือชลบุรีระยองและฉะเชิงเทรา
โดยศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ได้จัดทำรายงานสรุปผลการสำรวจอุปทานและอุปสงค์ของโครงการที่อยู่อาศัยอยู่ระหว่างการขายในช่วงครึ่งปี 2561 จากการสำรวจพบว่ามีโครงการที่อยู่อาศัยอยู่ระหว่างการขายจำนวน 974 โครงการ มีหน่วยในผังโครงการรวมทั้งสิ้น 185,179 หน่วย มีมูลค่าโครงการรวม 561,227 ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วยโครงการบ้านจัดสรร 760 โครงการ มีหน่วยในผังโครงการรวม 301,093 ล้านบาท โครงการอาคารชุด 198 โครงการ มีหน่วยในผังจำนวน 77,358 หน่วย มีมูลค่าโครงการรวม 245,247 ล้านบาท และโครงการิลล่า 16 โครงการ มีหน่วยในผังจำนวน 555 หน่วยมีมูลค่าโครงการรวม 14,888 ล้านบาท
ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ กล่าวเพิ่มเติมว่าในช่วงครึ่งหลังปี 2561 มีหน่วยเพิ่มเติมว่าในช่วงครึ่งหลังปี 2561 มีหน่วยเหลือขายจำนวน 54,653 หน่วย หรือ 29.5% -ของหน่วยในผังโครงการทั้งหมด โดยโครงการบ้านจัดสรรมีหน่วยเหลือขายจำนวน 39,829 หน่วย หรือ 37.1% โครงการอาคารชุดมีหน่วยเหลือขายจำนวน 14,662 หน่วย หรือ 19% และโครงการวิลล่ามีหน่วยเหลือขายจำนวน 162 หน่วย หรือ 29.2%
โดยโครงการที่อยู่อาศัยที่อยู่ระหว่างการขายในจังหวัดชลบุรี มีจำนวน 664 โครงการ มีหน่วยในผังของทุกโครงการรวมกัน 136,273 หน่วย มูลค่าโครงการรวมกัน 435,926 ล้านบาท มีหน่วยเหลือขายหรือเป็อุปทานในตลาด 37,160 หน่วย คิดเป็นมูลค่าหน่วยเหลือขายหรือเป็นอุปทานในตลาด 37,160 หน่ยคิดเป้นมูลค่าหน่วยเหลือขาย 129,144 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นโครงการบ้านจัดสรรมากที่สุด จำนวน 477 โครงการมีจำนวนหน่วย 63,179 หน่วย มูลค่า โครงการรวม 183,877 ล้านบาท มีหน่วยเหลือขายหรือเป็นอุปทานในคตลาด 23,363 หน่วย คิดเป็นมูลค่า 69,655 ล้านบาท
โครงการอาคารชุดในจังหวัดชลบุรีจำนวน 171 โครงการ มีจำนวนหน่วย 72,539 หน่วย มูลค่าโครงการรวม 237,161 ล้านบาท มีหน่วยเหลือขายหรือเป็นอุปทานในตลาด 13,635 หน่วย คิดเป็นมูลค่าหน่วยเหลือขาย 54,921 ล้านบาท และมีโครงการวิลล่าจำนวน 16 โครงการ มีหน่วยในผังจำนวน 555 หน่วย มูลค่าโครงการรวม 14,888 ล้านบาทหน่วยเหลือขายหรือเป็นอุปทานในตลาด 162 หน่วย คิดเป็นมูลค่า 4,568 ล้านบาท
ขณะที่ทำเลบ้านจัดสรรในจังหวัดชลบุรีที่ขายดีมากที่สุด โดยดูจากสัดส่วนที่ขายได้ต่อหน่วยทั้งหมดในโครงการได้แก่ ทำเลหาดจอมเทียน ขายได้ 78.7% มูลค่าที่ขายได้ 714 ล้านบาท ส่วนทำเลอาคารชุดในจังหวัดชลบุรีที่ขายดีมากที่สุด ได้แก่ ทำเลหนองปรือ-มาบประชัน ขายได้ 97.3% มูลค่าที่ขายได้ 1,937 ล้านบาท
โครงการที่อยู่อาศัยที่อยู่ระหว่างการขายในจังหวัดระยอง มีจำนวน 244 โครงการ มีหน่วยในผังของทุกโครงการรวมกัน 34,596 หน่วยมูลค่าโครงการรวม 84,596 ล้านบาทมีหน่วยเหลือขายหรือเป็นอุปทานในตลาด 12,386 หน่วย คิดเป็นมูลค่าหน่วยเหลือขาย 32,108 ล้านบาท โดยทำเลบ้านจัดสรรในจังหวัดระยองที่ขายดีมากที่สุด คือทำเลเมืองระยองขายได้ 70.9% มูลค่าขายได้ 6,083 ล้านบาท ส่วนทำเลอาคารชุดในจังหวัดระยองที่ขายดีมากที่สุดคือ ทำเลนิคมฯ อมตะซิตี้-อีสเทิร์น ขายได้ 87.2% มูลค่าที่ขายได้ 1,089 ล้านบาท
ปิดท้ายที๋โครงการที่อยู่อาศัยที่อยู่ระหว่างการขายในจังหวัดฉะเชิงเทรา มีจำนวน 66 โครงการมีหน่วยในผังของทุกโครงการรวมกัน 14,310 หน่วย มูลค่าโครงการรวม 40,784 ล้านบาท มีหน่วยเหลือขายหรือเป็นอุปทานในตลาด 5,107 หน่วยคิดเป็นมูลค่าหน่วยเหลือขาย 13,29 ล้านบาท ทำเลบ้านจัดสรรในจังหวัดฉะเชิงเทราที่ขายดีที่สุดคือ ทำเลคลองหลวงแพ่ง ขายได้ 70.3% มูลค่า 6,793 ล้านบาท สว่นทำเลอาคารชุดทำเลในเมืองฉะเชิงเทรา ขายได้ 73.1% มูลค่าที่ขายได้ 947 ล้านบาท
ข่าว reic จากสื่อสิ่งพิมพ์ อื่นๆ