ตลาดอสังหาริมทรัพย์ทรุดหนักยอดขายคอนโดมิเนียมใหม่ร่วง

          นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการจากธนาคาร และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า แนวโน้มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปี 2562 จะชะลอตัวลงจากปีก่อน 10% โดยสาเหตุหลักมาจากเศรษฐกิจของประเทศไทยที่ชะลอตัวลง ส่งผลทำให้กำลังซื้อของคนน้อย รวมทั้งมาตรการคุมสินเชื่อ หรือ LTV ที่เริ่มมีผลบังคับใช้เมื่อช่วงเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา

          สำหรับยอดโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยในปี 2562 คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 335,000 หน่วย ลดลงจากปีที่ผ่านมา7.7%ซึ่งอยู่ที่363,000หน่วยซึ่งลดลงน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ตั้งแต่ต้นปีว่าการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยจะลดลงถึง 15.6% รัฐบาลจึงออกมาตรการต่างๆช่วยเหลือประชาชนเพื่อให้มีบ้านได้ง่ายขึ้นได้แก่ 1.มาตรการลดหย่อนภาษีบ้านหลังแรก จำนวนเงินสูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท สำหรับบ้านหรือคอนโดในราคาไม่เกิน 5 ล้านบาทและ 2.ค่าโอนอสังหาริมทรัพย์และจำนองเหลือ 0.01% จากเดิม 2% และลดค่าโอนห้องชุดและจำนองห้องชุด 0.01% จากเดิม 1% ของมูลค่าที่จำนองในราคาซื้อขายและวงเงินจำนองไม่เกิน 1 ล้านบาท

          "ปัจจุบันผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์กำลังเร่งขายบ้านในสต๊อกที่เหลือขายจากปีก่อน จำนวน 154,765 หน่วย จากโครงการทั้งหมดจำนวน 492,436 ล้านบาท ซึ่งแบ่งเป็นบ้านจัดสรรเหลือ 86,113 หน่วย และคอนโดมิเนียมเหลือขาย 68,652 หน่วยให้เสร็จสิ้นโดยเร็วที่สุด โดยจากการประกาศขายพบว่า บ้านจัดสรรยังเป็นที่ต้องการของผู้บริโภค ส่วนคอนโดมิเนียมการซื้อของผู้บริโภคชะลอตัวลง ดังนั้น ในครึ่งปีหลังหากผู้ประกอบการจะมีการสร้างคอนโดมิเนียมใหม่ผู้ประกอบการจะต้องตัดสินใจให้ดีต้องดูว่าพื้นที่ที่ลงทุนมีคนจำนวนมากและทำเลที่น่าสนใจหรือไม่"

          อย่างไรก็ตาม บ้านมือสองที่มีอยู่ประมาณ 10,000 หน่วย ซึ่งมีราคาไม่ถึง 1 ล้านบาทในตลาดซื้อขายบ้านกำลังได้รับความสนใจเป็นอย่างมากเนื่องจากบ้านมือสองราคาถูกกว่าบ้านใหม่ถึง 30% นอกจากนี้ ผู้ซื้อมีกำลังซื้อไม่มาก ประกอบกับไม่มั่นใจว่าจะกู้ซื้อบ้านจากธนาคารได้หรือไม่เพราะเกณฑ์การปล่อยสินเชื่อจากธนาคารมีความเข้มงวด จึงทำให้คนมองหาบ้านราคาถูกมากขึ้น