อสังหาฯ4เดือนซบเซา
วันที่ : 16 พฤษภาคม 2562
นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยในงานสัมมนา "วิเคราะห์สถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัย กรุงเทพฯและปริมณฑล และจังหวัดอยุธยา-สระบุรี ปี 2562" ว่าภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ปีนี้ยังได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจโลก มาตรการกำกับดูแลสินเชื่อที่อยู่อาศัยใหม่ซึ่งมีการปรับเกณฑ์การให้สินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน (มาตรการแอลทีวี) ภาระหนี้ครัวเรือนสูงและกำลังซื้อของผู้บริโภค
ยอดผุดโปรเจ็กต์ใหม่ติดลบ
มองมาตรการรัฐสกัดดิ่งเหว
นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยในงานสัมมนา "วิเคราะห์สถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัย กรุงเทพฯและปริมณฑล และจังหวัดอยุธยา-สระบุรี ปี 2562" ว่าภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ปีนี้ยังได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจโลก มาตรการกำกับดูแลสินเชื่อที่อยู่อาศัยใหม่ซึ่งมีการปรับเกณฑ์การให้สินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน (มาตรการแอลทีวี) ภาระหนี้ครัวเรือนสูงและกำลังซื้อของผู้บริโภค ซึ่งตั้งแต่ต้นปีพบว่าการเปิดโครงการใหม่น้อยลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา เพราะเร่งระบายสต๊อกเดิมและรอความชัดเจนการเลือกตั้ง แต่เริ่มเห็นการเปิดโครงการในเดือนเมษายนกลับมาดีขึ้นและจะมีการเปิดตัวโครงการใหม่อีกในช่วงที่เหลือของปีนี้ เพื่อทดแทนสต๊อกเดิมและสร้างการเติบโตของบริษัท แต่คาดว่าการเปิดโครงการใหม่ปีนี้จะติดลบเทียบกับปีก่อน
นายวิชัยกล่าวว่า 4 เดือนแรก (มกราคม-เมษายน) ปี 2562 มีบ้านจัดสรรเปิดใหม่ 54 โครงการ ติดลบ 14.2% จำนวน 8,127 ยูนิต ติดลบ 17.3% จากปีก่อนที่ 63 โครงการ 9,831 ยูนิต คอนโดมิเนียมจำนวนโครงการไม่เปลี่ยนแปลงมาก แต่จำนวนยูนิตลดลงค่อนข้างมาก เปิดใหม่ 35 โครงการ ติดลบ 7.8% จำนวน 12,801 ยูนิต ติดลบ 23.3% จากปีก่อน 38 โครงการ 16,708 ยูนิต
นายวิชัยกล่าวว่า ขณะที่การโอนกรรมสิทธิ์ในช่วงเดียวกันมีการเติบโตมากก่อนมาตรการบังคับใช้ แต่คาดว่าช่วงที่เหลือของปีอาจจะไม่เติบโตมากนัก โดยมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ออกมา ได้แก่ การลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่ซื้อบ้านหลังแรกไม่เกิน 2 แสนบาท ในกลุ่มบ้านราคาไม่เกิน 5 ล้านบาท และมาตรการลดค่าธรรมเนียมการจดจำนองและการโอนของบ้านต่ำกว่า 1 ล้านบาท จะมีผลดีบ้าง ซึ่งคาดการณ์ว่าการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทั้งปีจะอยู่ที่ 335,000 ยูนิต ติดลบ 7.7% แต่หากไม่มีมาตรการรัฐเข้ามาจะเห็นการโอนกรรมสิทธิ์ที่ 302,000 ยูนิต ติดลบมากถึง 15.6% จากปีก่อนที่ 363,000 ยูนิต
นายสุรเชษฐ กองชีพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟินิกซ์ พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ แอนด์ คอนซัลแทนซี่ จำกัด กล่าวว่า ความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยของต่างชาติส่วนใหญ่กำลังซื้อหลักมาจากตลาดผู้ซื้อชาวจีน ซึ่งพบว่าตลาดนี้ชะลอตัวลงมาจากผลกระทบเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวจากผลสงครามการค้า ซึ่งขณะนี้สถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น แต่สัดส่วนลูกค้าต่างชาติเทียบกับตลาดอสังหาริมทรัพย์โดยรวมเฉลี่ยราว 8% ถือว่าสัดส่วนไม่มากนัก ซึ่งแรงขับเคลื่อนภาคอสังหาริมทรัพย์ยังมาจากกำลังซื้อในประเทศเป็นหลัก
มองมาตรการรัฐสกัดดิ่งเหว
นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยในงานสัมมนา "วิเคราะห์สถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัย กรุงเทพฯและปริมณฑล และจังหวัดอยุธยา-สระบุรี ปี 2562" ว่าภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ปีนี้ยังได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจโลก มาตรการกำกับดูแลสินเชื่อที่อยู่อาศัยใหม่ซึ่งมีการปรับเกณฑ์การให้สินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน (มาตรการแอลทีวี) ภาระหนี้ครัวเรือนสูงและกำลังซื้อของผู้บริโภค ซึ่งตั้งแต่ต้นปีพบว่าการเปิดโครงการใหม่น้อยลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา เพราะเร่งระบายสต๊อกเดิมและรอความชัดเจนการเลือกตั้ง แต่เริ่มเห็นการเปิดโครงการในเดือนเมษายนกลับมาดีขึ้นและจะมีการเปิดตัวโครงการใหม่อีกในช่วงที่เหลือของปีนี้ เพื่อทดแทนสต๊อกเดิมและสร้างการเติบโตของบริษัท แต่คาดว่าการเปิดโครงการใหม่ปีนี้จะติดลบเทียบกับปีก่อน
นายวิชัยกล่าวว่า 4 เดือนแรก (มกราคม-เมษายน) ปี 2562 มีบ้านจัดสรรเปิดใหม่ 54 โครงการ ติดลบ 14.2% จำนวน 8,127 ยูนิต ติดลบ 17.3% จากปีก่อนที่ 63 โครงการ 9,831 ยูนิต คอนโดมิเนียมจำนวนโครงการไม่เปลี่ยนแปลงมาก แต่จำนวนยูนิตลดลงค่อนข้างมาก เปิดใหม่ 35 โครงการ ติดลบ 7.8% จำนวน 12,801 ยูนิต ติดลบ 23.3% จากปีก่อน 38 โครงการ 16,708 ยูนิต
นายวิชัยกล่าวว่า ขณะที่การโอนกรรมสิทธิ์ในช่วงเดียวกันมีการเติบโตมากก่อนมาตรการบังคับใช้ แต่คาดว่าช่วงที่เหลือของปีอาจจะไม่เติบโตมากนัก โดยมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ออกมา ได้แก่ การลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่ซื้อบ้านหลังแรกไม่เกิน 2 แสนบาท ในกลุ่มบ้านราคาไม่เกิน 5 ล้านบาท และมาตรการลดค่าธรรมเนียมการจดจำนองและการโอนของบ้านต่ำกว่า 1 ล้านบาท จะมีผลดีบ้าง ซึ่งคาดการณ์ว่าการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทั้งปีจะอยู่ที่ 335,000 ยูนิต ติดลบ 7.7% แต่หากไม่มีมาตรการรัฐเข้ามาจะเห็นการโอนกรรมสิทธิ์ที่ 302,000 ยูนิต ติดลบมากถึง 15.6% จากปีก่อนที่ 363,000 ยูนิต
นายสุรเชษฐ กองชีพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟินิกซ์ พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ แอนด์ คอนซัลแทนซี่ จำกัด กล่าวว่า ความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยของต่างชาติส่วนใหญ่กำลังซื้อหลักมาจากตลาดผู้ซื้อชาวจีน ซึ่งพบว่าตลาดนี้ชะลอตัวลงมาจากผลกระทบเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวจากผลสงครามการค้า ซึ่งขณะนี้สถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น แต่สัดส่วนลูกค้าต่างชาติเทียบกับตลาดอสังหาริมทรัพย์โดยรวมเฉลี่ยราว 8% ถือว่าสัดส่วนไม่มากนัก ซึ่งแรงขับเคลื่อนภาคอสังหาริมทรัพย์ยังมาจากกำลังซื้อในประเทศเป็นหลัก
ข่าว reic จากสื่อสิ่งพิมพ์ อื่นๆ