เอสซีซีพี ร่วมทุนผุดคอนโดศรีราชา
“เอสซีซีพี”ผนึก“โกลเด้น กรุ๊ป”ตั้งบริษัทร่วมทุน“โกลด์ไชน์”เปิดตัวโครงการคอนโดศรีราชา เจาะดีมานด์คนทำงาน รับอานิสงส์อีอีซี
นายสุชาติ เจียรานุสสติ ประธานกรรมการบริหาร เอสซี แคปปิตอล พาร์ทเนอร์ส หรือเอสซีซีพี (SCCP) ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการกองทุนอสังหาริมทรัพย์ในเอเชียแปซิฟิก เปิดเผยว่า เอสซีซีพี ได้ร่วมมือกับโกลเด้น กรุ๊ป ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ในภาคตะวันออก
จัดตั้งบริษัทร่วมทุน คือบริษัท โกลด์ไชน์ จำกัด เพื่อพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม“คีน ศรีราชา” ทำเลศรีราชา จ.ชลบุรี มูลค่าโครงการ 3,200 ล้านบาท บนที่ดินขนาด 3 ไร่ โครงการดังกล่าว เอสซีซีพีถือหุ้น 75% และโกลเด้น กรุ๊ป 25%
โครงการ คีน ศรีราชา วางกลุ่มเป้าหมายนักธุรกิจหรือผู้ที่ทำงานอยู่พื้นที่ จ.ชลบุรี โดยเฉพาะศรีราชา เป็นโซนรองรับคนทำงานในนิคมอุตสาหกรรมใกล้เคียง คาดว่าโครงการนี้จะได้รับอานิสงส์จากแผนการขยายเขตเศรษฐกิจการลงทุนพิเศษหรือระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก(อีอีซี)ที่มีโรงงานกว่า 9,000 แห่ง และคนทำงานกว่า 6 แสนคน
คีนฯเป็นคอนโดสูง 38 ชั้น จำนวน 625 ยูนิต หรือ 23 ยูนิตต่อชั้น คาดเริ่มก่อสร้างไตรมาส3 ปีนี้ แล้วเสร็จเดือนมิ.ย.2563 เจาะกลุ่มลูกค้าไทยและต่างชาติสัดส่วนใกล้เคียงกัน
โดยจะเริ่มพรีเซลสัปดาห์หน้า ตั้งเป้าหมายยอดขายโครงการ 50-60% ในช่วง 6 เดือนแรก ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 2.9 ล้านบาท เฉลี่ย 1 แสนบาทต่อตร.ม. ถือเป็นราคาไฮเอนด์ เมื่อเทียบกับโครงการทั่วไปในโซนศรีราชา ที่ขายเฉลี่ย 7-8 หมื่นบาทต่อตร.ม. ในทำเลนี้มีโครงการคอนโดไฮเอนด์เพียง 2-3 โครงการ
“โครงการคีนฯ หากซื้อเพื่อลงทุนก็ยังได้ผลตอบแทนดี ยีลด์ค่อนข้างสูง คาดอยู่ที่ 7-8% เป็นรายได้ก่อนหักภาษี หลังหักค่าใช้จ่ายแล้วจะอยู่ที่ราว 4%” นายสุชาติ กล่าวว่า บริษัทเลือกร่วมทุนกับโกลเด้น กรุ๊ป ที่บริหารงานโดยนายโสภณ เธียรเจษฏาไชย เนื่องจากเป็นผู้พัฒนาอสังหาฯรายใหญ่ในภาคตะวันออก ดำเนินงานมาแล้วกว่า 12 โครงการ รวมกว่า 1,500 ยูนิต
โดยก่อนหน้านี้ เอสซีซีพี และโกลเด้น กรุ๊ป เคยร่วมทุนกันจัดตั้งบริษัทเพื่อดำเนินโครงการคอนโดฯและเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์“ซันทารา คอนโดมีเนียม”ในศรีราชา
โดยโกลด์ไชน์ ถือเป็นบริษัทอันดับที่ 12 ที่เอสซีซีพี ตั้งขึ้นในไทย
ขณะที่ภาพรวมตลาดอสังหาฯขณะนี้มองว่า ยังอยู่ในภาวะทรงตัวต่อเนื่องจากปีก่อน ผนวกกับปัจจัยภายนอก เช่น การเมืองและนโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ส่งผลให้นักลงทุนและแผนลงทุนต่างๆในตลาดอยู่ในสภาวะติดตามสถานการณ์อย่างระมัดระวัง แต่มองว่า ปัจจัยลบต่างๆ เหล่านี้เป็นช่วงสั้น
“หากผู้ประกอบการจับตลาดและเทรนด์ได้ถูกต้อง อย่างถูกช่วงเวลา สินค้าที่มีอยู่ในมือก็จะขายได้ในไม่ช้า”
สำหรับภาพรวมของเอสซีพีพี ที่ผ่านมาได้ลงทุนทั้งโครงการที่อยู่อาศัยและโรงแรมในหลายประเทศเช่นจีน ญี่ปุ่น ฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลเซีย ออสเตรเลีย ล่าสุดอยู่ระหว่างดำเนินโครงการร่วมทุนโครงการคอนโดมิเนียมกับพาร์ทเนอร์ท้องถิ่นในเวียดนาม ที่เมืองโฮจิมินห์ เจาะกลุ่มตลาดล่าง มูลค่าโครงการกว่า 2,000-3,000 ล้านบาท จำนวน 400 -600 ยูนิต
ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ