เสนาฯ ผนึกญี่ปุ่นผุดคอนโดฯย่านเตาปูน
"เสนาฯ" ผนึก "ฮันคิว เรียลตี้" จากญี่ปุ่น ผุดโครงการคอนโดฯ แห่งแรกย่านเตาปูน มูลค่า 4,000 ล้านบาท รับศูนย์กลางระบบคมนาคมขนส่ง คาดปลายปีเปิดตัวโครงการ เผยแนวโน้มรายได้เติบโต 20% เดินหน้าผุด 10 โครงการตามแผน เกาะแนวรถไฟฟ้าจับกลุ่มลูกค้ากลาง-ล่าง เชื่อหลังหนี้รถคันแรกหมด ฐานลูกค้ากลุ่มนี้กำลังซื้อกลับมาฟื้นตัว
นางเกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) (SENA) กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการร่วมทุนกับบริษัท ฮันคิว เรียลตี้ จำกัด จากประเทศญี่ปุ่นว่า ประมาณปลายปีนี้จะเปิดตัวโครงการแรกรูปแบบคอนโดมิเนียมแนวสูงย่านเตาปูน มูลค่าโครงการกว่า 3,000-4,000 ล้านบาท พัฒนาบนเนื้อที่ 3 ไร่ จำนวนห้องพักอาศัย 700-800 ยูนิต ภายใต้ชื่อโครงการ The Niche Pride เตาปูน ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการออกแบบโครงการและอยู่ระหว่างการประเมินในเรื่องราคาขายโครงการ
โดยโครงการดังกล่าวจะเป็นการพัฒนาภายใต้บริษัทร่วมทุน คือ บริษัท เสนา ฮันคิว 1 จำกัด ทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท บริษัทเสนาฯ ถือหุ้น 51% และฮันคิว 49% และคาดว่าภายในปีนี้ จะมีโอกาสพัฒนาโครงการภายใต้บริษัทร่วมทุนเพิ่มอีก 1 โครงการ
"เราใช้เวลาเกือบหนึ่งปีถึงได้ข้อสรุปความร่วมมือ ทั้งนี้ การพัฒนาโครงการ ของฮันคิวก็คล้ายคลึงกับของเสนา เพราะเป็นโครงการสามารถให้คนจับต้องได้แบบ Dream Come True ซึ่งยังเป็นกลยุทธ์หลักของเสนาในการพัฒนาโครงการ การที่ได้ฮันคิวเข้ามาเป็นพันธมิตรก็จะมาเสริมความแข็งแกร่งซึ่งกันและกัน"
สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 60 บริษัทตั้งเป้ารายได้ในเติบโต 20% จากปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 4,050 ล้านบาท โดยในปีนี้จะทยอยรับรู้รายได้จากมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) เกือบทั้งหมดที่มีอยู่ ในปัจจุบันที่ 3,000-4,000 ล้านบาท
ขณะที่ยอดขายได้ตั้งเป้าเติบโต 20% เทียบกับยอดขายในปีที่ผ่านมาที่ทำได้กว่า 4,000 ล้านบาท โดยตามแผนจะเปิด 10 โครงการใหม่ มูลค่ากว่า 12,000 ล้านบาท หลักๆ จะเปิดแนวรถไฟฟ้า โดยเป็นโครงการคอนโดมิเนียม 9 โครงการ และโครงการแนวราบ 1 โครงการ ใน 10 ทำเล คือ สุขุมวิท 50, บางกะดี, ปากเกร็ดหรือแจ้งวัฒนะ, บางแค, สุขุมวิท 70 หรือ แบริ่ง, รามอินทรา กม.9, ลำลูกกา, คูคต, เตาปูน และสุขุมวิท 113 ที่เป็นเฟสต่อขยาย
"ที่อยู่อาศัยแนวรถไฟฟ้ายังมีความต้องการอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะโครงการคอนโดมิเนียมที่ไม่ห่างจากรถไฟฟ้ามากนัก ในราคาระดับกลาง-ล่าง ที่เป็นกลุ่มลูกค้าที่มีสัดส่วนมากในตลาด และเป็นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของบริษัท และหากภาระหนี้รถคันแรกสิ้นสุดลงไป จะส่งผลดีต่อตลาดกลาง-ล่างมีการฟื้นตัวขึ้น ทั้งในแง่ของอัตราการปฏิเสธสินเชื่อที่ลดลงและกำลังซื้อที่กลับมา โดยใน 10 โครงการเปิดใหม่ปีนี้ เป็นโครงการระดับกลาง-ล่าง จำนวน 7 โครงการ และโครงการระดับกลาง-บน จำนวน 3 โครงการ"
ขณะที่ธุรกิจโซลาร์ของบริษัทในปี 60 คาดว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้น 4-5% จากปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 37.3 ล้านบาท
ที่มา : ผู้จัดการรายวัน 360 องศา