ภิรมย์ภักดี พลิกที่เขาใหญ่ดึงพันธมิตรปั้นโครงการรองรับสังคมไฮโซวัยเกษียณ
ปิยะ ภิรมย์ภักดี เปิดกรุที่ดินเขาใหญ่ 800 ไร่ ผนึกพันธมิตร ไทย-ต่างชาติ ลุยบ้านวัยเกษียณเน้นอยู่อาศัยจริงพร้อมศูนย์เรียนรู้พฤกษศาสตร์ ดูดกำลังซื้อด้วยราคาที่ดินถูกกว่ารอบข้าง เท่าตัว
ปัจจุบันทำเลเขาใหญ่ มีโครงการบ้านพักตากอากาศและคอนโดมิเนียมเกิดขึ้นค่อนข้างมาก จนมีแนวโน้มว่าซัพพลายจะมากกว่าความต้องการ ขณะเดียวกันหากพัฒนาให้เกิดความต่างและมีกลุ่มเป้าหมายชัดเจน เชื่อว่ากำลังซื้อยังมี
นายบูรณิศ ยุกตะนันทน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปิยะ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวว่า นายปิยะภิรมย์ภักดี นำที่ดินส่วนตัว จำนวน 800 ไร่ จากทั้งหมด 2,500 ไร่ ที่สะสมมากว่า 30 ปี บริเวณตำบลพญาเย็น อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ห่างจากอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่เพียงเล็กน้อย ร่วมกับพันธมิตรทั้งไทยและต่างชาติ พัฒนาเป็นศูนย์รวมที่อยู่อาศัยที่ สัมผัสธรรมชาติจริง สำหรับคนวัยเกษียณและต้องการเน้นสังคมอยู่อาศัยจริง โดยนักลงทุนไทยที่ร่วมแล้วเช่น บริษัท NYC เอสเตท จำกัด ซึ่งจะวางมาสเตอร์แพลนระยะยาว 5 ปี นับจากนี้
รูปแบบโครงการจะไม่ใช่บ้านพักคนชราเหมือนสังคมไทยเข้าใจ อาทิ บ้านบางแค แต่จะเป็นสังคมที่วางมือจากการทำงาน และต้องการพักผ่อนอาจมีอายุไม่ถึง 50 ปี ซึ่งรูปแบบจะมีเช่าระยะยาว 20 ปี 30 ปี สำหรับต่างชาติและขายขาดสำหรับคนไทยโดยเน้นขายแปลงที่ดินและให้ลูกค้าสร้างบ้านเอง ตามแบบและผังที่กำหนดรวมทั้งยังมีแผนพัฒนาเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ โรงแรม แต่จะไม่พัฒนาเป็นคอนโดมิเนียม ให้บดบังทัศนียภาพ
ล่าสุด เริ่มพัฒนาแปลงที่ดิน แบ่งเป็น 2 เฟส ได้แก่ เฟสเอ บ้านติดเลคจำนวน 22 แปลง พื้นที่ขนาด 1 ไร่ ขึ้นไป สำหรับครอบครัวใหญ่ ขายแล้ว 50% ส่วนใหญ่เป็นนักธุรกิจ คนมีชื่อเสียง อาทิ คนในตระกูลสาระศาสตร์ที่ซื้อที่ดินติดเลคสร้างบ้านมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท ซึ่งบริษัทได้สร้างบ้านตัวอย่างให้เยี่ยมชมมูลค่า 85 ล้านบาท ส่วนเฟสบีบ้านติดภูเขา ตารางวาละ 3.5 หมื่นบาท จำนวน 50 แปลงขนาดแปลงไม่ถึง 1 ไร่ สำหรับคนรุ่นใหม่ปัจจุบันขายแล้ว 30%
บริษัทมีเงื่อนไขว่า ต้องสร้างบ้านภายใน 3 ปี นับจากซื้อที่ดินเพื่อให้เกิดความคึกคักมีสังคม ซึ่งจุดเด่นที่ลูกค้าสนใจเนื่องจากบริษัทขายที่ดินค่อนข้างถูก คือ แปลงพรีเมียม ติดเลคราคาเพียง 4.5 หมื่นบาทต่อตารางวาเท่านั้น ขณะที่โครงการข้างเคียงขายตารางวาละ 1 แสนบาท เนื่องจากได้เปรียบเรื่องต้นทุนที่ดิน และไม่มีแนวคิดปรับราคาที่ดินเพิ่ม
นอกจากนี้บริษัทมีแนวคิด ร่วมพัฒนาสาธารณูปโภค และบริการสาธารณะกับพันธมิตร พร้อมทั้งสร้างแรงจูงใจให้คนเข้าพื้นที่ด้วยการพัฒนาเป็นสวนพฤกษศาสตร์ที่บริษัทผลักดันให้เป็นศูนย์การเรียนรู้ อีกทั้งยังเน้นกิจกรรมที่ทำร่วมกันสำหรับครอบครัว อาทิ สวนสนุก สวนน้ำ ยิงธนู เดินป่า นวดสปา สถานเสริมความงามครบวงจร รวมถึงโรงแรมสำหรับนักท่องเที่ยวในอนาคต เป็นต้น
อย่างไรก็ดี แนวคิดที่นี่ต้องการพัฒนาให้เป็นที่อยู่อาศัยที่มีสีสัน แต่ เน้นความเป็นส่วนตัว ไม่อึกกะทึกไม่มีร้านค้า เหมือนทำเลถนนธนะรัชต์ ซึ่งที่ผ่านมา นายปิยะเจ้าของที่ดิน พัฒนา ที่ดิน 1,700 ไร่ เป็นไร่องุ่น หรือไร่พีบีวัลเล่ย์ ส่วนอีก 800 ไร่ พัฒนาเป็นโครงการภิรมย์ แอทวินยาร์ดดังกล่าว
ที่มา : หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ