เวิลด์ ยึดอสังหาฯรายได้หลัก
Loading

เวิลด์ ยึดอสังหาฯรายได้หลัก

วันที่ : 21 มีนาคม 2560
เวิลด์ ยึดอสังหาฯรายได้หลัก

บอร์ดเวิลด์คอร์ปอเรชั่น ไฟเขียวปรับธุรกิจ หันลุยอสังหาเป็นรายได้หลัก เผยอยู่ระหว่างเจรจาร่วมทุนอีก 3-5 โครงการ คาดได้ข้อสรุปภายใน1-2 เดือนนี้

นายจิรศักดิ์ จิยะจันทน์ ประธาน เจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เวิลด์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) WORLD เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท มีมติ ให้ปรับนโยบายการประกอบธุรกิจ โดยให้บริษัท ประกอบธุรกิจประเภทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เพื่อเป็นแกนหลักในการผลักดันผลประกอบการให้มีการเติบโตขึ้นอย่างเด่นชัด เนื่องจากเล็งเห็นถึงโอกาสและความพร้อมของบริษัทในการทำธุรกิจ ดังกล่าวจากการที่บริษัทได้เริ่มพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ไปแล้วบางส่วนตั้งแต่ปี 2558  "ปัจจุบันบริษัทกำลังอยู่ระหว่างศึกษาโครงการอสังหาริมทรัพย์อื่นๆ เพิ่มเติม และวางแผนการดำเนินงานกำหนดนโยบาย ทิศทาง กลยุทธ์ แผนธุรกิจโครงสร้างองค์กร โครงสร้างการบริหาร และหลักในการดำเนินธุรกิจของบริษัท ให้สอดคล้องกับนโยบายการประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับบริษัทและผู้ถือหุ้น"

โดยบริษัทได้มีการจัดตั้ง 2 บริษัทใหม่ ประกอบด้วย บริษัท เวิลด์ พร๊อพเพอร์ตี้ แอนด์ แอสเซท เมเนจเม้นท์ เพื่อเข้าลงทุนในด้านอสังหาริมทรัพย์ ประกอบด้วย อาคารสำนักงาน อาคารที่พักอาศัย โดยมีสัดส่วนในการถือหุ้น 99.99% และบริษัท เวิลด์บิวด์ คอนสตรัคชั่น เพื่อประกอบกิจการรับเหมาก่อสร้าง สัดส่วนการถือหุ้น 99.99% และถือหุ้น ในสัดส่วน 99.99% ในบริษัท ภูเก็ตฟิวเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ดำเนินโครงการ ดิเอ็มเมอร์รัล เทอร์เรช คอนโด ป่าตอง คอนโดมิเนียมหรู ในจ.ภูเก็ต มูลค่าโครงการ 720 ล้านบาท และกำลังจะเปิดตัว โครงการนอร์ทสาทร เรสซิเด้นท์ มูลค่าโครงการ 750 ล้านบาท

ผลการดำเนินงานประจำปี สิ้นสุดวันที่ 31 พ.ค. 2559 บริษัทมีรายได้รวม 1,226.01 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 758.64 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน 467.37 ล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วน 61.61% เนื่องจากมีรายได้จากการขายจากธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ที่ป่าตอง จังหวัดภูเก็ต โดยในงวดปีนี้รับรู้รายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์เป็นจำนวน 370.42 ล้านบาท ทำให้มีสัดส่วนรายได้เท่ากับ 30.21% ของรายได้รวม

เบื้องต้นได้มีการวางเป้าหมายว่าจะผลักดันให้ผลประกอบการจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในรอบบัญชีของปี 2560 ขยายตัวแบบเท่าตัวจากรอบบัญชีปี 2559 โดยประเมินว่าเป็นธุรกิจที่ยังมีศักยภาพในการเติบโตต่อไปในอนาคตได้อีกมาก ทั้งนี้มีหลายโครงการที่สนใจ ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปเร็วๆ นี้ และในอนาคตโครงสร้างของรายได้จะเปลี่ยนแปลงเป็นมี รายได้หลักจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ แทนที่ธุรกิจการศึกษา

ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ