สังเวียนโรงแรมเดือดทีซีซีฯผุด50แห่งใน5ปี
Loading

สังเวียนโรงแรมเดือดทีซีซีฯผุด50แห่งใน5ปี

วันที่ : 22 มีนาคม 2560
สังเวียนโรงแรมเดือดทีซีซีฯผุด50แห่งใน5ปี

ทีซีซี กรุ๊ป ส่งบริษัทลูก แอสเสท เวิรด์ ตั้งเป้าลงทุน 50 โรงแรมใน 5 ปี ดันจำนวนโรงแรมในไทย เฉียด 100 แห่ง ชูบทบาทผู้พัฒนาโครงการโรงแรมเติบโตเร็วสุดในเอเชีย ลั่นปรับโครงสร้างการเงินใหญ่ปีนี้ เปิดกว้างระดมทุนทุกทาง พร้อมวางกลยุทธ์ใช้เชนโลกบริหาร คู่ขนานการพัฒนาแบรนด์ตัวเอง 4 คอลเลคชั่น

 

สถานการณ์แข่งขันธุรกิจโรงแรมที่ดุเดือด ในไทย จากปริมาณห้องพักล้นเกิน ที่ผ่านมายังเห็นการปิดตัวของโรงแรมสวิสโฮเต็ล ปาร์คนายเลิศ ขณะที่โรงแรมในตำนานอย่าง"ดุสิตธานี กรุงเทพ" ปรับตัวครั้งใหญ่ ด้วยการผนึกกำลังบมจ.เซ็นทรัลพัฒนา พลิกโฉมโรงแรม คู่กับการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รูปแบบผสมผสาน

 

ล่าสุดธุรกิจโรงแรม ของกลุ่มไทยเจริญ คอร์ปอเรชั่น หรือ เครือทีซีซี ซึ่งปัจจุบันถือเป็น กลุ่มที่เป็นเจ้าของโรงแรมมากที่สุดในไทย นอกจากจะประกาศแผนรุกการลงทุนต่อเนื่องแล้ว ยังกำลังจะปรับโครงสร้างการเงินครั้งใหญ่ เพื่อเพิ่ม ขีดความสามารถในการแข่งขัน

 

นิชันท์ โกรเว่อร์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัทแอสเสท เวิรด์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า ธุรกิจโรงแรมในเครือที่มีอยู่กว่า 46 แห่งทั่วโลก แบ่งเป็นโครงการในไทยกว่า 38 แห่ง สามารถทำรายได้เติบโตในปีที่ผ่านมากว่า 13% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของธุรกิจโรงแรมทั้งหมดที่เติบโตไม่เกิน 10% ทำให้วางวิสัยทัศน์การขยายธุรกิจโรงแรมในเชิงรุกต่อเนื่อง

 

ตั้งเป้าเปิด50โรงแรมใน5ปี

 

โดยตั้งเป้าหมายภายในปีนี้จะมีโรงแรมเพิ่มเป็น 48 แห่ง และในระยะ 5 ปีจากนี้ (2560-2564) จะมีโรงแรมเฉพาะในไทยเพิ่มอีกราว 50 แห่งกระจายทั่วประเทศ ทำให้เมื่อรวมกับปัจจุบันจะมีจำนวนใกล้เคียง 100 โรงแรม ตอกย้ำบทบาทการเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ด้านการบริการที่เติบโตเร็วที่สุดในประเทศ จากที่ปัจจุบันถือเป็นกลุ่มที่เป็นเจ้าของกิจการโรงแรมมากที่สุดในไทย

 

สำหรับธุรกิจโรงแรม บริหารงานภายใต้กลุ่มธุรกิจย่อย บริษัท แอสเสท เวิรด์ ลีเฌอร์ จำกัด สามารถสร้างรายได้ในสัดส่วนราว 80% เมื่อเทียบกับอีก 4 ธุรกิจย่อยที่อยู่ในเครือ ได้แก่ กลุ่มธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัย, กลุ่มธุรกิจรีเทล, กลุ่มธุรกิจอาคารสำนักงาน และกลุ่มธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม โดยใน ปี 2560 ตั้งเป้ารายได้เติบโตต่อเนื่อง 30% โดยมี 3 โครงการใหม่ที่เปิดให้บริการ ได้แก่ โรงแรมเดอะ ระวีกัลยา แบงค็อก จำนวน 38 ห้อง ในกรุงเทพฯ ที่เปิดตัวไปเมื่อเดือน ก.พ. ส่วนอีก 1 แห่งเป็นโครงการสร้างใหม่ในกรุงเทพฯ เช่นกันที่มอบหมายให้แมริออท เป็นผู้บริหาร และอีก 1 แห่งเป็นโครงการที่จะบริหารเอง ตั้งอยู่ในเชียงใหม่ เป็นโครงการที่รีแบรนด์มาจากกิจการโรงแรมเดิมที่มีอยู่แล้ว

 

"เชนบริหาร"คู่ขนาน"บริหารเอง"

 

นายนิชันท์ กล่าวว่า กลยุทธ์การขยายโรงแรมของแอสเสท เวิรด์ ต่อไป จะยังคงยึดแนวทางแบ่งสัดส่วน 50% เท่ากันระหว่างโครงการที่มอบหมายให้บริษัทรับบริหารจัดการนานาชาติ (เชน) ที่มีแบรนด์ชั้นนำระดับโลกเข้ารับบริหาร และโครงการที่รับบริหารเองซึ่งอยู่ระหว่างการปรับเซกเมนต์และจัดกลุ่มแบรนด์ให้เหมาะสม โดยในจำนวน 46 โรงแรมที่มีอยู่ แบ่งเป็นโครงการที่บริหารเองอยู่แล้วกว่า 26 แห่ง และให้เชนรับบริหาร 20 แห่ง โดยมีเชนที่ทำงานร่วมกัน อาทิ ฮิลตัน, สตาร์วู้ด, ไอเอชจี, โอกุระ, แมริออท, บันยันทรี เป็นต้น

 

เปิด4แบรนด์บริหารเอง

 

ทั้งนี้ ภายในไตรมาส 3 ของปีนี้ จะได้ข้อสรุปในรายละเอียด พร้อมการเปิดตัวโครงการภายใต้แบรนด์ใหม่ที่พัฒนาเองขึ้นมาใน 4 คอลเลคชั่น ได้แก่ ดิ อิมพีเรียล คอลเลคชั่น, เดอะ เวลเนส คอลเลคชั่น, เดอะ ฟลอรัล คอลเลคชั่น และ ดิ แอท คอลเลคชั่น ซึ่งจะทำให้ครอบคลุมการตลาดในทุกเซกเมนต์การท่องเที่ยวในไทย โดยโรงแรมเดอะ ระวีกัลยา แบงค็อก ที่เปิดตัว ไปแล้ว ถือเป็นการนำร่องในกลุ่มเดอะ เวลเนส คอลเลคชั่น ที่จะเน้นบริการดูแลสุขภาพครบวงจร ด้วยการสร้างแบรนด์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

 

ปรับปรุงเรือนเก่าร.6ผุดโรงแรม

           

โครงการดังกล่าว ปรับปรุงจากเรือนเก่าสร้างขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ถือเป็นทำเลส่วนหนึ่งของอาณาบริเวณวังเทเวศร์ ในเขตพระนคร พื้นที่รวมกว่า 900 ตร.ม. ซึ่งมาจากการซื้อที่ดินส่วนหนึ่งและเช่าที่ดินส่วนหนึ่งจากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ตั้งเป้าว่าหลังจากเปิดให้บริการครบ 1 ปีจะมีอัตราเข้าพักเฉลี่ยราว 75-80% มีกลุ่มเป้าหมายเป็นลูกค้าต่างชาติ 60% เนื่องจากใกล้กับทำเลที่มีชาวต่างชาติเดินทางมาทำงานและ ท่องเที่ยว เช่น สหประชาชาติ (ยูเอ็น) และคาดว่าจะมีลูกค้าคนไทยกว่า 40% เพราะมีจุดเด่นด้านการเป็นรีสอร์ทใจกลางเมืองที่หาไม่ได้ในกรุงเทพฯ  จึงพร้อมนำเสนอบริการให้ลูกค้าที่ต้องการเปลี่ยนบรรยากาศพักผ่อนในช่วงสุดสัปดาห์

 

เตรียมปรับโครงสร้างการเงิน-ลงทุน

 

นายนิชันท์ กล่าวด้วยว่า ด้วยการตั้งเป้าโรงแรมเพิ่มอีก 50 แห่ง ทำให้ภายในปีนี้บริษัทเตรียมปรับโครงสร้างการบริหารจัดการด้านการเงิน และศึกษาแนวทางการลงทุนเพื่อให้สอดคล้องกับการขยายตัว โดยจะศึกษาแนวทางระดมทุนเปิดกว้างทุกทาง เช่น การจัดตั้งกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (รีท) ด้วย แต่ขณะนี้ ยังอยู่ระหว่างจัดทำแผน จึงยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน

 

"วางเป้าหมายให้บริษัทเป็นนักพัฒนาอสังหาฯที่ขยายกิจการได้รวดเร็วและมี รายได้เติบโตมากที่สุดในเอเชีย ทุกโครงการเน้นการลงทุนเอง โดยยังไม่มีแผนการขยายกิจการในรูปแบบรับบริหาร"

 

ทั้งนี้ จะให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงการที่มีเอกลักษณ์ และเป็นไฮไลท์ เช่น การจับมือกับแมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล เปิดตัวโรงแรมแมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค ซึ่งเป็นระดับท็อปแบรนด์ของแมริออทโครงการแรกในเอเชีย และยังเป็นโรงแรมใหญ่ที่สุดของกรุงเทพฯ ด้วยจำนวนกว่า 1,300 ห้อง

 

ขณะที่ โรงแรมเดอะ ระวีกัลยา ก็จะ เป็นต้นแบบในด้านการสร้างโรงแรมที่มี คุณค่าและเป็นมรดกทางประวัติศาสตร์ เมื่อการปรับแผนพัฒนาแบรนด์ของตัวเอง 4 คอลเลคชั่นเรียบร้อย พร้อมจัดโครงสร้างทางการเงินแล้วเสร็จ เมื่อถึงปี 2561 จะเห็นโฉมใหม่ของแอสเสท เวิรด์ ที่พร้อมเปิดฉากตัวแข่งขันในธุรกิจโรงแรมอย่างเต็มตัวมากขึ้น

 

พัฒนาแบรนด์อิมพีเรียลโฉมใหม่

 

นอกจากนั้น ยืนยันว่าแบรนด์อิมพีเรียล โรงแรมเก่าแก่ของทีซีซี กรุ๊ป จะยังได้รับการพัฒนาปรับปรุงใหม่เพื่อให้มีศักยภาพรองรับตลาดเต็มที่กว่าเดิม ปัจจุบันยังมีโรงแรมดังกล่าวครอบคลุมทำเลที่ดีหลากหลายจังหวัด เช่น อิมพีเรียล ภูแก้ว ฮิลล์ รีสอร์ท จ.เพชรบูรณ์ และอิมพีเรียล เชียงราย เป็นต้น และจะเห็นได้ว่าใน 4 คอลเลคชั่นยังคงมีกลุ่มอิมพีเรียล เป็นหนึ่งในแบรนด์หลักสำหรับการขยายกิจการต่อเนื่อง

ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ