ธปท.จับมือ 16 แบงก์ เปิดคลินิกแก้หนี้ดีเดย์มิ.ย.นี้
แบงก์ชาติ จับมือ 16 แบงก์ เปิดคลินิกแก้หนี้ที่ไม่มีหลักประกัน ดีเดย์ มิ.ย.นี้ คิดดอกเบี้ยไม่เกิน 7% วางกรอบผู้เข้าร่วมโครงการต้องไม่ก่อหนี้เพิ่มในระยะเวลา 5 ปี
นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ปัญหาหนี้ภาคครัวเรือนมีแนวโน้มสูงขึ้นจนอาจกระทบต่อการดำรงชีวิตของประชาชน และภาพรวมเศรษฐกิจระยะยาว ธปท. สมาคมธนาคารไทย สมาคมธนาคารนานาชาติ สถาบันการเงิน 16 แห่ง และบริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (SAM) ได้ลงนามร่วมกันจัดทำโครงการแก้ปัญหาหนี้ส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกัน หรือคลินิกแก้หนี้ เพื่อช่วยให้ลูกหนี้ที่สุจริตและมีความมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหาได้มีโอกาสแก้ไขปัญหาภาระหนี้สินที่มีกับเจ้าหนี้หลายรายอย่างครบวงจรและเป็นมาตรฐานเดียวกัน โดยให้ SAM ทำหน้าที่เป็นตัวแทนเจ้าหนี้ปรับปรุงโครงสร้างหนี้ และเป็นพี่เลี้ยงให้ลูกหนี้ปรับพฤติกรรมไม่ให้ก่อหนี้เพิ่มอีก
สำหรับโครงการนำร่องจะเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายนนี้ คุณสมบัติของผู้เข้าร่วมโครงการต้องเป็นบุคคลธรรมดา มีเงินเดือนประจำ อายุไม่เกิน 65 ปี มีหนี้บัตรเครดิต บัตรกดเงินสด หรือสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกันค้างเกินกว่า 3 เดือน หรือ 90 วัน กับธนาคารตั้งแต่ 2 แห่งขึ้นไป ก่อนวันที่ 1 พฤษภาคม 2560 ไม่ถูกฟ้องดำเนินคดี ยอดหนี้เงินต้นค้างชำระรวมไม่เกิน 2 ล้านบาท โดยคิดอัตราดอกเบี้ยไม่เกินร้อยละ 7 ต่อปี ระยะเวลาไม่เกิน 10 ปี คาดว่าจะมีลูกหนี้เข้าร่วมโครงการนำร่องหลายแสนราย มูลหนี้ประมาณ 100,000 ล้านบาท
ขณะที่ นายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า ผู้เข้าร่วมโครงการมีวินัยทางการเงินที่ดี หากมีการชำระทุกงวดตรงเวลาจะได้รับการลดดอกเบี้ย หากยอด หนี้ไม่เกิน 30,000 บาท คิดดอกเบี้ยไม่เกินร้อยละ 4 และสูงสุดไม่เกินร้อยละ 7 ที่สำคัญผู้เข้าร่วมโครงการต้องไม่ก่อหนี้เพิ่มในระยะเวลา 5 ปี และต้องพร้อมเรียนรู้การสร้างวินัยทางการเงินที่ดี ผู้เข้าร่วมโครงการจะได้ประโยชน์จากการแก้หนี้ คือ ไม่ถูกทวงถามหนี้จากเจ้าหนี้หลายราย ลดภาระการผ่อนชำระต่อเดือน รวมหนี้และผ่อนชำระที่เดียว ผู้ที่สนใจสามารถเข้าร่วมโครงการที่ www.คลินิก แก้หนี้.com, wwww.debtclinicby sam.com และ 0-2610-2266 ทุกวัน จันทร์-ศุกร์ เวลา 08.30-17.00 น.
ทั้งนี้ จากข้อมูลพบว่าหนี้ครัวเรือนปี 2559 ลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 79.9 จากปี 2558 ที่ร้อยละ 81.2 แต่พบว่าผู้เป็นหนี้มีอายุน้อยลงเป็นหนี้ระยะเวลานานขึ้นและวงเงินหนี้สูงขึ้นจาก 70,000 บาทต่อคน มาเป็น 150,000 บาทต่อคน โดยเฉพาะกลุ่มคนทำงานอายุ 29 ปีขึ้นไปมีหนี้ค้างชำระเกิน 90 วันมากขึ้น และระดับ หนี้ของคนไทยไม่ได้ลดลง แม้จะอยู่ในวัยใกล้เกษียณ ซึ่งจะกระทบต่อการดำรงชีวิตและภาพรวมเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม ธปท.เชื่อว่าแนวโน้มหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีของไทยมีโอกาสปรับตัวลดลง โดยเฉพาะหนี้ที่เกี่ยว ข้องกับโครงการรถยนต์คันแรกระมัดระวังมากขึ้น
สำหรับธนาคารพาณิชย์ 16 แห่งที่เข้าร่วมโครงการ ได้แก่ ธนาคาร กรุงเทพ กรุงไทย กรุงศรีอยุธยา กสิกร ไทย ไทยพาณิชย์ ธนชาต ยูโอบี แลนด์แอนด์เฮ้าส์ เกียรตินาคิน ซิตี้แบงก์ สาขากรุงเทพ ซีไอเอ็มบีไทย ทหารไทย ทิสโก้ ไทยเครดิตเพื่อรายย่อย ธนาคารแห่งประเทศจีน (ไทย) และธนาคารไอซีบีซี (ไทย)
ที่มา : หนังสือพิมพ์สยามธุรกิจ