ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ ยันดำเนินนโยบายการเงินและค่าเงินบาทกลไกตลาดและภาวะเศรษฐกิจ ที่ปัจจุบันเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตามการฟื้นตัวของภาคส่งออกและการบริโภคภาคเอกชน คาดการลงทุนภาคเอกชนจะเติบโตตามการลงทุนของภาครัฐ ระบุยังไม่เห็นสัญญาณฟองสบู่แตกของภาคอสังหาริมทรัพย์ การผิดนัดชำระตั๋วบีอีของผู้ประกอบการเป็นเพียงการบริหาร ผิดพลาดของแต่ละบริษัทไม่ใช่เกิดจากระบบ

นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)กล่าวว่า ประเทศไทยได้ดำเนินนโยบายการเงินตามความเหมาะสมกับเศรษฐกิจของประเทศ โดยปัจจุบันภาวะเศรษฐกิจของไทยเริ่มมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากการส่งออกและการบริโภคภาคเอกชนมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้น รวมทั้งการลงทุนภาครัฐที่ยังคงมีนโยบายลงทุนอีกหลายโครงการ ซึ่งจะเป็นแรงกระตุ้นผลักดันให้ภาคเอกชนมีการฟื้นตัวลงทุนเพิ่มขึ้นตามภาครัฐและตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

การที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ได้มีข้อเสนอแนะให้ประเทศไทยดำเนินนโยบายผ่อนคลายหรือยืดหยุ่นมากกว่านี้ เป็นเพียงการเก็บข้อมูลมาประเมินและทบทวนเศรษฐกิจของทุกประเทศที่ไอเอ็มเอฟได้ทำทุกปี เป็นการแนะนำและเสนอให้กับทุกประเทศ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับประเทศไหนจะเอาไปใช้หรือไม่ใช้ก็ได้ ประเทศไทยได้ดำเนินนโยบายทางการเงินที่เหมาะสมและผ่อนคลายไปบ้างตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ รวมถึงดูแลค่าเงินบาทให้เป็นไปตามกลไกตลาด ดังนั้น จึงไม่ห่วงถึงข้อเสนอแนะจาก ไอเอ็มเอฟ

สำหรับภาคอสังหาริมทรัพย์นั้น ยังไม่เห็นสัญญาณของความผิดปกติหรือการเกิดฟองสบู่แตกเหมือนกับปี 40 ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่แตกต่างกัน โดยสินชื่ออสังหาริมทรัพย์มีการเติบโตตามภาวะเศรษฐกิจไม่สูงจนเกินไปเงินทุนที่ใช้ลงทุนภาคอสังหาฯ ส่วนใหญ่เป็นเงินเย็นที่ไม่ได้กู้ยืมมาลงทุน รวมทั้งผู้ประกอบการมีทางเลือกในการระดมทุนมากยิ่งขึ้น รวมทั้งผลตอบแทนจากการลงทุนภาคอสังหาริมทรัพย์สูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก

ส่วนตั๋วบีอีของผู้ประกอบการบางรายผิดนัดชำระนั้น เป็นเพียงการบริหารที่ผิดพลาดของบริษัทผู้ประกอบการเอง ไม่ใช่เกิดจากความผิดพลาดของระบบ ซึ่งเป็นเรื่องที่ ผู้ประกอบการต้องแก้ไขปัญหา โดยที่ไม่มีผล กระทบกับระบบโดยรวมมากนัก

ที่มา : ผู้จัดการรายวัน 360 องศา