"เจ้าพระยาฯ"ขายหุ้นกู้500ล. ตั้งCGSเป็นอันเดอร์ไรเตอร์
Loading

"เจ้าพระยาฯ"ขายหุ้นกู้500ล. ตั้งCGSเป็นอันเดอร์ไรเตอร์

วันที่ : 7 มิถุนายน 2560
"เจ้าพระยาฯ"ขายหุ้นกู้500ล. ตั้งCGSเป็นอันเดอร์ไรเตอร์

 เจ้าพระยามหานครหรือ CMC แต่งตั้ง CGS เป็นผู้จัดการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ มูลค่า 500 ล้านบาท อายุ 2 ปี ดอกเบี้ย 6.5% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน เปิดขายนักลงทุนสถาบัน-รายใหญ่ ระหว่างวันที่ 13-15 มิ.ย.นี้

ดร.วีรพัฒน์ เพชร์คุปต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (CGS) เปิดเผยว่า บริษัทได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ของบริษัท เจ้าพระยามหานคร จำกัด (มหาชน) หรือ CMC ร่วมกับบริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด มูลค่าการเสนอขาย 500 ล้านบาท

โดยเป็นหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และไม่มีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ อายุ 2 ปี อัตราดอกเบี้ย 6.5% ต่อปี ชำระดอกเบี้ยทุก 3 เดือนตลอดอายุหุ้นกู้ ซึ่งจะจัดจำหน่ายเฉพาะเจาะจงให้แก่ผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือ ผู้ลงทุนรายใหญ่ ระหว่างวันที่ 1315 มิถุนายน 2560 นี้

สำหรับวัตถุประสงค์ของการเสนอขายหุ้นกู้ครั้งนี้ของ CMC เพื่อชำระคืนหุ้นกู้ชุดเดิม และเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ และเพื่อใช้ในการขยายกิจการลงทุนในโครงการต่างๆ โดยผู้สนใจสามารถจองซื้อหรือสอบถามรายละเอียดได้ที่บริษัทหลักทรัพย์ คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) โทร. 0-2205-70847 บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) โทร. 0-2659-3456 และบริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด (มหาชน) โทร. 0-2672-5999

ทังนี้ บริษัท เจ้าพระยามหานคร จำกัด (มหาชน) หรือ CMC ก่อตั้งบริษัทเมื่อปี 2537 โดยประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลัก โดยโครงการอสังหาริมทรัพย์ของกลุ่มบริษัท สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก คือ 1) โครงการอาคารชุดที่พักอาศัยประเภทคอนโดมิเนียม โดยจะเป็นโครงการระดับราคาประมาณ 1.5-4.5 ล้านบาท เน้นทำเลที่ตั้งโครงการตามแนวสถานีขนส่งมวลชนระบบรางในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล

โดย ณ ปัจจุบัน กลุ่มบริษัทได้พัฒนาโครงการอาคารชุดที่พักอาศัยแล้วทั้งหมด 39 โครงการ ภายใต้ชื่อโครงการ 3 แบรนด์ ได้แก่ แบงค์คอก ฮอไรซอนโครงการคอนโดมิเนียมที่เป็นอาคารสูงเกิน 8 ชั้นขึ้นไป แบงค์คอก เฟลิซและ ชาโตว์ อินทาวน์เป็นโครงการคอนโดมิเนียมแบบ Low rise ส่วนใหญ่เป็นอาคาร 8 ชั้น โดยแต่ละแบบจะแบ่งตามกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ทำเลที่ตั้ง และรูปแบบโครงการ

2) โครงการประเภทแนวราบ ได้แก่ โครงการหมู่บ้านจัดสรร ทาวน์เฮาส์ ทาวน์โฮม ซึ่งบริษัทได้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์แนวราบแล้วทั้งหมด 4 โครงการ เป็นโครงการบ้านเดี่ยวจำนวน 1 โครงการ คือ แบรนด์ เดอะริชและเป็นโครงการทาวเฮาส์/ทาวน์โฮมจำนวน 3 โครงการ ได้แก่ แบรนด์ คาซ่า ยูเรก้าและ แบรนด์ ค่าซ่า ดีว่านอกจากนี้บริษัทยังมีโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อให้เช่า และประกอบกิจการรับเหมาก่อสร้าง

สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทปี 2559 บริษัทมีรายได้รวม 2,090.75 ล้านบาท โดยรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้น 47.31% จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,419.30 ล้านบาท ซึ่งเกิดจากในปี 2559 บริษัทมีโครงการอาคารชุดพักอาศัย 5 โครงการ ที่มีการก่อสร้างแล้วเสร็จและสามารถโอนกรรมสิทธิ์เพื่อรับรู้รายได้ รวมทั้งได้รับผลดีจากมาตรการช่วยเหลือและกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาล

ขณะที่ในไตรมาส 1/2560 มีรายได้รวม 468.01 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.13% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิปี 2559 เท่ากับ 156.21 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 231.44% เมื่อเทียบกับปี 2558 ที่มีกำไรสุทธิ 47.13 ล้านบาท และล่าสุดในไตรมาส 1/2560 มีกำไรสุทธิ 32.08 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41.82% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 22.62 ล้านบาท

ทั้งนี้ ในปี 2560 บริษัทคาดว่าจะรับรู้รายได้จากโครงการพร้อมอยู่ 21 โครงการ และยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้างอีก 3 โครงการ ซึ่งโครงการของบริษัทมีความหลากหลาย ทั้งประเภทบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ ทาวน์โฮม โฮมออฟฟิศ และ อาคารชุดพักอาศัย ทำให้สามารถตอบสนองความต้องการและรูปแบบการใช้ชีวิตของผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายได้ครอบคลุมในหลายระดับ มีการออกแบบ โดยสถาปนิกชั้นนำที่มีชื่อเสียงและมีประสบการณ์เป็นที่ยอมรับในวงธุรกิจ และกลุ่มบริษัทมีผู้บริหารที่มีประสบการณ์มายาวนานกว่า 20 ปี ซึ่งทำให้กลุ่มบริษัทมีความเข้าใจในธุรกิจและกลุ่มเป้าหมายเป็นอย่างดี

ที่มา : หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้น