ตราเพชรชี้ภาครัฐเดินหน้าลงทุนหนุนความต้องการใช้ภาคอสังหา ดันตลาดวัสดุก่อสร้างฟื้นตัว คาดโตสุดรอบ 3 ปี

นายสาธิต สุดบรรทัด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดวัสดุก่อสร้างปี 2561 ประเมินว่าน่าจะมีการเติบโตดีขึ้นซึ่งปีนี้ถือว่าตลาดมีการฟื้นตัวในรอบ 3 ปี เนื่องจากผู้ประกอบการมีความเชื่อมั่นในภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งสะท้อนได้จากเครือข่ายร้านค้าตัวแทนจำหน่ายสินค้าวัสดุก่อสร้างที่กระจายตัวอยู่ในทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ มีคำสั่งซื้อสินค้าวัสดุก่อสร้างเพิ่มสูงขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายไตรมาส 4 ของปีที่ผ่านมา เพื่อสต๊อกสินค้าไว้เตรียมพร้อมรับโอกาสการขายในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้

ทั้งนี้ ความเชื่อมั่นของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นส่วนหนึ่งมาจากการลงทุนโครงสร้าง พื้นฐานของภาครัฐหลายโครงการเริ่มดำเนินการก่อสร้างที่เป็นรูปธรรม โดยมีการอัดฉีดเม็ดเงินอีก 3.5 หมื่นล้านบาท เพื่อกระตุ้นการบริโภค และแนวโน้มของราคาพืชผลทางการเกษตรยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ส่งผล ต่อรายได้และกำลังซื้อของประชาชนในต่างจังหวัดเพิ่มขึ้น ทำให้มีความต้องการซื้อสินค้าเพื่อนำไปใช้ก่อสร้างและซ่อมแซมที่อยู่อาศัยมากขึ้น

ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการห้างค้าปลีกวัสดุก่อสร้างสมัยใหม่ มีแผนลงทุนขยายสาขาเพิ่มอย่างต่อเนื่องในปีนี้ควบคู่กับการทำกิจกรรมส่งเสริมการตลาดตลอดทั้งปีส่งผลให้บรรยากาศการซื้อสินค้าคึกคักขึ้น นอกจากนี้กลุ่มลูกค้าโครงการยังมีแผนลงทุนพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบเพิ่มขึ้น จึงยิ่งช่วยผลักดันการฟื้นตัวของภาพรวมตลาดวัสดุก่อสร้างในปีนี้ โดยบริษัทคาดว่าสินค้าวัสดุก่อสร้างในกลุ่มหลังคารวมถึงกลุ่มไม้สังเคราะห์จะมีความต้องการเพิ่มสูงขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา

สำหรับปีนี้บริษัทมั่นใจว่าความต้องการสินค้าวัสดุก่อสร้างจะเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยประเมินจากกำลังซื้อบรรยากาศการซื้อสินค้า ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่พร้อมจับจ่ายเลือกซื้อสินค้ามากขึ้น ซึ่งสัญญาณดังกล่าวเราเริ่มเห็นได้ชัดตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา ทำให้ปีนี้ตลาดวัสดุก่อสร้างจะคึกคักว่าทุกปี โดยเฉพาะช่องทางการจำหน่ายผ่านห้างค้าปลีกวัสดุก่อสร้างสมัยใหม่และกลุ่มลูกค้าโครงการอสังหาฯ มีการเติบโตที่โดดเด่น

อย่างไรก็ดี บริษัทได้เตรียมพร้อมรองรับความต้องการสินค้าทั้งในกลุ่มผลิตภัณฑ์หลังคาและกลุ่มไม้สังเคราะห์เพิ่มขึ้น พร้อมกันนี้มีแผนขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นมากกว่า 1 ล้านตัน/ปี จากปัจจุบันได้ใช้กำลังการผลิตเกือบเต็ม 100% จากกำลังการผลิตรวมทั้งสิ้น 9.82 แสนตัน/ปี โดยคาดว่าจะสามารถได้ข้อสรุปภายในครึ่งปีหลังของปีนี้ ทั้งนี้หากตัดสินใจลงทุนก็ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันยิ่งขึ้น เพื่อรองรับโอกาสการขายสินค้าและแผนรุกขยายธุรกิจในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย