ครม.อัดเงิน1.67หมื่นล้าน เพิ่มทุนธอท.-ตั้งอินฟินอิท ยันใช้เงินตามวัตถุประสงค์
วันที่ : 6 กันยายน 2561
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง เปิดเผยภายหลังการประชุม ครม.ว่า ที่ประชุมเห็นชอบให้ใช้เงินของกองทุนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจ รวม 16,781.1 ล้านบาท เพื่อดำเนินการใน 3 เรื่องคือ เพิ่มทุนให้กับธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ธอท.) หรือไอแบงก์ วงเงิน 16,100 ล้านบาท จัดสรรให้กับธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เพื่อให้ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ นำไปจัดทำโครงการพัฒนาฐานข้อมูลอสังหาริมทรัพย์มือสอง 31.1 ล้านบาท และให้มูลนิธิเพื่อพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ไปดำเนินโครงการจัดตั้งสถาบันนวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการเงิน หรือสถาบันอินฟินอิทจำนวน 650 ล้านบาท
ทั้งนี้ยืนยันว่าการใช้เงินจากกองทุนฯในครั้งนี้ เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งกองทุนฯ เพราะเป็นการนำเงินมาใช้ในการพัฒนาในระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจให้ดีขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องของการจัดทำฐานข้อมูลของบ้านมือสอง รวมไปถึงการจัดทำข้อมูลเพื่อรองรับโครงการบ้านสำหรับผู้สูงอายุหรือรีเวิร์ส มอร์เกจ ขณะที่รายได้ของกองทุนมาจากการเก็บเงินจากฐานเงินฝากของสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ซึ่งปัจจุบันฐานะกองทุนล่าสุดเมื่อวันที่ 31 ก.ค. 61 อยู่ที่ 21,890.90 ล้านบาท
นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษารมต.ประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า หลังจากครม.เห็นชอบให้ใช้เงินจากองทุนฯเพิ่มทุนให้กับธอท.แล้ว ธอท.ต้องเร่งหาพันธมิตรให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อให้พันธมิตรเข้าร่วมลงทุนและเข้าร่วมปรับปรุงการบริหารจัดการภายในของธอท.ตามมติของคณะกรรมการกองทุนฯ เมื่อวันที่ 28 พ.ค. ที่ผ่านมา ขณะเดียวกันครม.ยังเห็นชอบให้กระทรวงการคลังถือหุ้นภายหลังเพิ่มทุนให้ธอท.ในสัดส่วนไม่เกิน 99.71% ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด และจะลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเมื่อสามารถกระจายหุ้นของธอท.หรือหาพันธมิตรมาเข้าร่วมลงทุนได้
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ครม.เมื่อวันที่ 30 พ.ค. 60 ได้เห็นชอบแนวทางการแก้ไขปัญหาของธอท.ทั้งการปรับโครงสร้างทางการเงิน การปรับโครงสร้างทางธุรกิจ และการสรรหาพันธมิตร โดยธอท.ต้องได้รับการเพิ่มทุนจำนวน 18,100 ล้านบาท โดยก่อนหน้านี้ได้เพิ่มทุนโดยใช้เงินงบประมาณของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจหรือสคร. จำนวน 2,000 ล้านบาท ซึ่งหลังจากการปรับโครงสร้างทางการเงิน และโครงสร้างทางธุรกิจ และถ้าสามารถเพิ่มทุนได้ภายในปี 61 จะส่งผลให้ ธอท.มีผลประกอบการดีขึ้นและกลับมามีกำไรที่ 828 ล้านบาท ในปี 61 และมีเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงตามเกณฑ์ที่ 8.5% ได้ภายในปี 65 และมีกำไรสุทธิที่ 3,900 ล้านบาท
สำหรับการจัดตั้งสถาบันอิน ฟินอิท จำนวน 650 ล้านบาท เพื่อทำหน้าที่ส่งเสริมและพัฒนาระบบที่เกี่ยวข้องของอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีทางการเงินในไทย เพื่อให้ผู้ประกอบการกิจการฟินเทคในระยะเริ่มต้น สามารถค้นคว้า พัฒนาและทดสอบผลิตภัณฑ์ทางการเงินและบริการทางการเงิน และแนะนำวิธีการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อให้สามารถหาแหล่งเงินทุนเพื่อต่อยอดในเชิงพาณิชย์ได้
ทั้งนี้ยืนยันว่าการใช้เงินจากกองทุนฯในครั้งนี้ เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งกองทุนฯ เพราะเป็นการนำเงินมาใช้ในการพัฒนาในระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจให้ดีขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องของการจัดทำฐานข้อมูลของบ้านมือสอง รวมไปถึงการจัดทำข้อมูลเพื่อรองรับโครงการบ้านสำหรับผู้สูงอายุหรือรีเวิร์ส มอร์เกจ ขณะที่รายได้ของกองทุนมาจากการเก็บเงินจากฐานเงินฝากของสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ซึ่งปัจจุบันฐานะกองทุนล่าสุดเมื่อวันที่ 31 ก.ค. 61 อยู่ที่ 21,890.90 ล้านบาท
นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษารมต.ประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า หลังจากครม.เห็นชอบให้ใช้เงินจากองทุนฯเพิ่มทุนให้กับธอท.แล้ว ธอท.ต้องเร่งหาพันธมิตรให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อให้พันธมิตรเข้าร่วมลงทุนและเข้าร่วมปรับปรุงการบริหารจัดการภายในของธอท.ตามมติของคณะกรรมการกองทุนฯ เมื่อวันที่ 28 พ.ค. ที่ผ่านมา ขณะเดียวกันครม.ยังเห็นชอบให้กระทรวงการคลังถือหุ้นภายหลังเพิ่มทุนให้ธอท.ในสัดส่วนไม่เกิน 99.71% ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด และจะลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเมื่อสามารถกระจายหุ้นของธอท.หรือหาพันธมิตรมาเข้าร่วมลงทุนได้
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ครม.เมื่อวันที่ 30 พ.ค. 60 ได้เห็นชอบแนวทางการแก้ไขปัญหาของธอท.ทั้งการปรับโครงสร้างทางการเงิน การปรับโครงสร้างทางธุรกิจ และการสรรหาพันธมิตร โดยธอท.ต้องได้รับการเพิ่มทุนจำนวน 18,100 ล้านบาท โดยก่อนหน้านี้ได้เพิ่มทุนโดยใช้เงินงบประมาณของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจหรือสคร. จำนวน 2,000 ล้านบาท ซึ่งหลังจากการปรับโครงสร้างทางการเงิน และโครงสร้างทางธุรกิจ และถ้าสามารถเพิ่มทุนได้ภายในปี 61 จะส่งผลให้ ธอท.มีผลประกอบการดีขึ้นและกลับมามีกำไรที่ 828 ล้านบาท ในปี 61 และมีเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงตามเกณฑ์ที่ 8.5% ได้ภายในปี 65 และมีกำไรสุทธิที่ 3,900 ล้านบาท
สำหรับการจัดตั้งสถาบันอิน ฟินอิท จำนวน 650 ล้านบาท เพื่อทำหน้าที่ส่งเสริมและพัฒนาระบบที่เกี่ยวข้องของอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีทางการเงินในไทย เพื่อให้ผู้ประกอบการกิจการฟินเทคในระยะเริ่มต้น สามารถค้นคว้า พัฒนาและทดสอบผลิตภัณฑ์ทางการเงินและบริการทางการเงิน และแนะนำวิธีการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อให้สามารถหาแหล่งเงินทุนเพื่อต่อยอดในเชิงพาณิชย์ได้
ข่าวบ้านมือสอง อื่นๆ