BAM ดึงลูกค้าผ่อนNPAตรง แก้เกมแบงก์ไม่ปล่อยกู้
Loading

BAM ดึงลูกค้าผ่อนNPAตรง แก้เกมแบงก์ไม่ปล่อยกู้

วันที่ : 29 พฤษภาคม 2567
BAM แก้เกมแบงก์ปฏิเสธสินเชื่อพุ่ง เปิดให้ลูกค้าซื้อทรัพย์ NPA ผ่อนชำระกับบริษัทโดยตรงแทน อิงดอกเบี้ย MRR เฉลี่ย 7.4% ต่อปี ชี้ลูกค้า 10-15% กู้ซื้อคอนโดมิเนียม พร้อมทำโปรโมชั่น-จับมือพันธมิตรเร่งขายทรัพย์ 2.3 หมื่นรายการ
         นายบัณฑิต อนันตมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM กล่าวว่า จากแนวโน้มสัญญาณความเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินที่มีมากขึ้น ทำให้มีลูกค้าของ BAM จำนวนมากที่ต้องการซื้อทรัพย์ รอการขาย (NPA) ของบริษัท แต่ขอ สินเชื่อไม่ผ่าน หรือบางรายสถาบันการเงินมีการเรียกเงินดาวน์มากขึ้น ทำให้ลูกค้าที่ต้องการซื้อทรัพย์กับ BAM ชะลอการตัดสินใจซื้อทรัพย์ออกไป

         จากปัญหาดังกล่าว ในปีนี้บริษัทให้ลูกค้าสามารถผ่อนชำระโดยตรงกับบริษัท เพื่อที่จะซื้อทรัพย์ NPA ได้ โดยจะทำมากขึ้นหลังจากเริ่มทำมาเมื่อปีก่อน เนื่องจากเห็นสัญญาณการปฏิเสธสินเชื่อ (Reject Rate) ของธนาคารมากขึ้น บริษัทจึงจะหันมามุ่งเน้นให้ลูกค้าที่มีความต้องการซื้อทรัพย์ NPA กับ BAM สามารถผ่อนชำระโดยตรงกับบริษัทได้

         "ลูกค้าที่ต้องการผ่อนชำระโดยตรงกับบริษัท จะสามารถทำได้ 2 รูปแบบ คือ 1.สามารถผ่อนได้ตลอดอายุสัญญา โดยใช้อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงเฉลี่ยจาก 4 ธนาคารใหญ่ หรืออัตราดอกเบี้ยเงินกู้ รายย่อยชั้นดี (MRR) ปัจจุบันเฉลี่ยอยู่ที่ 7.4% ต่อปี และ 2.กรณีลูกค้าที่มีกระแสเงินสดเพียงพอและสามารถกู้สินเชื่อกับธนาคารผ่านแล้วก็สามารถรีไฟแนนซ์ไปอยู่กับธนาคารได้เช่นกัน"

         นายบัณฑิตกล่าวว่า มองไปข้างหน้าคาดว่าอัตราการใช้บริการผ่อนชำระโดยตรง กับบริษัทจะเพิ่มสูงขึ้นตามสัญญาณความเข้มงวดของการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงิน โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้ารายย่อยและกลุ่มอาชีพอิสระ เนื่องจากมีความอ่อนไหวของรายได้ค่อนข้างสูงกว่ากลุ่มอื่น สำหรับลูกค้าส่วนใหญ่ที่เข้ามาผ่อนชำระโดยตรงกับ BAM ประมาณ 10-15% จะเป็นทรัพย์คอนโดมิเนียม

         "คุณภาพลูกค้ากลุ่มที่มาผ่อนชำระโดยตรงกับบริษัท ยอมรับว่า เป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มชำระล่าช้าอยู่แล้ว และบริษัทสามารถรู้ได้หากมีสัญญาณการผิดนัดชำระหนี้ คือ ค่าส่วนกลาง หากลูกค้ามีการค้างชำระจะเริ่มมีการติดตามและติดต่อลูกค้า และหากลูกค้าผ่อนชำระไม่ไหว จะเข้าสู่กระบวนการปรับโครงสร้างหนี้"

         โดยปัจจุบันบริษัทมีทรัพย์ NPA ราว 2.3 หมื่นรายการ มูลค่า 7 หมื่นล้านบาท นอกจากจะทำโครงการผ่อนชำระโดยตรงกับ BAM ได้แล้ว บริษัทจะมีการทำ โปรโมชั่นมากขึ้น รวมถึงมีการร่วมมือกับกิจการค้า (Consortium) ที่มีการซื้อทรัพย์ไปทำโปรเจ็กต์ เช่น ทาวน์เฮาส์ หรือบ้านเดี่ยว เป็นต้น รวมถึงการร่วมมือ กับธนาคารในการปล่อยสินเชื่อซื้อทรัพย์มือสองในอัตราดอกเบี้ยพิเศษ เป็นต้น ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทสามารถขายทรัพย์ได้แล้ว 6,000-7,000 รายการ

         "เหตุผลที่เราต้องการให้ลูกค้าขอสินเชื่อกับแบงก์ เพราะเราจะได้เงินสดมาเป็นสภาพคล่อง แต่หลังจากยอดรีเจ็กต์สินเชื่อมีสัญญาณเยอะขึ้น เรามีบางส่วนพาลูกค้าไปหาแบงก์พันธมิตรเพื่อช่วยหาวิธีให้ได้รับสินเชื่ออาจจะดอกเบี้ยสูงขึ้นเล็กน้อย และบางส่วนมาผ่อนชำระกับเราโดยตรง ทำให้ปีที่แล้วยอดขาย NPA จึงไม่ได้ตกมาก ซึ่งมาปีนี้เราจะเน้นทำตรงนี้มากขึ้น เพราะธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ไม่อยากให้เราถือทรัพย์เยอะ เพื่อไม่ให้กลายเป็นแลนด์ลอร์ด เราจึงต้องหาวิธีในการระบายทรัพย์ด้วย"

         สำหรับในส่วนของการรับซื้อหนี้มา บริหาร (เอ็นพีแอล) ตั้งเป้ารับซื้อหนี้อยู่ที่ 9,000 ล้านบาท ซึ่งในช่วงไตรมาส 1/2567 รับซื้อหนี้เอ็นพีแอลมาค่อนข้างน้อยใช้งบฯลงทุนราว 3,000 ล้านบาท คิดเป็น มูลหนี้ราว 5,000-6,000 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นประมาณ 10% ของมูลหนี้ที่สถาบันการเงินนำออกมาขายราว 5-6 หมื่นล้านบาท ส่วนหนึ่งมาจากอัตราดอกเบี้ยที่ค่อนข้างสูง ทำให้บริษัทไม่ได้เข้าไปแข่งขันมากนัก แต่คาดว่าทั้งปี น่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

         โดยบริษัทตั้งเป้าผลเรียกเก็บปี 2567 อยู่ที่ 2 หมื่นล้านบาท จากไตรมาส 1/2567 สามารถทำได้ 3,535 ล้านบาท มีอัตราเติบโตที่ 9.44% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566 ที่จำนวน 3,230 ล้านบาท และมีกำไรได้ 423 ล้านบาท มีการเติบโตสูงถึง 58.43% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่มีผลกำไร 267 ล้านบาท

         "หลังจากมีการเบิกจ่ายงบประมาณ และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ คาดว่าจะทำให้กิจกรรมการซื้อ การขายและการชำระเงินปรับตัวดีขึ้นในช่วงไตรมาส 2 และช่วงที่เหลือของปีนี้"

         นายบัณฑิตกล่าวว่า สำหรับการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ต่อปี เป็นระยะเวลา 6 เดือน นับตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน-30 พฤศจิกายน 2567 นั้น เพื่อช่วยลูกหนี้ทุกรายที่เข้ามาเจรจาปรับโครงสร้างหนี้หรือประนอมหนี้กับ BAM โดยปัจจุบันมีลูกหนี้กลุ่มที่ปรับโครงสร้างอยู่ราว 2,000 ราย คิดเป็นยอดภาระหนี้ราว 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวคาดว่าจะกระทบรายได้ดอกเบี้ยเรียกเก็บหลักร้อยล้านบาท แต่จะไม่กระทบสภาพคล่องโดยรวม

 
ข่าวบ้านมือสอง อื่นๆ