สถานการณ์ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยภาคเหนือ ปี 2566 ภาพรวมทรงตัว คาดการณ์ปี 2567 ฟื้นตัวหน่วยขายได้ใหม่เพิ่มขึ้น 27.5%
Loading

สถานการณ์ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยภาคเหนือ ปี 2566 ภาพรวมทรงตัว คาดการณ์ปี 2567 ฟื้นตัวหน่วยขายได้ใหม่เพิ่มขึ้น 27.5%

วันที่ : 12 มีนาคม 2567
รายงานสถานการณ์ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัย ที่ยังอยู่ระหว่างขายในช่วงครึ่งหลังปี 2566 ของจังหวัดภาคเหนือ 5 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย พิษณุโลก นครสวรรค์ และลำพูน พบว่า จำนวนหน่วยพร้อมขายในช่วงครึ่งหลังปี 2566 ลดลงจากช่วงครึ่งแรก -0.2 แต่เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.9 จากช่วงเดียวกันของปี 2565
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (REIC) รายงานสถานการณ์ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัย ที่ยังอยู่ระหว่างขายในช่วงครึ่งหลังปี 2566 ของจังหวัดภาคเหนือ 5 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย พิษณุโลก นครสวรรค์ และลำพูน พบว่า จำนวนหน่วยพร้อมขายในช่วงครึ่งหลังปี 2566 ลดลงจากช่วงครึ่งแรก -0.2 แต่เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.9 จากช่วงเดียวกันของปี 2565 เหตุผลเพราะเปิดตัวโครงการใหม่เข้าสู่ตลาดเพิ่มขึ้นร้อยละ 66.3 สรุปภาพรวมปี 2566 มีที่อยู่อาศัยใหม่เข้าสู่ตลาดจำนวน 3,096 หน่วย มูลค่า 12,287 ล้านบาท มีหน่วยขายได้ใหม่ลดลงถึงร้อยละ -31.9 และมีหน่วยเหลือขาย 15,441 หน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.6 คาดการณ์ปี 2567 ภาพรวมเริ่มเป็นบวก ยอดขายใหม่มีจำนวนหน่วยเพิ่มขึ้นร้อยละ 27.5 และอัตราดูดซับจะขยับขึ้นเล็กน้อยเป็นร้อยละ 1.8

ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่าจากการสำรวจโครงการที่อยู่อาศัยภาคเหนือ 5 จังหวัด ครึ่งหลัง ปี 2566 พบว่าอุปทานพร้อมขายมีจำนวนประมาณ 16,954 หน่วย ลดลงจากช่วงครึ่งแรกปี 2566 ร้อยละ -0.2 แต่มีมูลค่า 68,440 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.0 ในจำนวนดังกล่าวแบ่งเป็นโครงการอาคารชุด 1,795 หน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 26.3 มูลค่า 5,289 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 25.3 เป็นโครงการบ้านจัดสรร 15,159 หน่วย ลดลงร้อยละ -2.6 มูลค่า 63,151 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.6 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า แต่เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2565 พบว่าจำนวนหน่วยที่อยู่อาศัยพร้อมขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.9 โดยมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.1

อุปทานโดยรวมจากการสำรวจพบว่าในช่วงครึ่งหลังปี 2566 มีโครงการใหม่เข้าสู่ตลาด 1,442 หน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 66.3 มูลค่า 5,907 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 42.4 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2565 แบ่งเป็นโครงการอาคารชุด 505 หน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 631.9 มูลค่า 1,420 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 1,135.8 เป็นโครงการบ้านจัดสรร 937 หน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.4 มูลค่า 4,487 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.3

ในช่วงครึ่งปีหลัง 2566 จากจำนวนที่อยู่อาศัยที่เสนอขายทั้งสิ้น 16,954 หน่วย มูลค่า 68,440 ล้านบาท พบว่าเป็นการเสนอขายอาคารชุดจำนวน 1,795 หน่วย มูลค่า 5,289 ล้านบาท และโครงการบ้านจัดสรรจำนวน 15,159 หน่วย มูลค่า 63,151 ล้านบาท ในจำนวนดังกล่าวพบความเปลี่ยนแปลงที่เพิ่มขึ้นของโครงการอาคารชุดที่เข้าสู่ตลาดเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 5.6 ในขณะที่โครงการบ้านจัดสรรเข้าสู่ตลาดเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.5 เมื่อกับช่วงเดียวกันของปี 2565

เมื่อพิจารณารายละเอียดพบว่ามีโครงการเปิดขายใหม่เข้าสู่ตลาดจำนวน 1,442 หน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 66.3 มีมูลค่า 5,907 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 42.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2565 โดยเป็นการเพิ่มขึ้นของโครงการอาคาร ชุดจำนวน 505 หน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 631.9 มูลค่า 1,420 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 1,135.8 ส่วนโครงการบ้านจัดสรรมีจำนวน 937 หน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.4 มูลค่า 4,487 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.3

อุปสงค์โดยรวม พบว่าในด้านยอดขายใหม่มีสัดส่วนลดลงโดยในช่วงครึ่งปีหลังมีที่อยู่อาศัยขายได้ใหม่เพียง 1,513 หน่วย ลดลงร้อยละ -13.0 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยโครงการอาคารชุดมียอดขายใหม่จำนวน 252 หน่วย ลดลงร้อยละ 22.2 มูลค่า 710 ล้านบาท ลดลงร้อยละ -14.6 ในขณะที่โครงการบ้านจัดสรรมียอดขายใหม่ จำนวน 1,261 หน่วย ลดลงร้อยละ -10.9 มูลค่า 4,938 ล้านบาท ลดลงร้อยละ -9.1 หากพิจารณาโดยภาพรวมจะพบการลดลงของยอดขายใหม่ในทุกกลุ่มประเภทที่อยู่อาศัย มีเพียงบ้านแฝดเท่านั้นที่มีจำนวนหน่วยขายได้ใหม่เพิ่มขึ้นร้อยละ 16.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2565

อย่างไรก็ดีหากพิจารณาในรายละเอียดพบว่าที่อยู่อาศัยขายได้ใหม่ร้อยละ 58.6 เป็นโครงการบ้านเดี่ยวในระดับราคาที่มีหน่วยขายได้สูงสุดคือระดับราคา 3.01- 5.00 ล้านบาท มีจำนวน 339 หน่วย และระดับราคา 2.01 - 3.00 ล้านบาท มีจำนวน 306 หน่วย ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงอุปสงค์ และอุปทาน ในช่วงครึ่งหลังปี 2566 ส่งผลให้ที่อยู่อาศัยคงค้างรอการขายมีจำนวนถึง 15,441 หน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.6 มูลค่า 62,793 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.5 โดยเป็นการเพิ่มขึ้นของอาคารชุด ซึ่งมีจำนวน 1,543 หน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 22.4 มูลค่า 4,580 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.4 และโครงการบ้านจัดสรรจำนวน 13,898 หน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.7 มูลค่า 58,213 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.7 “จากจำนวนหน่วยเหลือขายแยกตามประเภทการก่อสร้างพบว่ามีจำนวนที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จเหลือขายจำนวนถึง 4,877 หน่วยหรือร้อยละ 31.6 ของจำนวนหน่วยเหลือขายทั้งหมด ในจำนวนดังกล่าวเป็นโครงการอาคารชุดอยู่ระหว่างก่อสร้างและสร้างเสร็จเหลือขายจำนวนถึง 1,543 หน่วย คิดเป็นร้อยละ 10 ของจำนวนหน่วยที่เหลือขายทั้งหมด ส่วนบ้านจัดสรรมีจำนวนหน่วยสร้างเสร็จเหลือขาย 4,040 หน่วย และอยู่ระหว่างการก่อสร้างจำนวน 2,497 หน่วย ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่น่าจับตา”...
สามารถดาวน์โหลดได้ที่นี่