สถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยจังหวัดภาคเหนือ
วันที่ : 12 กันยายน 2566
รายงานสถานการณ์ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยที่ยังอยู่ระหว่างขายในช่วงครึ่งแรกปี 2566 ของจังหวัดภาคเหนือ 5 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย พิษณุโลก นครสวรรค์ และลำพูน
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (REIC) รายงานสถานการณ์ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยที่ยังอยู่ระหว่างขายในช่วงครึ่งแรกปี 2566 ของจังหวัดภาคเหนือ 5 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย พิษณุโลก นครสวรรค์ และลำพูน พบว่า จำนวนหน่วยเหลือขายในช่วงครึ่งแรกปี 2566 ลดลงร้อยละ -9.1 และมีผลให้อัตราดูดซับของภาพรวมตลาดอยู่ที่ร้อยละ 1.7 REIC คาดการณ์ ปี 2566 จะมีที่อยู่อาศัยเข้ามาในตลาดจำนวน 2,481 หน่วย มูลค่า 9,569 ล้านบาท มีจำนวนหน่วยขายได้ใหม่ 3,243 หน่วย มูลค่า 12,852 ล้านบาท มีหน่วยเหลือขาย 14,687 หน่วย มูลค่า 58,152 ล้านบาท
ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า การสำรวจโครงการที่อยู่อาศัยภาคเหนือ 5 จังหวัด ครึ่งแรกปี 2566 พบว่า จำนวนอุปทานพร้อมขายจำนวนประมาณ 16,985 หน่วย มูลค่า 67,516 ล้านบาท ในจำนวนดังกล่าวแบ่งเป็นโครงการอาคารชุด 1,421 หน่วย มูลค่า 4,221 ล้านบาท เป็นโครงการบ้านจัดสรร 15,564 หน่วย มูลค่า 63,295 ล้านบาท มีโครงการใหม่เข้าสู่ตลาด 1,654 หน่วย มูลค่า 6,379 ล้านบาท มีโครงการขายได้ใหม่จำนวน 1,707 หน่วย มูลค่า 6,822 ล้านบาท ส่งผลให้มีหน่วยเหลือขาย 15,278 หน่วย มูลค่า 60,694 ล้านบาท ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่าภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยในภาคเหนือแม้ผู้ประกอบการจะปรับกลยุทธ์การเปิดขายโครงการใหม่ แต่ก็ยังไม่สามารถฟื้นกำลงซื้อได้ โดยจะเห็นได้จากภาพรวมจำนวนหน่วยเสนอขายลดลงอย่างต่อเนื่อง
อุปทานโดยรวม ในช่วงครึ่งแรกปี 2566 ที่อยู่อาศัยเสนอขายทั้งหมด จำนวน 16,985 หน่วย มูลค่า 67,516 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ร้อยละ -14.3 และมูลค่าลดลงร้อยละ -11.7 โดยเป็นโครงการใหม่เข้าสู่ตลาดจำนวนเพียง 1,654 หน่วย มูลค่า 6,379 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ร้อยละ -47.8 และร้อยละ -52.4 ตามลำดับ ขณะที่ที่อยู่อาศัยเหลือขาย ณ ครึ่งแรกปี 2566 จำนวน 15,278 หน่วย มูลค่า 60,694 ล้านบาท จำนวนหน่วยลดลงร้อยละ -9.1 และมูลค่าลดลงร้อยละ -7.7
โดย 5 ทำเล ที่มีจำนวนหน่วยเหลือขายมากที่สุดใน 5 จังหวัดภาคเหนือ คือ อันดับ 1 ทำเลในเมืองเชียงราย จำนวน 1,489 หน่วย มูลค่า 6,509 ล้านบาท อันดับ 2 ทำเลสันทราย จำนวน 1,376 หน่วย มูลค่า 4,742 ล้านบาท อันดับ 3 ทำเลบ่อสร้าง - ดอยสะเก็ด จำนวน 1,304 หน่วย มูลค่า 6,019 ล้านบาท อันดับ 4 สารภี จำนวน 1,296 หน่วย มูลค่า 4,993 ล้านบาท อันดับ 5. ทำเลสนามบิน-ม.แม่ฟ้าหลวง จำนวน 1,233 หน่วย มูลค่า 4,395 ล้านบาท โดยระดับราคาที่มีหน่วยเหลือขายมากที่สุดคือ 3.01-5.00 ล้านบาท มีจำนวนถึง 5,475 หน่วย มูลค่า 22,831 ล้านบาท
อุปสงค์โดยรวม พบว่าในช่วงครึ่งแรกปี 2566 มีที่อยู่อาศัยขายได้ใหม่ 1,707 หน่วย มูลค่า 6,822 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการบ้านจัดสรร 1,547 หน่วย มูลค่า 6,390 ล้านบาท และอาคารชุดเพียง 160 หน่วย มูลค่า 432 ล้านบาท
ซึ่งทำเลที่มีหน่วยขายได้สูงสุด 5 อันดับแรกคือ อันดับ 1 ในเมืองพิษณุโลก จำนวน 173 หน่วย มูลค่า 595 ล้านบาท อันดับ 2 ดรีมแลนด์ จำนวน 151 หน่วย มูลค่า 1,262 ล้านบาท อันดับ 3 สารภี จำนวน 134 หน่วย มูลค่า 383 ล้านบาท อันดับ 4 สันทราย จำนวน 122 หน่วย มูลค่า 429 ล้านบาท และอันดับ 5 สนามบิน-ม.แม่ฟ้าหลวง จำนวน 117 หน่วย มูลค่า 494 ล้านบาท
“ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบระหว่างตลาดที่อยู่อาศัยที่อยู่ระหว่างขายของ 5 จังหวัดนี้ พบว่า จังหวัดเชียงใหม่ และ เชียงรายเป็นจังหวัดที่มีขนาดตลาดเป็นลำดับ 1 และ 2 ในทุกด้าน ดังจะเห็นได้จากจำนวนและสัดส่วนที่อยู่อาศัยทุกประเภทที่มีการเสนอขายถึง 9,887 หน่วย (ร้อยละ 58.2) มูลค่า 41,525 ล้านบาท (ร้อยละ 61.5) และ 3,132 หน่วย (ร้อยละ 18.4) มูลค่า 12,493 ล้านบาท (ร้อยละ 18.5) ของหน่วยที่เสนอขายทั้งหมด ตามลำดับ โดยจังหวัดเชียงใหม่มีการเปิดตัวโครงการใหม่มากที่สุด โดยมีการเปิดตัวใหม่เป็นบ้านจัดสรร 568 หน่วย (ร้อยละ 34.3) มูลค่า 2,606 ล้านบาท (ร้อยละ 40.9) ของหน่วยที่เปิดขายใหม่มากกว่าจังหวัดอื่น
ขณะเดียวกันจังหวัดเชียงใหม่เป็นพื้นที่ที่มีจำนวนหน่วยขายได้ใหม่สูงสุด 808 หน่วย (ร้อยละ 47.3) มูลค่า 2,997 ล้านบาท (ร้อยละ 43.9) โดยมีอัตราการดูดซับที่ร้อยละ 1.4 ต่อเดือน ซึ่งต่ำกว่าจังหวัดอื่นเล็กน้อยเนื่องจากอุปทานในตลาดที่มีมาก รองลงมาคือจังหวัดพิษณุโลก เพียงเล็กน้อยที่ 365 หน่วย (ร้อยละ 21.4) มูลค่า 1,201 ล้านบาท (ร้อยละ 17.6) โดยมีอัตราการดูดซับที่ร้อยละ 2.3 ต่อเดือน ทั้งนี้ จังหวัดนครสวรรค์มีอัตราดูดซับบ้านจัดสรรสูงสุดร้อยละ 4.6 และเชียงใหม่มีอัตราดูดซับอาคารชุดสูงสุดร้อยละ 2.0...
ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า การสำรวจโครงการที่อยู่อาศัยภาคเหนือ 5 จังหวัด ครึ่งแรกปี 2566 พบว่า จำนวนอุปทานพร้อมขายจำนวนประมาณ 16,985 หน่วย มูลค่า 67,516 ล้านบาท ในจำนวนดังกล่าวแบ่งเป็นโครงการอาคารชุด 1,421 หน่วย มูลค่า 4,221 ล้านบาท เป็นโครงการบ้านจัดสรร 15,564 หน่วย มูลค่า 63,295 ล้านบาท มีโครงการใหม่เข้าสู่ตลาด 1,654 หน่วย มูลค่า 6,379 ล้านบาท มีโครงการขายได้ใหม่จำนวน 1,707 หน่วย มูลค่า 6,822 ล้านบาท ส่งผลให้มีหน่วยเหลือขาย 15,278 หน่วย มูลค่า 60,694 ล้านบาท ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่าภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยในภาคเหนือแม้ผู้ประกอบการจะปรับกลยุทธ์การเปิดขายโครงการใหม่ แต่ก็ยังไม่สามารถฟื้นกำลงซื้อได้ โดยจะเห็นได้จากภาพรวมจำนวนหน่วยเสนอขายลดลงอย่างต่อเนื่อง
อุปทานโดยรวม ในช่วงครึ่งแรกปี 2566 ที่อยู่อาศัยเสนอขายทั้งหมด จำนวน 16,985 หน่วย มูลค่า 67,516 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ร้อยละ -14.3 และมูลค่าลดลงร้อยละ -11.7 โดยเป็นโครงการใหม่เข้าสู่ตลาดจำนวนเพียง 1,654 หน่วย มูลค่า 6,379 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ร้อยละ -47.8 และร้อยละ -52.4 ตามลำดับ ขณะที่ที่อยู่อาศัยเหลือขาย ณ ครึ่งแรกปี 2566 จำนวน 15,278 หน่วย มูลค่า 60,694 ล้านบาท จำนวนหน่วยลดลงร้อยละ -9.1 และมูลค่าลดลงร้อยละ -7.7
โดย 5 ทำเล ที่มีจำนวนหน่วยเหลือขายมากที่สุดใน 5 จังหวัดภาคเหนือ คือ อันดับ 1 ทำเลในเมืองเชียงราย จำนวน 1,489 หน่วย มูลค่า 6,509 ล้านบาท อันดับ 2 ทำเลสันทราย จำนวน 1,376 หน่วย มูลค่า 4,742 ล้านบาท อันดับ 3 ทำเลบ่อสร้าง - ดอยสะเก็ด จำนวน 1,304 หน่วย มูลค่า 6,019 ล้านบาท อันดับ 4 สารภี จำนวน 1,296 หน่วย มูลค่า 4,993 ล้านบาท อันดับ 5. ทำเลสนามบิน-ม.แม่ฟ้าหลวง จำนวน 1,233 หน่วย มูลค่า 4,395 ล้านบาท โดยระดับราคาที่มีหน่วยเหลือขายมากที่สุดคือ 3.01-5.00 ล้านบาท มีจำนวนถึง 5,475 หน่วย มูลค่า 22,831 ล้านบาท
อุปสงค์โดยรวม พบว่าในช่วงครึ่งแรกปี 2566 มีที่อยู่อาศัยขายได้ใหม่ 1,707 หน่วย มูลค่า 6,822 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการบ้านจัดสรร 1,547 หน่วย มูลค่า 6,390 ล้านบาท และอาคารชุดเพียง 160 หน่วย มูลค่า 432 ล้านบาท
ซึ่งทำเลที่มีหน่วยขายได้สูงสุด 5 อันดับแรกคือ อันดับ 1 ในเมืองพิษณุโลก จำนวน 173 หน่วย มูลค่า 595 ล้านบาท อันดับ 2 ดรีมแลนด์ จำนวน 151 หน่วย มูลค่า 1,262 ล้านบาท อันดับ 3 สารภี จำนวน 134 หน่วย มูลค่า 383 ล้านบาท อันดับ 4 สันทราย จำนวน 122 หน่วย มูลค่า 429 ล้านบาท และอันดับ 5 สนามบิน-ม.แม่ฟ้าหลวง จำนวน 117 หน่วย มูลค่า 494 ล้านบาท
“ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบระหว่างตลาดที่อยู่อาศัยที่อยู่ระหว่างขายของ 5 จังหวัดนี้ พบว่า จังหวัดเชียงใหม่ และ เชียงรายเป็นจังหวัดที่มีขนาดตลาดเป็นลำดับ 1 และ 2 ในทุกด้าน ดังจะเห็นได้จากจำนวนและสัดส่วนที่อยู่อาศัยทุกประเภทที่มีการเสนอขายถึง 9,887 หน่วย (ร้อยละ 58.2) มูลค่า 41,525 ล้านบาท (ร้อยละ 61.5) และ 3,132 หน่วย (ร้อยละ 18.4) มูลค่า 12,493 ล้านบาท (ร้อยละ 18.5) ของหน่วยที่เสนอขายทั้งหมด ตามลำดับ โดยจังหวัดเชียงใหม่มีการเปิดตัวโครงการใหม่มากที่สุด โดยมีการเปิดตัวใหม่เป็นบ้านจัดสรร 568 หน่วย (ร้อยละ 34.3) มูลค่า 2,606 ล้านบาท (ร้อยละ 40.9) ของหน่วยที่เปิดขายใหม่มากกว่าจังหวัดอื่น
ขณะเดียวกันจังหวัดเชียงใหม่เป็นพื้นที่ที่มีจำนวนหน่วยขายได้ใหม่สูงสุด 808 หน่วย (ร้อยละ 47.3) มูลค่า 2,997 ล้านบาท (ร้อยละ 43.9) โดยมีอัตราการดูดซับที่ร้อยละ 1.4 ต่อเดือน ซึ่งต่ำกว่าจังหวัดอื่นเล็กน้อยเนื่องจากอุปทานในตลาดที่มีมาก รองลงมาคือจังหวัดพิษณุโลก เพียงเล็กน้อยที่ 365 หน่วย (ร้อยละ 21.4) มูลค่า 1,201 ล้านบาท (ร้อยละ 17.6) โดยมีอัตราการดูดซับที่ร้อยละ 2.3 ต่อเดือน ทั้งนี้ จังหวัดนครสวรรค์มีอัตราดูดซับบ้านจัดสรรสูงสุดร้อยละ 4.6 และเชียงใหม่มีอัตราดูดซับอาคารชุดสูงสุดร้อยละ 2.0...
สามารถดาวน์โหลดได้ที่นี่