สถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัย ไตรมาส 4/ 2565 ของ กรุงเทพฯและปริมณฑล โครงการใหม่เข้าตลาดเพิ่ม 15.5% ดันยอดเหลือขายแตะ 9.1 แสนล้านบาท
Loading

สถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัย ไตรมาส 4/ 2565 ของ กรุงเทพฯและปริมณฑล โครงการใหม่เข้าตลาดเพิ่ม 15.5% ดันยอดเหลือขายแตะ 9.1 แสนล้านบาท

วันที่ : 22 มีนาคม 2566
ภาพรวมการสำรวจโครงการที่อยู่อาศัยในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล ด้านอุปทานมีจำนวนอุปทานเสนอขาย ณ ช่วงไตรมาส 4 ปี 2565
สถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยไตรมาส 4  ปี 2565 ของ กรุงเทพฯและปริมณฑล มีการเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส 3 โดยมีปัจจัยบวกจากมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์และค่าจดจำนองสำหรับที่อยู่อาศัยที่ไม่เกิน 3 ล้านบาท และการที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ผ่อนคลายมาตรการ LTV ชั่วคราว ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2565 ได้ส่งผลให้ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยโดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล ในช่วงไตรมาส 4 ปี 2565 โดยมีการขยายตัวของอุปทานโครงการที่อยู่อาศัยที่มีการเสนอขายเปิดขายใหม่ 205,806 หน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.0 โดยเกิดจากอุปทานเปิดตัวใหม่จำนวน 27,759 หน่วย เพิ่มร้อยละ 15.5 ขณะที่อุปสงค์ที่อยู่อาศัยขายได้ใหม่มีจำนวน 21,282 หน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.1 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ส่งผลให้อัตราดูดซับทุกระดับราคายังคงทรงตัวต่อเนื่องจากช่วงไตรมาส 3 เนื่องจากสินค้าขายได้ใหม่มีอัตราการเพิ่มขึ้นน้อยกว่าสินค้าใหม่ที่เข้ามาในตลาดและมีผลให้ที่อยู่อาศัยเหลือขายมีจำนวนถึง 184,524 หน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.8  มูลค่าสูงถึง 916,410 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.2
 
ดร. วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า ภาพรวมการสำรวจโครงการที่อยู่อาศัยในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล ด้านอุปทานมีจำนวนอุปทานเสนอขาย ณ ช่วงไตรมาส 4 ปี 2565 รวมทั้งสิ้น 205,806 หน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.0 มูลค่า 1,034,031 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.0  แบ่งเป็นอาคารชุด  76,930 หน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.3 มูลค่า 322,772 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.0 โครงการบ้านจัดสรร 128,876 หน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.1 มูลค่า 711,259 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.6 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า

ในจำนวนดังกล่าวเป็นโครงการที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่จำนวน  27,759 หน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.5  มูลค่า 160,877 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.6  แบ่งเป็นโครงการอาคารชุด 13,431 หน่วย  เพิ่มขึ้นร้อยละ 78.5  มูลค่า 45,291 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 130.3  โครงการบ้านจัดสรร  14,328 หน่วย ลดลงร้อยละ -13.2  มูลค่า 115,586 ล้านบาท ลดลงร้อยละ -9.1 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า
 
5 ทำเลที่มีจำนวนอุปทานเสนอขายสูงที่สุด ประกอบด้วย
 
  1. ทำเลบางพลี-บางบ่อ-บางเสาธง มีจำนวนหน่วยเสนอขายทั้งสิ้น 22,564 หน่วย   มูลค่า 126,578 ล้านบาท
  2. ทำเลบางใหญ่-บางบัวทอง-บางกรวย-ไทรน้อย จำนวน 18,748 หน่วยมูลค่า 85,683 ล้านบาท
  3. ทำเลเมืองสมุทรปราการ-พระประแดง-พระสมุทรเจดีย์ จำนวน 15,451 หน่วย มูลค่า 51,759 ล้านบาท
  4. ทำเลลำลูกกา-ธัญบุรี จำนวน 15,308 หน่วย มูลค่า 56,318 ล้านบาท
  5. ทำเลเมืองปทุมธานี-ลาดหลุมแก้ว-สามโคก จำนวน 12,945 หน่วย มูลค่า 47,113 ล้านบาท

โครงการอาคารชุดทำเลที่มีอุปทานเสนอขายสูงสุด 5 อันดับแรก ประกอบด้วย
 
  1. ทำเลห้วยขวาง-จตุจักร-ดินแดง จำนวน 9,403 หน่วย มูลค่า 37,532 ล้านบาท
  2. ทำเลพระโขนง-บางนา-สวนหลวง-ประเวศ จำนวน 8,645 หน่วย มูลค่า 24,894 ล้านบาท
  3. ทำเลธนบุรี-คลองสาน-บางกอกน้อย-บางกอกใหญ่-บางพลัด จำนวน 8,445 หน่วย มูลค่า 26,998 ล้านบาท
  4. ทำเลสุขุมวิท จำนวน 7,202 หน่วย มูลค่า 62,460 ล้านบาท
  5. ทำเลเมืองนนทบุรี-ปากเกร็ด จำนวน 6,717 หน่วย มูลค่า 15,825 ล้านบาท...
สามารถดาวน์โหลดได้ที่นี่