นายสุรเชษฐ กองชีพ หัวหน้าฝ่ายวิจัยและที่ปรึกษา คุชแมน แอนด์ เวคฟีลด์ ประเทศไทย เปิดเผยว่า ในไตรมาส 3/2568 ตลาดคอนโดมิเนียมเริ่มมีโครงการเปิดขายใหม่มากขึ้น รวมทั้งสิ้นประมาณ 6,618 ยูนิต โดยสิ่งที่น่าสนใจคือหลายโครงการมีราคาขายค่อนข้างสูง และใช้วิธีเปิดขายแบบไม่เป็นทางการ (เปิดจองบางชั้น) เพื่อทดลองตลาดก่อน

    โครงการคอนโดมิเนียมเปิดใหม่ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 89% มีเพียง 11% ที่อยู่ในแนวรถไฟฟ้าสายอื่น (สีชมพูและสีน้ำเงิน) ผู้ประกอบการเลือกพัฒนาโครงการในทำเลที่มองเห็นศักยภาพในปัจจุบัน แทนทำเลตามแนวรถไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างเหมือนในอดีต

    ราคาขายคอนโดมิเนียมเปิดใหม่เฉลี่ย สูงขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าประมาณ 47% แม้ว่าโครงการใหม่กว่า 89% จะอยู่ในแนวเส้นทางรถไฟฟ้า แต่ส่วนใหญ่กลับอยู่ในซอยที่ห่างจากสถานีรถไฟฟ้ามากกว่า 1-2 กิโลเมตร อย่างไรก็ตาม ราคาขายยังคงสูง เนื่องจากตั้งอยู่ในทำเลที่มีราคาที่ดินสูงอยู่แล้ว เช่น ถนนสุขุมวิทและเจริญกรุง เป็นต้น

    แนวโน้มตลาดช่วงปลายปี 2568: กำลังซื้อต่ำ-ธนาคารเข้มงวด

    ตลาดคอนโดมิเนียมในกรุงเทพมหานคร ช่วงที่เหลือของปี 2568 ยังคงอยู่ในช่วงชะลอตัว แม้จะมีอุปทานเปิดใหม่เข้ามาในไตรมาส 3 ปัจจัยลบหลักมาจากการที่ความเชื่อมั่นในระยะยาว ของผู้บริโภคชาวไทยต่อภาวะเศรษฐกิจและความมั่นคงในหน้าที่การงานยังอยู่ในระดับต่ำ ทำให้การใช้จ่ายและการก่อหนี้สินระยะยาวเพื่อซื้อที่อยู่อาศัยยังไม่เหมาะสม

    สถาบันการเงินยังคงเข้มงวด ในการพิจารณาสินเชื่อที่อยู่อาศัย ถึงแม้ความต้องการซื้อจริงยังคงมีอยู่ ปัจจัยนี้ทำให้การเช่าที่อยู่อาศัย กลายเป็นทางเลือกที่ถูกพูดถึงและเป็นเรื่องปกติสำหรับคนรุ่นใหม่ที่เพิ่งเริ่มทำงาน ขณะที่ผู้ประกอบการบางรายต้องเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาด้านสินเชื่อให้ผู้ซื้อ เช่น การให้คำปรึกษา หรือเสนอทางเลือกการเช่าก่อนซื้อ

   คาดการณ์ปี 2569: ตลาดไม่ดีกว่าปีนี้ ลุ้นปัจจัยการเมืองช่วย

    แนวโน้มตลาดคอนโดมิเนียมในปี 2569 คาดการณ์ว่าจะ ไม่แตกต่างจากปี 2568 มากนัก เนื่องจากสถานการณ์ในปัจจุบันต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า ซึ่งเป็นช่วงที่มีความไม่แน่นอนทางการเมือง เช่น การเลือกตั้ง หรือการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลใหม่ ทำให้ภาวะเศรษฐกิจและการลงทุนต่าง ๆ อาจต้อง รอความชัดเจน

    หากมีการยุบสภาหรือเหตุการณ์ที่ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ ความเชื่อมั่นในการลงทุน และการดำเนินนโยบายต่าง ๆ อาจหยุดชะงัก ผู้ประกอบการอาจเลือก รอดูสถานการณ์ในช่วงต้นปี 2569 ก่อนตัดสินใจเปิดตัวโครงการใหม่

    อย่างไรก็ตาม มีความคาดหวังว่าหากการเลือกตั้งหรือการเปลี่ยนผ่านรัฐบาลไม่มีปัญหา จะส่งผลให้ภาวะเศรษฐกิจของประเทศดีขึ้น และกระตุ้นให้คนไทยมีความเชื่อมั่นในการใช้จ่ายมากขึ้นได้

   กำลังซื้อต่างชาติ: จีนยังมองไทยเป็นอันดับ 1

    นายสุรเชษฐ ได้ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า การเข้าถึง กำลังซื้อต่างชาติ เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่ผู้ประกอบการพยายามดำเนินการอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา โดยผู้ประกอบการหลายรายได้ร่วมมือหรือจัดตั้งบริษัทร่วมกับบริษัทนายหน้าต่างชาติ โดยเฉพาะเพื่อเข้าถึง ผู้ซื้อชาวจีน โดยตรง นอกจากนี้ ยังมีนายหน้าสัญชาติอื่น ๆ เช่น รัสเซีย และเมียนมาร์ ที่เข้ามาช่วยขายคอนโดมิเนียมให้กับชาวต่างชาติสัญชาติเดียวกัน โดยเฉพาะในเมืองท่องเที่ยวต่าง ๆ

    คาดการณ์ว่ากำลังซื้อต่างชาติ โดยเฉพาะ ชาวจีน อาจจะเพิ่มขึ้นในปี 2569 เนื่องจากสถานการณ์ในประเทศจีนเริ่มดีขึ้นต่อเนื่อง และความเข้าใจผิดเกี่ยวกับเรื่องความปลอดภัยในประเทศไทยเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นมาก

    แม้จะมีชาวจีนบางส่วนเลือกเดินทางไปประเทศอื่น ๆ ในปีนี้ แต่ถ้าพิจารณาจากความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยแล้ว ประเทศไทยยังคงอยู่ในอันดับต้น ๆ หรืออันดับ 1 ในความคิดของชาวจีนเสมอ เพียงแต่ในช่วงที่ผ่านมานักลงทุนชาวจีนอาจมีปัญหาด้านการเงิน เนื่องจากตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศจีนเองยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่นัก