เมกะเทรนด์อสังหาฯ มุ่งโรดแมปเศรษฐกิจสีเขียว
Loading

เมกะเทรนด์อสังหาฯ มุ่งโรดแมปเศรษฐกิจสีเขียว

วันที่ : 3 ตุลาคม 2568
ซีบีอาร์อี ประเทศไทย กล่าวว่า อาคารสมัยใหม่ต้องมีการรับรอง มาตรฐานที่ครอบคลุมทั้งมิติสิ่งแวดล้อม สุขภาพ และดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็น LEED, WELL, WiredScore หรือ SmartScore สิ่งนี้จะ เป็น "แต้มต่อ" ในตลาดที่ผู้เช่าองค์กร ส่วนใหญ่มุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero และมองหาอาคารที่สอดคล้องกับนโยบายองค์กรด้านสิ่งแวดล้อม
   ชูนวัตกรรมปั้น 'Smart City' สาน Net Zero สู่ 'เมืองน่าอยู่-ยั่งยืน'

   ประเทศไทยเผชิญการเปลี่ยนแปลงในทุกมิติ และเพื่อให้การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ไทยดำเนินต่อไปอย่างยั่งยืน สร้าง Smart City ก้าวสู่เป้าหมาย Net Zero Emissions ร่วมกัน บริษัท เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ จำกัด หรือ EnCo เปิดเวที "Thailand's Real Estate Outlook 2026 : เจาะทิศทางอสังหาฯ ไทย ปี 2569 พร้อมเติบโตอย่างยั่งยืน" ระดมแนวคิดจากผู้เชี่ยวชาญในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ ผ่าน 2 หัวข้อสำคัญ "Challenges & Opportunities"และ "Green Living, Smart City : อสังหาฯ นำทางสู่เมืองแห่งความยั่งยืน" ขับเคลื่อนร่วมกัน ในการสร้างโมเดลธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ยั่งยืนบนแนวทาง Sustainable Way ที่เชื่อมโยง ภาคธุรกิจ ภาครัฐ และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย สู่การเติบโตที่มั่นคงและยั่งยืนในอนาคต

   ศิรศักดิ์ จันเทรมะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ จำกัด (EnCo) ฉายภาพ "Good City Living for a Sustainable Future เมืองที่ดี สร้างคุณภาพชีวิต และอนาคต ที่ยั่งยืน" มองว่า โลกธุรกิจกำลังเผชิญการเปลี่ยนแปลง ครั้งใหญ่จากหลายปัจจัยที่ส่งผลกระทบในวงกว้าง ทั้งนี้ EnCo ดำเนินธุรกิจภายใต้ วิสัยทัศน์เพื่อพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และบริหารจัดการอาคารสถานที่ด้วยบริการที่เป็นเลิศ ให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน โดยมุ่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เดินหน้าสู่เป้าหมาย Net Zero Emissions ภายในปี 2050 ตามกรอบนโยบายของกลุ่มบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)

   พร้อมสร้างสรรค์ศูนย์เอนเนอร์ยี่คอมเพล็กซ์ให้เป็นอาคารอนุรักษ์พลังงานมาตรฐาน LEED Platinum เป็นศูนย์รวมธุรกิจด้านพลังงานที่ออกแบบโดยใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ร่วมสร้าง Smart City และนำเทคโนโลยี Green Living มาใช้เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน สู่การบริหารองค์กรด้วยนวัตกรรม Smart and Green สร้างคุณค่าระยะยาวให้ธุรกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม

   ลุยพัฒนามาตรฐาน Green Building

   ในปี 2569 EnCo ตั้งเป้าพัฒนามาตรฐานอาคารสำนักงานให้เช่า Mix-used ให้เป็น Green Building ตามหลักแนวทางการบริหารจัดการและปรับปรุงอาคารเพื่อความยั่งยืน พร้อมรองรับการพัฒนาในภาคส่วนอื่นๆ โดยได้นำแนวคิดจากหลากหลายมุมมองมาประยุกต์ใช้"

   "การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศซึ่งมีความแปรปรวน ไม่แน่นอน การเปลี่ยนผ่านด้านเทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรม ที่เข้ามามีบทบาทมากขึ้น แต่หลายองค์กรยังใช้งานไม่ถูกทาง พฤติกรรมผู้บริโภคก็ปรับเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว ทำให้ภาคธุรกิจต้องเร่งปรับตัวเพื่อฝ่าวิกฤติ สร้างโอกาสใหม่"

    ขณะที่ธุรกิจอสังหาฯ หัวใจสำคัญดั้งเดิมคือการเลือกทำเล (Location) แต่ในโลกปัจจุบัน "ทำเลที่ดี" อาจไม่เพียงพอ สิ่งที่ต้องคิดต่อคือการสร้าง "เมืองที่มีคุณค่าในตัวเอง" เป็นเมืองที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัย พร้อมสร้างความสุข ความปลอดภัย ความสัมพันธ์กับสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม เพื่อพัฒนาเป็น อีโคซิสเต็มของเมืองที่ยั่งยืนและจับต้องได้

   "การจะยั่งยืนได้นั้น ต้องคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม เป็นหัวใจ สร้างเมืองให้น่าอยู่ ทำให้ผู้คนเกิดความผูกพันกับสถานที่และเมืองที่อาศัยอยู่"

   เสนาฯ ชูแนวคิด "ยั่งยืนที่ไม่ขาดทุน"

   ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แนวทาง Green Living, Smart City หรืออสังหาฯ สีเขียว ต้องไม่ถูกจำกัดไว้เพียงตลาดบน แต่ต้องสร้างได้ในราคาที่คนทั่วไปเอื้อมถึง โดยเฉพาะกลุ่ม Affordable Segment ซึ่งเป็นฐานลูกค้าหลักของเสนาฯ

   "ถ้าเขียวแล้วคนไม่เข้าถึง ความยั่งยืนก็เป็นเพียงทฤษฎีที่ใช้ไม่ได้จริง!"

   ที่ผ่านมาเสนาฯ ใช้โมเดล "เช่าออม" เพื่อช่วยให้ผู้มีรายได้น้อยเข้าถึงที่อยู่อาศัย และได้รับการตอบรับอย่างดีถึง 900 รายภายในปีเดียว การผสมผสานนโยบายเชิงสังคมเข้ากับโมเดลธุรกิจจึงไม่ใช่เรื่องเพ้อฝัน

   "เราต้องทำให้เขียวแล้วอยู่ได้ ต้องทำกำไรได้ เพื่อที่จะยั่งยืน ไม่ใช่ต้นทุน แต่กลายเป็นทรัพย์สิน"

   ปัญหาไม่ใช่แค่เงินทุน.แต่คือ "ระบบคิด"

   อุปสรรคสำคัญของการสร้างเมืองสีเขียวไม่ได้อยู่ที่เทคโนโลยี แต่เป็น "ความเข้าใจของคน" และ การจัดลำดับความสำคัญของนโยบาย "นโยบายเมืองไม่ยากในแง่ไอเดีย แต่ยากในแง่ปฏิบัติ เพราะเมืองเต็มไปด้วยเรื่องเร่งด่วนที่ทำให้เรื่องยั่งยืนถูกเลื่อนออกไปเรื่อยๆ"

หนึ่งในข้อเสนอเชิงระบบที่น่าสนใจ คือการผลักดันให้สถาบันการเงินมีผลิตภัณฑ์การเงินระยะยาว เช่น การ "ฟิกซ์ดอกเบี้ย" 30 ปี ในอัตราที่เอื้อต่อการกู้ซื้อบ้าน เหมือนประเทศญี่ปุ่น มีการกำหนดดอกเบี้ยคงที่ 3% เป็นเวลา 20 ปี เพื่อลดความเสี่ยงและเพิ่มความสามารถในการเข้าถึงที่อยู่อาศัยของประชาชน

   พลังวัสดุ...สู่โครงสร้างเศรษฐกิจสีเขียว

   ณรงค์เวทย์ วจนพานิช กรรมการผู้จัดการ บริษัท ควอลิตี้ คอนสตรัคชั่น โปรดัคส์ จำกัด (มหาชน) บริษัทในเครือ SCG กล่าวว่า โรงงานผลิตวัสดุก่อสร้างที่ทำราคาถูก แต่ไม่คำนึง สิ่งแวดล้อมกับโรงงานผลิตที่ให้ความสำคัญมาตรฐานทุกขั้นตอน ควรเลือกแบบไหน? เป็นเรื่องที่ทุกคนต้องช่วยกันสื่อสารให้ผู้บริโภคเข้าใจว่า การทำให้เกิด "กรีน อีโคโนมี" คนที่ทำต้องมีกำไร อยู่ได้

   ฉะนั้นทุกคนใน value chain ต้องมี เป้าหมายร่วมกัน ยกตัวอย่าง ปกติบ้านเดี่ยวจ่ายค่าไฟ 3,000 บาท หากใช้อิฐมวลเบาจะประหยัดค่าไฟ 20% ถ้าผู้บริโภครู้และเข้าใจในมูลค่าที่จะได้รับ เข้าใจถึงความคุ้มค่าในระยะยาว หรือกรณีแผ่นดินไหวที่ผ่านมา พบว่าโครงการที่ใช้วัสดุคุณภาพ จะได้รับผลกระทบน้อย และการดูแลรักษาระยะยาวค่าใช้จ่ายถูกลง เพราะประหยัดพลังงาน กลายเป็นเมืองที่ดี

   "การออกแบบที่ดีไม่ใช่แค่ลดต้นทุน แต่คือการสร้างอนาคตที่ยั่งยืน ความคุ้มค่าเกิดขึ้นได้ตั้งแต่การออกแบบที่ไม่ได้มองแค่ราคาถูก แต่มองระยะยาวทำให้โครงการเกิดความยั่งยืน ถ้าผู้บริโภคเข้าใจเรื่องความคุ้มค่า จะเข้าใจความยั่งยืนในระยะยาว ซึ่งต้องให้ความรู้ เป็นเรื่องที่ท้าทาย ต้องช่วยกันทั้ง value chain ทำความเข้าใจกับผู้บริโภค"

   การทำ Green Building หรือ อาคารสีเขียว มีต้นทุนที่ต้องจ่าย และทุกคนต้องร่วมกันจ่าย เพื่อความยั่งยืนในระยะยาว ซึ่งอุปสรรค คือ "แนวคิด" และ พฤติกรรมคน ต้องมีการสื่อสาร เช่น การพัฒนาโครงการ หรือบ้าน หากใช้อิฐมวลเบาจะทำให้ประหยัดต้นทุนฐานรากได้ถึง 20%

   "เราต้องเปลี่ยนมุมมองจากมองระยะสั้นไปมองระยะยาว ทำงานร่วมกันเพื่อลดต้นทุนและเกิดความคุ้มค่าในระยะยาว เพื่อส่งมอบสิ่งที่ดีให้คนรุ่นหลัง"

   อย่างไรก็ตาม "Green Building" ยังคงมีต้นทุนที่สูงขึ้นในช่วงเริ่มต้น และนี่คือจุดที่ ผู้เล่นใน value chain ต้องร่วมมือกัน ทั้ง ผู้ผลิต พัฒนาโครงการ ผู้บริโภค และภาครัฐ เพื่อปรับวิธีคิดใหม่ จาก "ค่าใช้จ่าย" เป็น "การลงทุนระยะยาว"

   ภาครัฐต้องปรับ.เอกชนต้องขับเคลื่อน

   สมัชชา พรหมศิริ Chief of Staff บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แสนสิริ ให้ความสำคัญกับการเติบโตอย่างยั่งยืนทุกมิติ ผ่านกลยุทธ์ 3 กุญแจขับเคลื่อนองค์กร ได้แก่ PROFIT มุ่งสร้างรายได้และผลกำไร เพื่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกส่วน PEOPLE และ PLANET ให้ความสำคัญสิ่งแวดล้อม เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการทำให้เมืองน่าอยู่ เน้นนโยบายที่ยั่งยืน

    แสนสิริเป็นองค์กรเกี่ยวกับบิลด์อินดัสตรี้ แล้วตัวเราทำคาร์บอนอีมิสชั่นไปสู่บรรยากาศโลกจากการก่อสร้าง

   "รัฐบาลควรออกนโยบายที่สอดรับกับไลฟ์สไตล์ใหม่ เช่น กลุ่มฟรีแลนซ์หรือ Gig Economy ซึ่งกำลังเติบโตและต้องการ ที่อยู่อาศัยแบบยืดหยุ่น"

   มาตรฐานคือพลังขับเคลื่อน"ตลาดสีเขียว"

   ภัสสรีภัคว์ ศรีกัญจนานนท์ หัวหน้า แผนกบริหารอาคาร ซีบีอาร์อี ประเทศไทย กล่าวว่า อาคารสมัยใหม่ต้องมีการรับรอง มาตรฐานที่ครอบคลุมทั้งมิติสิ่งแวดล้อม สุขภาพ และดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็น LEED, WELL, WiredScore หรือ SmartScore สิ่งนี้จะ เป็น "แต้มต่อ" ในตลาดที่ผู้เช่าองค์กร ส่วนใหญ่มุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero และมองหาอาคารที่สอดคล้องกับนโยบายองค์กรด้านสิ่งแวดล้อม

   "การทำ Green Building หรือ อาคารสีเขียว มีต้นทุน ถ้าไม่ใช่บริษัทข้ามชาติมักให้ความสำคัญน้อยเพราะมีต้นทุน ดังนั้นภาครัฐควรมีมาตรการสนับสนุนช่วยให้ผู้ประกอบการมีแรงจูงใจในการทำมากขึ้น เช่น ลดภาษีให้ผู้ทำอาคารเขียว เก็บภาษีอาคารที่ก่อให้เกิดมลพิษแม้การทำอาคารเขียวจะมีต้นก่อสร้างสูง 40% ในครั้งแรก แต่ระยะยาวต้นทุน การดูแลรักษาลดลง 10-20%"

   ท่ามกลางการแข่งขันตลาดอาคารสำนักงานที่รุนแรง หากอาคารมีมาตรฐานอาคารเขียวจะเป็นตัวช่วยเพิ่มขีดแข่งขันได้เป็นอย่างดี เพราะผู้เช่าส่วนใหญ่มีเป้าหมายจะเป็นองค์กรสีเขียว สานเป้าหมาย Net Zero เช่นกัน
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ