REIC เล็งอสังหาครึ่งหลังดีขึ้น ดันปี68สินเชื่อใหม่ 5.82 แสนล.
Loading

REIC เล็งอสังหาครึ่งหลังดีขึ้น ดันปี68สินเชื่อใหม่ 5.82 แสนล.

วันที่ : 27 สิงหาคม 2568
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) เผยข้อมูลสถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัย ไตรมาส 2/2568 ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสก่อน จากการโอนกรรมสิทธิ์หนุน และคาดตลาดที่อยู่อาศัย ไตรมาส 3 และ ไตรมาส 4 ปรับตัวดีขึ้น ดันยอดการโอนกรรมสิทธิ์ทั้งปี 2568 ขยายตัวใกล้เคียงปีก่อน เล็งสินเชื่อที่อยู่อาศัยปล่อยใหม่ ทั่วประเทศปี 2568 จะมีมูลค่า 582,800 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปี 2567 ซึ่งมีมูลค่า 584,843 ล้านบาท
    นายกมลภพ วีระพละ กรรมการ ผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) กล่าวว่า การที่ รัฐบาลประกาศใช้มาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ การลดค่าธรรมเนียมการโอนและการจดจำนองเหลือ 0.01% สำหรับที่อยู่อาศัยระดับราคาไม่เกิน 7 ล้านบาท และการผ่อนคลายเกณฑ์ LTV ชั่วคราวของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ส่งผลให้อุปสงค์การโอนกรรมสิทธิ์ในไตรมาส 2 เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1 (QoQ) ทั้งจำนวนหน่วยและมูลค่า โดยมีจำนวน 77,343 หน่วย เพิ่มขึ้น 18.5% จาก การโอนในไตรมาส 1 ที่มีจำนวน 65,276 หน่วย คิดเป็นมูลค่า 210,056 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 15.7% จากยอดการโอนในไตรมาส 1 ที่มีมูลค่า 181,545 ล้านบาท

   แนวราบหนุนโอน

    เป็นการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยแนวราบทั่วประเทศ จำนวน 53,982 หน่วย เพิ่มขึ้น 24.2% จากไตรมาส 1 ที่มีจำนวน 43,462 หน่วย และมีมูลค่า 156,692 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.8% จากไตรมาส 1 ที่มีมูลค่า 125,557 ล้านบาท และเป็นการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุด ทั่วประเทศจำนวน 23,361 หน่วย เพิ่มขึ้น 7.1% จากไตรมาส 1 มีจำนวน 21,814 หน่วย แต่มีมูลค่า 53,364 ล้านบาท ลดลง -4.7% จากไตรมาส 1 ซึ่งมีมูลค่า 55,988 ล้านบาท โดยปัจจัยที่ทำให้มูลค่าการโอนปรับลดลง เนื่องจากไตรมาสก่อนมีการโอนห้องชุดราคาสูงกว่า 7 ล้านบาท ขึ้นไปเป็นจำนวนมาก

    ทั้งนี้หากเทียบกับช่วงเดียวกัน ของปีก่อน (YoY) การโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทั่วประเทศ ในไตรมาส 2/2568 มีจำนวน 77,343 หน่วย ลดลง -10.9% และมีมูลค่า 210,056 ล้านบาท ลดลง -13.6% โดยที่อยู่อาศัยแนวราบมีการโอนจำนวน 53,982 หน่วย ลดลง -7.7% และมีมูลค่า 156,692 ล้านบาท ลดลง -9.3% และอาคารชุดมีการโอนจำนวน 23,361 หน่วย ลดลง -17.5% และมีมูลค่า 53,364 ล้านบาท ลดลง -24.1% ส่งผลให้ภาพรวมครึ่งแรกปี 2568 มีการ โอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทั่วประเทศมีจำนวน 142,619 หน่วย ลดลง -10.7% และมีมูลค่า 391,601 ล้านบาท ลดลง -13.3%

   จับตาปัจจัยกดดันตลาด

    อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยช่วงครึ่งหลังของปี 2568 มีแนวโน้มชะลอตัว ต่อเนื่องจากช่วงครึ่งแรก ซึ่งเป็นผลมาจากผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมของมาตรการภาษีสหรัฐที่มีผลกระทบต่อรายได้ของภาคธุรกิจ ลูกจ้างและ ผู้ประกอบอาชีพอิสระ ทำให้กำลังซื้อของประชาชนมีแนวโน้มลดลง ขณะที่การลงทุนของผู้ประกอบการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย หรือโครงการเปิดขายใหม่มี แนวโน้มลดลงและผู้ซื้อบ้านขาดความสามารถในการกู้สินเชื่อที่อยู่อาศัย ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์รายกลางและเล็กมีความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง สูงขึ้น จำนวนนักท่องเที่ยว

    มีแนวโน้มลดลงจากปีก่อนตามการแข่งขันในภูมิภาคที่รุนแรงขึ้น และปัญหาการปะทะตามแนวชายแดนไทยกัมพูชา ดังนั้น REIC จึงคาดว่าทั้งปี 2568 จะมีการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทั่วประเทศ จำนวน 343,678 หน่วย ลดลง -1.2% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าที่มีจำนวน 347,799 หน่วย และมีมูลค่า 964,027 ล้านบาท ลดลง -1.7% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าที่มีมูลค่า 980,648 ล้านบาท

   ปี 2568 คาดสินเชื่อใหม่ 5.82 แสนล.

    ด้านสินเชื่อที่อยู่อาศัยในช่วงไตรมาส 2/2568 มีมูลค่า 134,115 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.6% จากไตรมาส 1 (QoQ) ซึ่งมีมูลค่า 109,368 ล้านบาท และลดลง -6.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีมูลค่า 143,409 ล้านบาท (YoY) โดยในช่วงครึ่งแรกของ ปี 2568 มีการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยบุคคล มูลค่า 243,483 ล้านบาท ลดลง -7.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีมูลค่า 264,330 ล้านบาท REIC คาดการณ์ว่าสินเชื่อที่อยู่อาศัยปล่อยใหม่

    ทั่วประเทศ ในปี 2568 จะมีมูลค่าประมาณ 582,800 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปี 2567 ซึ่งมีมูลค่า 584,843 ล้านบาท REIC คาดว่าทั้งปี 2568 ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑลจะมีโครงการที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่ จำนวน 52,000 หน่วย ลดลง -17.2% จากปี 2567 หรือลดลงไปใกล้เคียงกับปี 2564 ซึ่งเป็นช่วงโควิด-19 แพร่ระบาด ที่คาดว่าจะมีมูลค่าที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่ประมาณ 390,000 ล้านบาท ลดลง -22.2% จากปี 2567
ข่าว reic จากสื่อสิ่งพิมพ์ อื่นๆ