TEKA โชว์แบ็กล็อกแน่น 2,676 ล้าน มั่นใจผลประกอบการครึ่งปีหลังดีกว่าครึ่งปีแรก
วันที่ : 8 สิงหาคม 2568
“ฑีฆาก่อสร้าง” คาดผลประกอบการครึ่งปีหลังดีกว่าครึ่งปีแรกที่มีรายได้รวม 739.30 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 21.25 ล้านบาท ตุนแบ็กล็อก 2,676 ล้านบาท มุ่งขยายฐานลูกค้าใหม่ในหลายกลุ่ม เน้นบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งมอบงานตรงเวลา และควบคุมต้นทุน นอกจากนี้อยู่ระหว่างประมูลงานใหม่ 20 โครงการ
ดร.วีระศักดิ์ วานิชวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฑีฆาก่อสร้าง จำกัด (มหาชน) หรือ TEKA เปิดเผยว่า แนวโน้มผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2568 จะปรับตัวดีขึ้นจากช่วงครึ่งปีแรกที่มีรายได้รวม 739.30 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 21.25 ล้านบาท สะท้อนจากทิศทางงานใหม่ที่บริษัทคาดว่าจะได้รับเพิ่มเติมอีกประมาณ 1-2 โครงการ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนรายได้ในระยะถัดไป และการรับรู้รายได้จากงานในมือ (Backlog) ต่อเนื่อง โดย ณ สิ้นมิถุนายน 2568 บริษัทมี Backlog ที่ประมาณ 2,676 ล้านบาท ซึ่งรวมถึงโครงการใหม่อย่าง SKV51 ที่ได้เริ่มดำเนินงานแล้ว
นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างการประมูลงานใหม่อีกกว่า 20 โครงการ และตั้งเป้าหมายรักษา Backlog ให้อยู่ในกรอบ 2,500–3,000 ล้านบาท อย่างต่อเนื่อง เพื่อเสริมรากฐานรายได้ให้เติบโตตามแผนในระยะยาว พร้อมตอกย้ำจุดยืนในฐานะผู้นำงานก่อสร้างอาคารสูงและอาคารขนาดใหญ่ ด้วยมาตรฐานด้านคุณภาพ ความปลอดภัย และความน่าเชื่อถือที่ได้รับการยอมรับจากลูกค้าชั้นนำระดับประเทศ
ด้านสภาพคล่อง บริษัทมีกระแสเงินสดในมือประมาณ 700 ล้านบาท ซึ่งมากกว่ามูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Cap) สะท้อนการเป็นผู้รับเหมาที่มีความแข็งแกร่งทางการเงิน และศักยภาพในการบริหารต้นทุน แม้ภาคอสังหาริมทรัพย์ในครึ่งปีแรกจะมีแนวโน้มชะลอตัวจากปัจจัยภายนอก ขณะที่ต้นทุนราคาวัสดุก่อสร้างที่ปรับตัวสูงขึ้น และค่าแรงที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น TEKA สามารถบริหารจัดการและควบคุมค่าใช้จ่ายได้ตามเป้าหมาย
“TEKA เดินหน้ากลยุทธ์เชิงรุกขยายฐานลูกค้าไปสู่กลุ่มใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยครึ่งปีแรกเราเริ่มเจาะลูกค้ากลุ่มโรงแรม โรงเรียน และคอนโดมิเนียมระดับลักซ์ชัวรี่ นอกเหนือจากฐานลูกค้าหลักที่ยังคงเหนียวแน่น แม้อุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์จะมีการชะลอตัวในบางช่วง เรามองว่าเป็นปัจจัยระยะสั้นการท่องเที่ยวยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของประเทศ และการเข้าสู่ลูกค้าในอุตสาหกรรมเมกะเทรนด์ต่าง ๆ จะเป็นโอกาสการเติบโตใหม่ของเรา” ดร.วีระศักดิ์ กล่าว
ดร.วีระศักดิ์ กล่าวอีกว่า เพื่อเตรียมความพร้อมรับการเติบโตระยะต่อไป ล่าสุด TEKA ได้เปิดรับสมัครวิศวกรรุ่นใหม่เข้าร่วมทีม เพื่อเสริมศักยภาพการดำเนินงาน สอดรับกับเป้าหมายการเติบโตในครึ่งปีหลังและระยะยาว สะท้อนภาพบริษัทรับเหมาที่มีสถานะทางการเงินมั่นคงพร้อมขับเคลื่อนธุรกิจอย่างยั่งยืน
ด้านผลประกอบการงวดไตรมาส 2/2568 บริษัทมีรายได้จากการก่อสร้าง 347.78 ล้านบาท ลดลง 19.55% จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 432.30 ล้านบาท แต่เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1/2568 และมีกำไรสุทธิ 20.28 ล้านบาท ลดลง 56.47% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 46.59 ล้านบาท เนื่องจากโครงการใหม่ยังอยู่ในระยะเริ่มต้นของการรับรู้รายได้
ส่วนผลประกอบการงวด 6 เดือนแรกของปี 2568 มีรายได้จากการก่อสร้าง 669.21 ล้านบาท ลดลง 33.16% จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 1,001.21 ล้านบาท เนื่องจากไตรมาส 1/2568 บริษัทได้ส่งมอบงานแล้วเสร็จ 100% จำนวน 2 โครงการให้กับเจ้าของโครงการตามสัญญาว่าจ้างเป็นที่เรียบร้อย ทำให้โครงการใหม่ที่เริ่มดำเนินการยังไม่สามารถรับรู้รายได้เต็มที่ ขณะที่บริษัทสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายในการบริหารและต้นทุนทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อเนื่อง สนับสนุนกำไรสุทธิในงวด 6 เดือนแรกของปี 2568 อยู่ที่ 24.26 ล้านบาท ลดลง72.65% จากงวดเดียวกันของปีก่อน อยู่ที่ 88.71 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างการประมูลงานใหม่อีกกว่า 20 โครงการ และตั้งเป้าหมายรักษา Backlog ให้อยู่ในกรอบ 2,500–3,000 ล้านบาท อย่างต่อเนื่อง เพื่อเสริมรากฐานรายได้ให้เติบโตตามแผนในระยะยาว พร้อมตอกย้ำจุดยืนในฐานะผู้นำงานก่อสร้างอาคารสูงและอาคารขนาดใหญ่ ด้วยมาตรฐานด้านคุณภาพ ความปลอดภัย และความน่าเชื่อถือที่ได้รับการยอมรับจากลูกค้าชั้นนำระดับประเทศ
ด้านสภาพคล่อง บริษัทมีกระแสเงินสดในมือประมาณ 700 ล้านบาท ซึ่งมากกว่ามูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Cap) สะท้อนการเป็นผู้รับเหมาที่มีความแข็งแกร่งทางการเงิน และศักยภาพในการบริหารต้นทุน แม้ภาคอสังหาริมทรัพย์ในครึ่งปีแรกจะมีแนวโน้มชะลอตัวจากปัจจัยภายนอก ขณะที่ต้นทุนราคาวัสดุก่อสร้างที่ปรับตัวสูงขึ้น และค่าแรงที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น TEKA สามารถบริหารจัดการและควบคุมค่าใช้จ่ายได้ตามเป้าหมาย
“TEKA เดินหน้ากลยุทธ์เชิงรุกขยายฐานลูกค้าไปสู่กลุ่มใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยครึ่งปีแรกเราเริ่มเจาะลูกค้ากลุ่มโรงแรม โรงเรียน และคอนโดมิเนียมระดับลักซ์ชัวรี่ นอกเหนือจากฐานลูกค้าหลักที่ยังคงเหนียวแน่น แม้อุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์จะมีการชะลอตัวในบางช่วง เรามองว่าเป็นปัจจัยระยะสั้นการท่องเที่ยวยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของประเทศ และการเข้าสู่ลูกค้าในอุตสาหกรรมเมกะเทรนด์ต่าง ๆ จะเป็นโอกาสการเติบโตใหม่ของเรา” ดร.วีระศักดิ์ กล่าว
ดร.วีระศักดิ์ กล่าวอีกว่า เพื่อเตรียมความพร้อมรับการเติบโตระยะต่อไป ล่าสุด TEKA ได้เปิดรับสมัครวิศวกรรุ่นใหม่เข้าร่วมทีม เพื่อเสริมศักยภาพการดำเนินงาน สอดรับกับเป้าหมายการเติบโตในครึ่งปีหลังและระยะยาว สะท้อนภาพบริษัทรับเหมาที่มีสถานะทางการเงินมั่นคงพร้อมขับเคลื่อนธุรกิจอย่างยั่งยืน
ด้านผลประกอบการงวดไตรมาส 2/2568 บริษัทมีรายได้จากการก่อสร้าง 347.78 ล้านบาท ลดลง 19.55% จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 432.30 ล้านบาท แต่เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1/2568 และมีกำไรสุทธิ 20.28 ล้านบาท ลดลง 56.47% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 46.59 ล้านบาท เนื่องจากโครงการใหม่ยังอยู่ในระยะเริ่มต้นของการรับรู้รายได้
ส่วนผลประกอบการงวด 6 เดือนแรกของปี 2568 มีรายได้จากการก่อสร้าง 669.21 ล้านบาท ลดลง 33.16% จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 1,001.21 ล้านบาท เนื่องจากไตรมาส 1/2568 บริษัทได้ส่งมอบงานแล้วเสร็จ 100% จำนวน 2 โครงการให้กับเจ้าของโครงการตามสัญญาว่าจ้างเป็นที่เรียบร้อย ทำให้โครงการใหม่ที่เริ่มดำเนินการยังไม่สามารถรับรู้รายได้เต็มที่ ขณะที่บริษัทสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายในการบริหารและต้นทุนทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อเนื่อง สนับสนุนกำไรสุทธิในงวด 6 เดือนแรกของปี 2568 อยู่ที่ 24.26 ล้านบาท ลดลง72.65% จากงวดเดียวกันของปีก่อน อยู่ที่ 88.71 ล้านบาท
ข่าววัสดุก่อสร้าง-เฟอร์นิเจอร์ อื่นๆ