อสังหาฯแป้ก-จีนหาย 'ไซมิส' ลุยบ้านมือสอง
วันที่ : 3 กรกฎาคม 2568
ไซมิส แอสเสท เปิดเผยว่า ปัจจุบันตลาดอสังหาฯขาลงอย่างมาก กำลังซื้อในประเทศไม่ฟื้น กำลังซื้อต่างชาติก็ลดลง โดยเฉพาะลูกค้าชาวจีนซึ่งเป็นลูกค้าหลักของตลาดคอนโด ยอดขายใหม่หายไป 70% ทำให้เราต้องปรับตัว โดยชะลอเปิดตัวใหม่ในกรุงเทพฯ ขยายโครงการคอนโดไปภูเก็ตเน้นลูกค้ารัสเซีย ซึ่งมียอดขายแล้ว 70% บุกตลาดบ้านมือสองมากขึ้น
นายขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทได้แตกไลน์ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายไปสู่ธุรกิจบ้านมือสอง เนื่องจากตลาดบ้านมือสองมีการเติบโตมากกว่าตลาดบ้านใหม่ โดยตั้งบริษัท บริหารสินทรัพย์ ไซมิส แอนด์ เวลธ์ จำกัด (SWAM) รับซื้อหนี้เสีย (NPL) และทรัพย์รอการขาย (NPA) ส่วนใหญ่เป็นที่อยู่อาศัยมีตั้งแต่ ทาวน์เฮาส์ราคา 1 ล้านบาท ถึงอาคารพาณิชย์ราคา 10-20 ล้านบาท ในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑลจากธนาคารมาดำเนินการปรับปรุงเป็นบ้านมือสองขายในตลาด เริ่มดำเนินการได้ 2-3 ปีแล้ว มีพอร์ตอยู่ประมาณ 100 ล้านบาท ปัจจุบันขายได้กว่า 50% แล้ว โดยปี 2568 บริษัทมีการขยายธุรกิจมากขึ้น หลังจากประเมินแล้วตลาดอสังหาฯกว่าจะฟ้นตัวคงใช้เวลาอีกหลายปี การที่เข้าไปรุกตลาดบ้านมือสองมากขึ้นน่าจะสร้างรายได้ให้บริษัทได้มากขึ้น เนื่องจากจุดเด่นของบ้านมือสองคือ ทำเลสะดวกและมีราคาถูกกว่าบ้านใหม่
นายขจรศิษฐ์กล่าวว่า ล่าสุด บริษัทได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางธุรกิจ (MOU) กับบริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM เพื่อซื้อทรัพย์จาก BAM ที่สามารถคัดเลือกได้ นำมาปรับโครงสร้างหนี้ให้กับลูกหนี้ของ BAM ทาง SWAM จะเข้าไปบริหารจัดการหรือพิจารณาทรัพย์สินประเภทที่อยู่อาศัยและค้าปลีก เช่น บ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮม เพื่อนำมารีโนเวตและจำหน่ายต่อในตลาด เป็นอีกหนึ่งช่องทางช่วยระบายทรัพย์ NPA ของ BAM และสร้างรายได้ให้กับบริษัท
"ปัจจุบันตลาดอสังหาฯขาลงอย่างมาก กำลังซื้อในประเทศไม่ฟื้น กำลังซื้อต่างชาติก็ลดลง โดยเฉพาะลูกค้าชาวจีนซึ่งเป็นลูกค้าหลักของตลาดคอนโด ยอดขายใหม่หายไป 70% ทำให้เราต้องปรับตัว โดยชะลอเปิดตัวใหม่ในกรุงเทพฯ ขยายโครงการคอนโดไปภูเก็ตเน้นลูกค้ารัสเซีย ซึ่งมียอดขายแล้ว 70% บุกตลาดบ้านมือสองมากขึ้น และขายทรัพย์สินในมือ ทั้งโรงแรมและอพาร์ตเมนต์ เพื่อรักษาสภาพคล่อง และลดภาระหนี้ ยุคดอกเบี้ยคงอยู่ระดับสูง ขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจากับผู้ที่สนใจจะซื้อ มีทั้งนักลงทุนชาวไทยและชาวต่างชาติ" นายขจรศิษฐ์กล่าว
นายรักษ์ วรกิจโภคาทร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BAM กล่าวว่า การลงนามครั้งนี้ เป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญที่ BAM ได้เดินหน้าขยายความร่วมมือเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับการบริหาร NPL และ NPA ปัจจุบัน BAM มีหนี้ด้อยคุณภาพในความดูแลกว่า 91,000 ราย คิดเป็นมูลหนี้กว่า 498,000 ล้านบาท และมีทรัพย์สินรอการขายกว่า 24,000 รายการ ราคาประเมินรวมกว่า 74,000 ล้านบาท
นายขจรศิษฐ์กล่าวว่า ล่าสุด บริษัทได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางธุรกิจ (MOU) กับบริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM เพื่อซื้อทรัพย์จาก BAM ที่สามารถคัดเลือกได้ นำมาปรับโครงสร้างหนี้ให้กับลูกหนี้ของ BAM ทาง SWAM จะเข้าไปบริหารจัดการหรือพิจารณาทรัพย์สินประเภทที่อยู่อาศัยและค้าปลีก เช่น บ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮม เพื่อนำมารีโนเวตและจำหน่ายต่อในตลาด เป็นอีกหนึ่งช่องทางช่วยระบายทรัพย์ NPA ของ BAM และสร้างรายได้ให้กับบริษัท
"ปัจจุบันตลาดอสังหาฯขาลงอย่างมาก กำลังซื้อในประเทศไม่ฟื้น กำลังซื้อต่างชาติก็ลดลง โดยเฉพาะลูกค้าชาวจีนซึ่งเป็นลูกค้าหลักของตลาดคอนโด ยอดขายใหม่หายไป 70% ทำให้เราต้องปรับตัว โดยชะลอเปิดตัวใหม่ในกรุงเทพฯ ขยายโครงการคอนโดไปภูเก็ตเน้นลูกค้ารัสเซีย ซึ่งมียอดขายแล้ว 70% บุกตลาดบ้านมือสองมากขึ้น และขายทรัพย์สินในมือ ทั้งโรงแรมและอพาร์ตเมนต์ เพื่อรักษาสภาพคล่อง และลดภาระหนี้ ยุคดอกเบี้ยคงอยู่ระดับสูง ขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจากับผู้ที่สนใจจะซื้อ มีทั้งนักลงทุนชาวไทยและชาวต่างชาติ" นายขจรศิษฐ์กล่าว
นายรักษ์ วรกิจโภคาทร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BAM กล่าวว่า การลงนามครั้งนี้ เป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญที่ BAM ได้เดินหน้าขยายความร่วมมือเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับการบริหาร NPL และ NPA ปัจจุบัน BAM มีหนี้ด้อยคุณภาพในความดูแลกว่า 91,000 ราย คิดเป็นมูลหนี้กว่า 498,000 ล้านบาท และมีทรัพย์สินรอการขายกว่า 24,000 รายการ ราคาประเมินรวมกว่า 74,000 ล้านบาท
ข่าวบ้านมือสอง อื่นๆ