นายสุนทร สถาพร นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร เปิดเผยว่า จาก 4 มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์ของธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ที่ออกมา ประกอบด้วย สินเชื่อบ้าน Premier Home สำหรับลูกค้ากู้ตั้งแต่ 7 ล้านบาทขึ้นไป ปีแรกดอกเบี้ยเริ่ม 1.79% ต่อปี, สินเชื่อซ่อม-แต่ง และสินเชื่อซ่อม-แต่ง Plus วงเงินกู้สูงสุด 300,000 บาท โดย 100,000 บาทแรก ดอกเบี้ยเริ่ม 1% ต่อปี ดอกเบี้ย 1.99% ต่อปี ใน 200,000 บาทถัดมา, สินเชื่อ Pre Finance Premium สำหรับผู้ประกอบการ อสังหาฯในทำเลมีศักยภาพ 27 จังหวัด ดอกเบี้ยปีแรก 3.90% ต่อปี และมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ 30,000 ล้านบาท ในกลุ่มต้องเฝ้าระวังพิเศษหรือกลุ่ม SM ที่กู้เงินไม่น้อยกว่า 1 ปี จะปรับลดดอกเบี้ยและเงินงวด นาน 1 ปี ดอกเบี้ย 6 เดือนแรก 0% ต่อปี ผ่อน 1,000 บาทต่อเดือน ถือว่าเป็นมาตรการที่สามารถเพิ่มโอกาสในการซื้อที่อยู่อาศัยในอัตราดอกเบี้ยถูกลงและยังเป็นการกระตุ้นกลุ่มระดับบนที่มีกำลังซื้อสูงและไม่ได้รับอานิสงส์จากมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนและค่าจดจำนองเหลือ 0.01% สำหรับการซื้อที่อยู่อาศัยไม่เกิน 7 ล้านบาท ที่จะสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2569 มาซื้อที่อยู่อาศัยราคามากกว่า 7 ล้านบาทขึ้นไปได้มากขึ้นด้วย โดยทาง ธอส.ก็ได้เตรียมวงเงินจำนวน 150,000 ล้านบาท รองรับการปล่อยสินเชื่อในครึ่งหลังของปี 2568

    "ใน 4 มาตรการของ ธอส.นี้ มีที่เพิ่มเข้ามา คือ การขยายการปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำให้กลุ่มที่อยู่อาศัยราคามากกว่า 7 ล้านบาทขึ้นไป รวมถึงยังให้ผู้ประกอบการสามารถกู้พัฒนาโครงการได้ด้วย จากเดิม ธอส.จะเน้นบ้านราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทที่เป็นตลาดใหญ่อยู่แล้ว ถือว่าเป็นมิติใหม่ที่แบงก์รัฐเข้ามาร่วมกระตุ้นกำลังซื้อให้ผู้ที่ต้องการมีบ้านทั้งอยู่เองหรือซื้อเป็นบ้านหลังที่สองและบ้านหลังที่สาม เข้าถึงสินเชื่อได้มากขึ้น จากปัจจุบันที่แบงก์จะเข้มงวดการปล่อยกู้ อย่างไรก็ตามด้วยสถานการณ์ต่างๆ ในตอนนี้ ที่มีหลายปัจจัยกระทบต่อกำลังซื้อในตลาด ทั้งความไม่แน่นอนทางการเมือง สงครามตะวันออกกลาง สงครามการค้า ปัญหาชายแดน ตลอดจนภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟ้นตัว กระทบต่อเซนติเมนต์ทำให้คนไม่มั่นใจในการซื้อบ้านที่เป็นการสร้างหนี้ระยะยาว คงต้องรอประเมินสถานการณ์อีกครั้งว่า 4 มาตรการที่ ธอส.ออกมาจะช่วยได้มากน้อยแค่ไหน แต่ก็คาดหวังว่าจะกระตุ้นได้บ้าง อย่างน้อยก็ด้านจิตวิทยา" นายสุนทรกล่าว