ผลสำรวจการขอสินเชื่อเพื่อซื้อบ้านและคอนโดมิเนียมจากลูกค้ารายย่อยที่ทำการสำรวจจาก 22 บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ที่มีการดำเนินโครงการกว่า 272 โครงการทั่วประเทศ ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2568 สะท้อนภาพชัดเจนเกี่ยวกับสภาพตลาดสินเชื่อที่มีความท้าทายสูง! ทำให้เห็นถึงปัญหาของทั้งลูกค้าผู้ขอสินเชื่อและธนาคารในฐานะผู้ให้สินเชื่อ รวมไปถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นกับโครงการอสังหาริมทรัพย์ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว

   สุนทร สถาพร  นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวว่า การปฏิเสธสินเชื่อไตรมาสแรกที่ผ่านมามีอัตราเฉลี่ยสูงถึง 45% เทียบเดือนธ.ค.ปีก่อนอยู่ที่ 40% ซึ่งเกิดจากหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับเกณฑ์การอนุมัติสินเชื่อที่เข้มงวด และสถานะทางการเงินของผู้ขอสินเชื่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มที่มีรายได้ไม่มั่นคงหรือมีประวัติทางการเงินไม่ดี แน่นอนว่า อัตราการปฏิเสธที่สูงเช่นนี้ไม่ได้ส่งผลดีต่อทั้งผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์และธนาคาร

   “การปฏิเสธสินเชื่อไม่ได้เกิดขึ้นแค่กับลูกค้าที่มีคุณสมบัติต่ำกว่าเกณฑ์ในสายตาของธนาคารเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นในวงกว้าง ทั้งในด้านการดำเนินงานของโครงการอสังหาริมทรัพย์และตลาดโดยรวม”

    จากข้อมูลที่ปรากฏพบว่า ผู้พัฒนาโครงการหลายรายต้องเผชิญกับการระบายสต็อกล่าช้า! ลูกค้าเปลี่ยนใจไม่รับโอน หรือ ยกเลิกการซื้อไปในที่สุด รวมไปถึงผลกระทบทางการเงินที่ส่งผลให้ผู้พัฒนาโครงการต้องเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้น ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มมากขึ้น และการลงทุนขยายโครงการใหม่ที่ชะงักงัน!

    จากการสำรวจพบว่า ปัญหาหลักที่ทำให้ธนาคารต้องปฏิเสธการอนุมัติสินเชื่อ คือ “ประวัติทางการเงินไม่ดี” หรือที่เรียกว่าติด “เครดิตบูโร” ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ธนาคารให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก ตามมาด้วยการที่ผู้ขอสินเชื่อมีภาระหนี้สูงเกินไปและรายได้ที่ไม่มั่นคง ซึ่งล้วนแต่เป็นปัญหาที่จะทำให้ธนาคารไม่สามารถอนุมัติสินเชื่อได้

   กลุ่มสินเชื่อที่ถูกปฏิเสธมากที่สุด

   กลุ่มลูกค้าที่ถูกปฏิเสธสินเชื่อมากที่สุด คือ ผู้ที่ขอสินเชื่อที่มีมูลค่า "ต่ำกว่า 3 ล้านบาท” โดยกลุ่มนี้มีสัดส่วนสูงถึง 90% ของการปฏิเสธทั้งหมด ซึ่งบ่งชี้ถึงความยากลำบากในการเข้าถึงสินเชื่อจากธนาคารในกลุ่มผู้ขอสินเชื่อที่มีกำลังซื้อไม่สูงนัก โดยเฉพาะในตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นตลาดกลางและล่าง

    ในการรับมือกับปัญหาดังกล่าว คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญและตัวแทนจากธนาคารต่างๆ คือการปรับเกณฑ์การพิจารณาสินเชื่อให้ยืดหยุ่นและผ่อนปรนขึ้น โดยเน้นการอธิบายรายละเอียดและให้ความช่วยเหลือกับลูกค้าในทุกขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นในระหว่างการยื่นกู้หรือแม้กระทั่งเมื่อสินเชื่อถูกปฏิเสธ เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าใจและหาวิธีการแก้ไขได้ทันท่วงที

    "โอกาส" ในวิกฤติ

    ถึงแม้ว่าอัตราการปฏิเสธสินเชื่อจะสูงขึ้นในไตรมาสแรกของปีนี้ แต่ก็ยังมีช่องทางสำหรับผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์และธนาคารในการหาทางออกเพื่อรักษาสภาพคล่องและเพิ่มโอกาสในการอนุมัติสินเชื่อในอนาคต การปรับปรุงเกณฑ์การอนุมัติสินเชื่อเพื่อให้ยืดหยุ่นมากขึ้น และการทำงานร่วมกันกับลูกค้าผ่านกระบวนการที่โปร่งใสและเข้าใจง่ายจะเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้