แบงก์รุกบ้านแลกเงินหลังสินเชื่อใหม่หดตัว
Loading

แบงก์รุกบ้านแลกเงินหลังสินเชื่อใหม่หดตัว

วันที่ : 19 กุมภาพันธ์ 2568
กสิกรไทย ชี้แนวโน้มแบงก์หันมาปล่อยสินเชื่อบ้านแลกเงินมากขึ้นหลังเห็นสัญญาณโตต่อเนื่อง สวนทางสินเชื่อบ้านที่หดตัวลุ้นคร่งหลังปี 68 ทั้งสินเชื่อบ้านปล่อยใหม่และยอดคงค้างกลับมาเติบโตแม้ครึ่งแรกยังซึมๆ
   ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานตัวเลขสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์เดือนธ.ค.2567 พบว่า สินเชื่อเพื่อซื้อที่อยู่อาศัย (Post finance) มียอดคงค้าง 2,740,487 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 9,345 ล้านบาทหรือ 0.34% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 2,731,142 ล้านบาท ขณะที่มูลค่าสินเชื่อปล่อยใหม่ 92,316 ล้านบาท ลดลง 2,155 ล้านบาทหรือ 2.28% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 94,471 ล้านบาท โดยที่สินเชื่อเพื่อซื้อที่อยู่อาศัยใหม่/มือสองหดตัว 0.72% และสินเชื่อ Refinance หดตัวถึง 7.98%

   นายณัฐพล ลือพร้อมชัย รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ทิศทางสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ปี 2568 เชื่อว่า สถาบันการเงินหลายแห่งจะหันมาบุกสินเชื่อบ้านแลกเงินมากขึ้น เนื่องจากยังมีโอกาสเติบโตได้ และจะยังเติบโตกว่าสินเชื่อบ้านต่อไปโดยอาจจะรักษาการเติบโตในระดับ 8-10% ได้

    "ปีที่ผ่านมา เป็นปีที่สินเชื่อที่อยู่อาศัยไม่ค่อยดี ภาพรวมยอดสินเชื่อ ใหม่น่าจะเติบโตติดลบเป็นตัวเลขสองหลัก และส่วนตัวมีข้อสังเกตุว่า รอบ 9 เดือนแรกของปีที่ผ่านมา ภาพรวมตลาดสินชื่อส่วนบุคคลที่มีหลักประกันหรือบ้านแลกเงิน ของธนาคารพาณิชย์ เติบโตดีกว่าสินเชื่อบ้านมาก"

     ทั้งนี้จะเห็นว่า สินเชื่อบ้านแลกเงินช่วง 9 เดือนอยู่ที่ 5.44 หมื่นล้าน ขณะที่ ปี2567 ขยับอยู่ที่ 5.93 หมื่นล้านบาท คิดเป็นอัตราเติบโต 9%ขณะที่สินเชื่อบ้านของธนาคารพาณิชย์ 9 เดือนแรก ปี2566 มีจำนวน 2.925 แสนล้านบาท ขณะที่ปีที่แล้วอยู่ที่ 2.688 แสนล้านบาทคิดเป็นอัตราการเติบโตติดลบ 8%

    ในส่วนของกสิกรไทย ยังคงพิจารณาความสามารถในการชำระหนี้ของลูกค้าและให้น้ำหนักคุณภาพของลูกค้าจากรายได้ที่มีความมั่นคง เพื่อให้สามารถรับผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต โดยยอดสินเชื่อที่อยู่อาศัยคงค้างภาพรวมทั้งปีน่าจะเติบโตเล็กน้อย ไม่ถึง 1% โดยครึ่งแรกของปีนี้น่าจะยังซึมๆ แต่แนวโน้มครึ่งปีหลังยังมีความหวังว่า กำลังซื้อน่าจะกลับมาเติบโตดีขึ้นได้ทั้งมุมสินเชื่อปล่อยใหม่และยอดสินเชื่อคงค้าง และส่วนหนึ่งมาจากฐานที่ต่ำในปี 2567

    แหล่งข่าวจากธนาคารพาณิชย์ 1 ใน 6 แห่งที่มีความสำคัญต่อระบบในประเทศ (D-SIBs) กล่าวกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยปี2568 น่าจะเติบโตต่ำกว่า 1% หรืออาจจะบวกอ่อนๆ ตามความต้องการสินเชื่อใหม่ที่มีแนวโน้มลดลง ส่วนหนึ่งมาจากข้อจำกัดของกำลังซื้อ ขณะที่สถาบันการเงินส่วนใหญ่พยายามจะเน้นกลุ่มลูกค้าระดับบน

    โดยเฉพาะปีนี้กลุ่มที่ตัดสินใจซื้อบ้านที่ราคาเกิน 5 ล้านบาทขึ้นไปจะเติบโตดี จากเมื่อก่อนจะเป็นกลุ่ม 3-5 ล้านบาท และคนตัดสินใจซื้อบ้านปีนี้ จะเป็นกลุ่มที่มีรายได้เกินกว่า 5 ล้านบาทต่อเดือน และผู้ประกอบการอสังหาฯเองปรับกลยุทธ์ให้โปรดักต์ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายที่ยื่นกู้ผ่านด้วย

    ส่วนแนวโน้มการปฎิเสธการอนุมัติสินเชื่อแหล่งข่าวระบุว่า สัญญาณผู้กู้ถูกปฎิเสธสูงขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มที่มีรายได้ต่ำกว่า 50,000 บาทพบว่า ภาระหนี้ต่อรายได้ (DSR) เพิ่มขึ้น 8-10% ซึ่งสถาบันการเงินส่วนใหญ่ จะพิจารณาเกณฑ์รายได้ของกลุ่มลูกค้า ตั้งแต่รายได้ต่ำกว่า 30,000 บาทต่อเดือน ต่ำกว่า 50,000 บาทต่อเดือน เกิน 50,000 บาทต่อเดือน หรือ 70,000 บาทต่อเดือน มากกว่า 70,000 บาทต่อเดือน

    แหล่งข่าวกล่าวต่อว่า ตอนนี้ในกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาทต่อเดือน ความต้องการสินเชื่อจะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นกว่า 60% จากเดิมอยู่ที่ประมาณ 50% ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าที่เข้ามายื่นสมัครสินเชื่อและถูกปฎิเสธ เพราะ DSR ที่สูงขึ้น สะท้อนว่า ทั้งกลุ่มที่มีรายได้ต่ำกว่า 3 หมื่นบาทต่อเดือนและรายได้ต่ำกว่า 50,000 บาทต่อเดือนนั้นอาจจะมีรายได้ที่ลดลง

    "ปีก่อนๆ คนจะตัดสินใจซื้อบ้านระดับราคา 3-5 ล้านบาท แต่ปี 2567 ที่ผ่านมา บ้านราคาเกิน 5 ล้านบาทเติบโตดี ซึ่งน่าจะเป็นผลจากผู้ประกอบการปรับกลยุทธ์ให้ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย ทั้งกลุ่มไฮเอน กลุ่มรักษาสุขภาพ กลุ่มผู้สูงอายุ หรือรักสัตว์ โดยจัดเป็นศูนย์ Wellness/สปา แทนดีไซน์เดิมที่เป็นสโมสร หรือดีไซน์โครงการที่ไม่เหมือนใคร และธนาคารโฟกัสกลุ่มลูกค้าระดับบน เช่น ราคาบ้านมากกว่า 5 ล้านบาท เน้นคนที่ยื่นกู้ผ่านด้วย"

    ทั้งนี้ หลังจากกฎหมายสมรสเท่าเทียมหรือพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ 24) พ.ศ. 2567 มีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการ โดยมอบสิทธิให้กับบุคคลที่มีอัตลักษณ์ทางเพศไม่ว่าเพศใดสามารถจดทะเบียนสมรสได้อย่างเท่าเทียมภายใต้กฎหมายดังกล่าว นับเป็นการเพิ่มโอกาสทางการตลาดสำหรับผู้ประกอบการอสังหาฯและสถาบันการเงินทำแคมเปญสนับสนุนกลุ่ม LGBTQ ให้มีบ้าน

    อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้กลุ่ม LGBTQ มีการใช้สินเชื่อกับสถาบันการเงินในการซื้อที่อยู่อาศัยแต่พบว่า กลายเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ค่อนข้างสูง ส่วนหนึ่งเป็นผลจากคู่เพื่อนกลุ่มนี้มีอัตราการหย่าร้างไม่แตกต่างจากคู่ชาย-หญิง เพียงแต่ข้อมูลไม่ปรากฎเป็นทางการเท่านั้น แต่ภายใต้กฎหมายสมรสเท่าเทียมผู้ประกอบการและสถาบันการเงินทำแคมเปญสนับสนุนกลุ่ม LGBTQ จะเป็นโอกาสในการสร้างความมั่นคงสำหรับคู่เพื่อนมากขึ้น
ข่าวนโยบายการเงิน-การคลัง อื่นๆ
19 กุมภาพันธ์ 2568
ธปท.รับพิจารณาผ่อน 'แอลทีวี' ชี้ยอดขายอสังหาฯ ดิ่ง 'เศรษฐกิจซบ-ผู้กู้เสี่ยงสูง'
ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าาว่า "ปัญหาตอนนี้ไม่ได้ติดที่ใคร แต่มาจากการดูข้อมูล เพราะสถานการณ์เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ต่างฝ่ายต่างมีข้อมูลแตกต่างกัน ดังนั้น ต้องมาดู ทั้งดีมานด์และสินเชื่อว่าที่แย่มาจากอะไร สินเชื่อที่มีความเสี่ยงสูงหรือไม่ และการผ่อน LTV จะเข้ามาช่วยเหลือตรงนั้นได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งที่ผ่านมา ธปท. ก็มีการติดตามข้อมูลตลอดไม่ใช่ว่าไม่ดูเลย และจุดยืนของธปท.คือ ต้องดูสถานการณ์ที่เหมาะสม และต้องทำแล้วมีผล และเกิดประโยชน์ช่วยได้จริง"