บุษกร ภู่แส

    กรุงเทพธุรกิจ

    ซีบีอาร์อี ที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ เปิดตัวเลขที่น่าทึ่งของ "ภูเก็ต" เมื่อไตรมาส 3 ของปี 2567 ระบุว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าเกาะภูเก็ตเพิ่มขึ้นกว่า 42% เทียบกับปีที่ผ่านมา ขณะที่อัตราการเข้าพักโรงแรมช่วงครึ่งปีแรกทำสถิติสูงสุดในรอบ 5 ปี ที่ 71.5% การเติบโตนี้สะท้อนถึงความแข็งแกร่ง ของภูเก็ตในฐานะจุดหมายปลายทางของการท่องเที่ยวและการลงทุน ไม่เพียงภาคการท่องเที่ยวที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่ยอดขายอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ต เพิ่มขึ้นกว่า 150% ในปี 2566 เทียบปีก่อนหน้า และครึ่งแรกของปี 2567 ยอดขายยังคงทุบสถิติใหม่เพิ่มขึ้น142%เทียบช่วงเดียวกันของปี 2566 ตัวเลขนี้สะท้อนถึงความน่าสนใจของตลาดบ้านพักตากอากาศ ที่นักลงทุนต่างมองหาโอกาสลงทุนในภูเก็ต

    ภูเก็ต กลายเป็นแหล่งสร้างความมั่งคั่งใหม่สำหรับนักลงทุน โดยเฉพาะตลาดบ้านพักหรู ลักชัวรี พูลวิลล่า ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง จึงไม่แน่แปลกที่ดีเวลลอปเปอร์จากกรุงเทพฯ และทั่วสารทิศ แห่เข้ามาลงทุนในภูเก็ตไม่ขาดสาย

    ล่าสุด สงกรานต์ อิสสระ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) และ นที พานิชชีวะ ประธานกรรมการ บริษัท นพร จำกัด ได้ลงนามสัญญาร่วมทุนจัดตั้ง บริษัท อิสสระนพร จำกัด เพื่อร่วมพัฒนาโครงการมิกซ์ยูส "ศรีพันวา ลากูน"บนเกาะภูเก็ตที่มีทั้งโรงแรมหรู วิลล่า และคอมมูนิตี้ บนที่ดินกว่า 60 ไร่ ย่านเชิงทะเล ทำเลศักยภาพกลางแหล่งยอดนิยมของภูเก็ต มูลค่าโครงการกว่า 5,000 ล้านบาท

    นับเป็นเมกะโปรเจกต์ใหม่ของชาญอิสสระ ที่เป็น "Luxury Branded Residence"ริมทะเลสาบใจกลางภูเก็ต หลังจากประสบความสำเร็จในการพัฒนาโครงการ ศรีพันวา บริเวณแหลมพันวามาแล้ว

    ขณะเดียวกัน "เอ็ม บี เค เรียลเอสเตท" ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ในเครือเอ็ม บี เค เปิดตัวโครงการใหม่ THE PANO - Baan Suan Loch Palm Phuket มูลค่า 1,400 ล้านบาท บนที่ดิน 30 ไร่ ย่านกระทู้ มีเพียง 28 ยูนิต ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์กลุ่มเป้าหมายที่มองหาที่อยู่อาศัยที่ให้ความสงบและเป็นส่วนตัว

    กาจพงศ์ พงศ์พนรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ บริษัท เอ็ม บี เค ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด กล่าวว่า "บริษัทมองเห็นศักยภาพของตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง จากกำลังซื้อมหาศาลของกลุ่มลูกค้าคนไทยและต่างชาติ จึงได้เปิดตัวโครงการ พูลวิลล่า ระดับลักชัวรี"

    อีกโครงการของกลุ่มทุนจากกรุงเทพฯ "เพย์ลา ภูเก็ต บางเทา" ภายใต้ แค๊ปสโตน แอสเสท เป็นโครงการมิกซ์ยูสมูลค่า 3,400 ล้านบาท บนพื้น 11 ไร่ ประกอบด้วย อาคารพักอาศัยสูง 7 ชั้น จำนวน 3 อาคาร รวม 408 ยูนิต เจาะดีมานด์กลุ่มลูกค้าทั้งคนไทย และต่างชาติในสัดส่วนเท่ากัน ราคาเริ่มต้น 5.5 ล้านบาท เฉลี่ย 1.5 แสนบาทต่อตารางเมตร นอกจากนี้ยังมีแผนลงทุนต่อเนื่องบนที่ดินกว่า 2 ไร่ ติดโครงการเพย์ลา ภูเก็ต บางเทา พัฒนาเป็นไลฟ์สไตล์มอลล์ และโรงแรมระดับอัพเปอร์อัพสเกล ไลฟ์สไตล์ บูทีค มูลค่า 1,200 ล้านบาท

    "ปัจจุบันการลงทุนคอนโดมิเนียมในภูเก็ต เป็นที่นิยมเพราะผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าได้ระดับ 8-10% ด้วยราคา คอนโดมิเนียมที่ยังไม่สูงเมื่อเทียบกับกรุงเทพฯ แต่ให้ผลตอบแทนค่าเช่า ค่อนข้างดี เนื่องจากกลุ่มลูกค้ามีกำลังซื้อสูง เมื่อเทียบการลงทุนคอนโดในกรุงเทพฯ ขณะนี้ หาผลตอบแทนในระดับ 10% เป็นไปได้ยาก" ฐิติวัฒน์ คูวิจิตรสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แค๊ปสโตน แอสเสท จำกัด กล่าว

    โครงการเหล่านี้สะท้อนการเติบโต ที่ไม่หยุดยั้งของตลาดอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ต ทั้งบ้านพักตากอากาศและคอนโดมิเนียม ที่ตอบโจทย์การลงทุนและการอยู่อาศัย รวมถึงการสนับสนุนจากภาครัฐในการ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเสริมศักยภาพภูเก็ตให้เป็น "World Class Destination"

    การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของภูเก็ตไม่เคยหยุดนิ่ง ภาครัฐมีโครงการสร้าง สนามบินใหม่และทางด่วนที่จะเพิ่มความสะดวกในการเดินทาง โดยเฉพาะย่านบางเทา เป็นที่จับตามองของนักลงทุนชาวยุโรป รัสเซีย และจีน ที่เห็นโอกาสการลงทุนในพื้นที่ที่มีศักยภาพการเติบโตสูงจาก การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเหล่านี้ พร้อมการพัฒนาด้านการท่องเที่ยว การขยายตัวของโรงเรียนนานาชาติ และโครงการอสังหาริมทรัพย์ใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ การอยู่อาศัยและการลงทุนที่เติบโตอย่างรวดเร็ว

    ภูเก็ตนาทีนี้จึงไม่เป็นเพียงแหล่งท่องเที่ยว แต่เป็นหนึ่งในทางเลือกที่น่าสนใจ ในระยะยาว เป็นจุดศูนย์กลางของการลงทุน ที่ให้ผลตอบแทนสูงในอนาคต เป็น "ทำเลทอง" สำหรับการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่ควรมองข้าม