อสังหาริมทรัพย์ภูเก็ตปี 2568 นับ 1 สร้างทางด่วน เจ้าถิ่น-บิ๊กเนมลงทุนท่วมเกาะ
เปิดศักราชต้อนรับปีใหม่ 2568 สปอตไลต์การลงทุนฉายส่องจังหวัดภูเก็ตแบบแรงดีไม่มีตก ทั้งการลงทุนภาครัฐและภาคเอกชน
ไฮไลต์แรกอยู่ที่แผนลงทุนเมกะโปรเจ็กต์ทางด่วน 2 เฟส มูลค่าลงทุนกว่า 62,000 ล้านบาท ประกาศแผนและความพร้อมในการเปิดไซต์ก่อสร้างในปี 2568 เป็นต้นไป โดยมีกำหนดเปิดให้บริการผ่านทางในปี 2573 ท่ามกลางบรรยากาศการลงทุนอย่างคึกคักของดีเวลอปเปอร์ ทั้งจากกลุ่มทุนเจ้าถิ่น และบิ๊กแบรนด์ดีเวลอปเปอร์เมืองกรุง
โดยมีสถิติข้อมูลของ "AREA-บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส" ณ กลางปี 2567 มีโครงการอยู่ระหว่างขาย 500 โครงการ มูลค่ารวมกัน 4.7 แสนล้านบาท ยังไม่นับการประกาศลงทุนเพิ่มเติมในช่วงครึ่งปีหลัง 2567 ที่คาดว่ามูลค่าโครงการรวมกันแตะหลักแสนล้านบาท
เฟส 1 กะทู้-ป่าตอง 1.6 หมื่น ล.
โดย "สุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข" ผู้ว่าการ การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เปิดเผย "ประชาชาติธุริจ" ว่า การทางพิเศษฯมีการพัฒนาโครงการทางพิเศษหรือทางด่วนในจังหวัดภูเก็ต 2 ระยะ ได้แก่ ระยะที่ 1 ช่วงกะทู้-ป่าตอง และระยะที่ 2 ช่วงเมืองใหม่-เกาะแก้ว- กะทู้ รายละเอียด ดังนี้
ทางด่วนภูเก็ต ระยะที่ 1 ช่วง "กะทู้ป่าตอง" ข้อมูลพื้นฐานและแนวเส้นทาง มีระยะทางรวม 3.98 กิโลเมตร โดยมีจุดเริ่มต้นจากถนนพระเมตตา ในพื้นที่ตำบลป่าตอง มุ่งไปทางทิศตะวันออก ออกแบบเป็นทางด่วนยกระดับข้ามถนนพิศิษฐ์กรณีย์ ขนาด 4 ช่องจราจรต่อทิศทาง สำหรับรถยนต์ 2 ช่องจราจร และรถจักรยานยนต์ 2 ช่องจราจร ระยะทาง 0.9 กิโลเมตร จากนั้นจะเป็นอุโมงค์คู่ลอดผ่านเขานาคเกิด ระยะทาง 1.85 กิโลเมตร และเป็นทางยกระดับ ระยะทาง 1.23 กิโลเมตร ไปสิ้นสุดโครงการที่ทางหลวงหมายเลข 4029
เบ็ดเสร็จทางด่วนช่วงกะทู้-ป่าตอง มีวงเงินลงทุนทั้งสิ้น 16,757 ล้านบาท อัพเดตล่าสุด การดำเนินการอยู่ใน ขั้นตอนการจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน และอยู่ระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเสนอความเห็นต่อกระทรวงคมนาคม เพื่อประกอบการขออนุมัติดำเนินโครงการต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีต่อไป
เมืองใหม่-เกาะแก้ว 4.5 หมื่นล้าน
ถัดมา ทางด่วนภูเก็ต ระยะที่ 2 ช่วง "เมืองใหม่-เกาะแก้ว-กะทู้" ข้อมูลพื้นฐานและแนวเส้นทาง มีระยะทางรวม 30.62 กิโลเมตร ประกอบด้วย แนวทางหลัก (Main Line) ระยะทาง 24.45 กิโลเมตร และแนวทางร่วมบรรจบ (Spur Line) ระยะทาง 6.17 กิโลเมตร
โดยแนวทางหลักมีจุดเริ่มต้นโครงการที่ตำบลเทพกระษัตรี บริเวณจุดตัดกับ ทล.4026 และมีแนวเส้นทางไปทางทิศใต้ขนานไปกับ ทล.402 ผ่านพื้นที่เทือกเขากมลาในลักษณะอุโมงค์ และแนวเส้นทางมุ่งทิศใต้ในรูปแบบทางยกระดับข้าม ทล.4029 แล้วเข้าบรรจบกับทางด่วนระยะที่ 1 ช่วงกะทู้-ป่าตอง ที่ ต.กะทู้ ซึ่งเป็นจุดสิ้นสุดโครงการ
สำหรับแนวทางร่วมบรรจบ (Spur Line) มีแนวเส้นทางแยกออกจากแนวทางหลักในบริเวณ กม.16+100 แนวเส้นทางมุ่งทิศตะวันออกและสิ้นสุดแนวเส้นทางบรรจบ ทล.4024 (ถนนเลี่ยงเมือง) ที่ตำบลเกาะแก้ว รูปแบบโครงการเป็นทางด่วนขนาด 4 ช่องจราจร มีทางบริการ (Service Road) ขนาด 2 ช่องจราจร ทั้ง 2 ฝั่งของทางด่วน ให้บริการประชาชนตามความเหมาะสมของพื้นที่ โดยโครงการจะออกแบบเป็นทางพิเศษระดับดิน ทางพิเศษยกระดับ และทางพิเศษในรูปแบบอุโมงค์ มีวงเงินลงทุนทั้งสิ้น 45,870 ล้านบาท
สถานะปัจจุบัน คณะกรรมการผู้ชำนาญการ หรือ คชก. ในการพิจารณารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม มีมติให้การทางพิเศษฯ เสนอรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ของโครงการ ต่อคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป และอยู่ระหว่างเตรียมขออนุมัติดำเนินโครงการต่อคณะรัฐมนตรี และเสนอผลการศึกษาและวิเคราะห์โครงการของการให้เอกชนร่วมลงทุนงาน O&M โครงการทั้ง 2 ระยะ
"ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากการมีโครงการทางด่วนในจังหวัดภูเก็ตทั้งระยะ 2 จะช่วยลดระยะทางและเวลาในการเดินทางลงได้เมื่อเทียบกับการเดินทางตามเส้นทางปกติ เป็นตัวช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและความรวดเร็วในการเดินทาง ให้แก่ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างมาก ที่สำคัญ ยังเป็นการช่วยลดอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้น รวมทั้งสนับสนุนการท่องเที่ยวซึ่งทำให้จังหวัดภูเก็ตมีศักยภาพในการรองรับจำนวนนักท่องเที่ยวได้ดียิ่งขึ้น" ตามแผนดำเนินโครงการ คาดว่าโครงการทางด่วนระยะที่ 1 กะทู้-ป่าตอง จะสามารถเริ่มก่อสร้างในปี 2568 ระยะที่ 2 ช่วงเมืองใหม่-เกาะแก้ว-กะทู้ จะสามารถเริ่มก่อสร้างในปี 2569 โดยคาดว่าจะเปิดให้บริการได้พร้อมกันทั้ง 2 ระยะ ในปี 2573
แสนสิริผุดฮับที่ 2 "เดอะโซไซตี้"
ตัวตนที่ชัดเจนที่สุดเป็นของค่ายแสนสิริที่ประกาศเปิดฮับการลงทุนแห่งที่ 2 ที่ภูเก็ต โดย "อุทัย อุทัยแสงสุข" กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เหตุผลข้อแรก คือ ภูเก็ตมีฟาซิลิตี้เทียบเท่า Big City ระดับโลก ในรอบ 20 ปีมีการลงทุนภาครัฐขนาดใหญ่อย่างต่อเนื่อง ทั้งขยายถนน อุโมงค์ มอเตอร์เวย์ แนวโน้ม ณ สิ้นปี 2567 คาดว่ามีนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติมาเยือน 16 ล้านคน สนามบินภูเก็ตกำลังขยายคาพาซิตี้เพิ่มให้รองรับได้ 18 ล้านคนต่อปี อีกทั้งมีโครงการ Seaplane รูปแบบเดียวกับเกาะมัลดีฟส์ เชื่อมสมุย-พัทยา-ภูเก็ต ทำให้การ ท่องเที่ยวขยายความเจริญถึงกัน
"วิสัยทัศน์สมัยรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน ประกาศนโยบายสร้างสนามบินอันดามัน ที่ ต.โคกกลอย จ.พังงา การเดินทางอยู่ใกล้สนามบินภูเก็ต ข้ามสะพานสารสิน ออกไปนิดเดียว ถ้าก่อสร้างแล้วเสร็จสามารถเดินทางไปเที่ยวได้ 3 จังหวัด คือ ภูเก็ต กระบี่ พังงา ซึ่งมีแหล่งท่องเที่ยว ทางทะเลและซอฟต์พาวเวอร์อีกเยอะแยะ"
ล่าสุด แสนสิริลงทุนหลัก 100 ล้านบาท เปิดตัวเป็นทางการ "The Society" โซเชียลสเปซแห่งแรกของแสนสิริในภูเก็ต ใจกลางย่านเชิงทะเล-บางเทา โลเกชั่นมาแรงได้รับความสนใจและเติบโตสูงสุดในภูเก็ต นำเสนอแนวคิด Connect+ Inspire ที่แสนสิริ ชวนทุกคนมาค้นพบแรงบันดาลใจไม่รู้จบ ผ่านเรื่องราวของผู้คนที่หลากหลาย ผสานความเป็นผู้นำด้านดีไซน์ของแสนสิริ (Design Leader) กับประสบการณ์ที่สั่งสมมากว่า 40 ปี มุ่งสู่การเป็น Global Lifestyle Brand แบรนด์ระดับสากลอย่างเต็มภาคภูมิ
ทั้งนี้ แสนสิริปักหลักลงทุนในภูเก็ต 13 ปีเต็ม มีมูลค่าโครงการรวม 26,590 ล้านบาท จำนวน 8,382 ยูนิต แผนลงทุน 5 ปี (2568-2572) ตั้งเป้าพัฒนา 27 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 25,000 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 16 โครงการ มูลค่า 11,000 ล้านบาท แนวสูงหรือคอนโดมิเนียมอีก 11 โครงการ 14,000 ล้านบาท ส่งผลให้มูลค่าโครงการรวม ณ ปี 2572 เกิน 51,000 ล้านบาท ตอบโจทย์ทุกกลุ่มลูกค้า ครอบคลุมทุกเซ็กเมนต์
ออริจิ้นฯ-แค๊ปสโตนฯ ร่วมแจม
โดย "ฐิติวัฒน์ คูวิจิตรสุวรรณ" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แค๊ปสโตน แอสเสท จำกัด กล่าวว่า บริษัทเปิดขายคอนโดฯหรู "เพย์ลา ภูเก็ต บางเทา"มูลค่าโครงการ 3,400 ล้านบาท ชูจุดขายใกล้ศูนย์การค้าโบ๊ท อเวนิว สนามกอล์ฟ โรงเรียนนานาชาติ คาเฟ่ ร้านอาหาร ศูนย์การค้า ซึ่งบางเทาเป็นทำเลที่รู้จักเปรียบเหมือนทำเลทองหล่อในภูเก็ต
รายละเอียด เพย์ลา ภูเก็ต บางเทา ตั้งอยู่บนพื้นที่ 10-3-09 ไร่ หรือ 17,236 ตารางเมตร ออกแบบเป็นคอนโดฯโลว์ไรส์ สูง 7 ชั้น จำนวน 3 อาคาร รวม 408 ยูนิต สไตล์โมเดิร์นทรอปิคอล การตกแต่งภายในในสไตล์โคสตัลชิก มีให้เลือกแบบ 1-3 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอยเริ่มต้น 45-127 ตารางเมตร นำเสนอเป็นห้องชุดฟูลลี่เฟอร์นิช พื้นที่ส่วนกลางมากกว่า 3,000 ตารางเมตร ที่จอดรถ 204 คัน หรือ 50% เทียบกับจำนวนห้องชุดในโครงการ พร้อมที่จอดมอเตอร์ไซค์อีก 55 คัน
ในอนาคต มีแผนลงทุนโรงแรม 5-6 ดาว ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนลงทุนโครงการมิกซ์ยูสที่มีคอนโดฯกับโรงแรม บนพื้นที่ 2 ไร่ หรือ 3,200 ตารางเมตร อยู่ติดกับคอนโดฯเพย์ลา โดยเปิดพรีเซลตั้งแต่วันที่ 9 ธันวาคม 2567 และมีกำหนดเปิดสำนักงานขายเป็นทางการในไตรมาส 2/68 นี้
ถัดมา "กฤษณ์ เตชะสัมมา" กรรมการผู้จัดการ บริษัท ออริจิ้น เนชั่นวายด์ จำกัด ในเครือออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ เปิดเผยว่า กลุ่มออริจิ้นฯประสบความสำเร็จในการลงทุนโครงการที่ภูเก็ต โครงการไฮไลต์แบรนด์ "ออริจิ้น รีสอร์ท เวิลด์ ภูเก็ต บางเทา บีช" มูลค่าโครงการ 8,000 ล้านบาท บนที่ดิน 25 ไร่ จุดขายแปลงที่ดินบางส่วนติดหาดบางเทา
ขณะเดียวกัน ออริจิ้นฯวางแผนลงทุนใหม่ในภูเก็ต รวม 13,750 ล้านบาท แบ่งเป็นที่อยู่อาศัย 11,250 ล้านบาท โรงแรม 2,500 ล้านบาท แบรนด์ออริจิ้น รีสอร์ท เวิลด์ ซึ่งเป็นโมเดลการพัฒนาเมืองระดับเมกะโปรเจ็กต์ นำเสนอจุดขายที่มีบริษัทในเครือ ได้แก่ ออริจิ้น เนชั่นวายด์, บมจ.บริทาเนีย, บมจ.วัน ออริจิ้น และบริษัท ออริจิ้น เฮลท์แคร์ ร่วมกันพัฒนาอาณาจักรมิกซ์ยูสในทำเลเมืองท่องเที่ยว นำเสนอโปรดักต์และบริการด้านการท่องเที่ยวและ พักผ่อนอย่างแท้จริง
ทุนเจ้าถิ่น โบทานิก้าฯ พร้อมรบ
กลุ่มทุนเจ้าถิ่นที่ต้องจับตา "อรรถสิทธิ์ อินทรชูติ" ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โบทานิก้า ลักซูรี่ ภูเก็ต จำกัด ดีเวลอปเปอร์เจ้าของฉายาเจ้าพ่อพูลวิลล่าในภูเก็ต พัฒนาแล้ว 20 ปี รวม 27 โครงการ มูลค่าทะลุ 51,000 ล้านบาท ล่าสุดช่วงปลายปี 2567 เพิ่งตัดริบบิ้นเปิดตัวเฮดออฟฟิศแห่งแรก ตำบลเทพกระษัตรี มูลค่าหลัก 100 ล้านบาท เป็นทั้งสำนักงานใหญ่ โชว์เคส พร็อพเพอร์ตี้พูลวิลล่า และกำลังจะมีอาร์ตมิวเซียมเกิดขึ้นที่นี่
โดยกลุ่มโบทานิก้าฯ ประกาศวิสัยทัศน์แผน 5 ปี ก้าวขึ้นสู่เป็นแบรนด์ Top of Mind ในเซ็กเมนต์พูลวิลล่า และ โปรดักต์ใหม่ "คอนโดฯวิลล่า" ล่าสุด หลังจากตระหนักว่าโบทานิก้าฯ จัดชั้นเป็นหนึ่งในบิ๊กแบรนด์อสังหาฯ จากขนาดการลงทุนสะสมในช่วงที่ผ่านมาที่สูงเกิน 50,000 ล้านบาท และประกาศความพร้อมแข่งขันในตลาดพูลวิลล่าทุกรูปแบบ ทั้งคู่แข่งทุนเจ้าถิ่นและ บิ๊กแบรนด์กรุง
หมัดเด็ดในมือนอกจากแบรนด์ที่แข็งแกร่งเพราะได้รับการยอมรับโครงการพูลวิลล่าแปะแบรนด์โบทานิก้าฯ แล้ว ลูกค้าต่างชาติให้การยอมรับเป็นอย่างสูง ใช้เวลาปั้นแบรนด์เข้าไปอยู่ในใจลูกค้าต่างชาติไม่ต่ำกว่า 10 ปี บวกกับ มีพันธมิตรเอเย่นต์ต่างชาติ ที่แวะมา ให้กำลังใจวันเปิดเฮดออฟฟิศไม่ต่ำกว่า 400 ราย เป็นขุมกำลังที่คู่แข่งฟังแล้วจะหนาว
เซ็นทรัลเสริมทัพซูเปอร์แบรนด์
ปฏิบัติการลงทุนที่เร้าใจต้องนับรวมเซ็นทรัลกรุ๊ป โดย "ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา" กรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN ระบุว่า CPN ประกาศลงทุนเพิ่ม 1,000 ล้านบาท ในเซ็นทรัล ภูเก็ต เป็นการประกาศแผนในปี 2567 แต่ลงมือเปิดไซต์ก่อสร้างในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ด้วยการขยายพื้นที่เซ็นทรัล ภูเก็ต ฝั่งฟลอเรสต้า จากเดิมมี GFA 180,000 ตารางเมตร เพิ่มเป็น 200,000 ตารางเมตร หรือเพิ่มขึ้น 20,000 ตารางเมตร คาดว่าการก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2570
เพื่อยกระดับเพิ่มพื้นที่ Ultra Luxury Brands and Bridge Line รวมทั้งสิ้น 25 แบรนด์ จากปัจจุบันมีทั้งสิ้น 16 แบรนด์ ถือเป็น Luxury Mall ที่รวมแบรนด์หรูมาก ที่สุดเพียงหนึ่งเดียวที่อยู่นอกกรุงเทพฯ
"ตลาดช็อปปิ้งสินค้าลักเซอรี่ไทยประเมินมีมูลค่าตลาดรวม 5 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 5 แสนล้านบาท จากเทรนด์การฟ้นตัวของภาคการท่องเที่ยวไทย โดยเฉพาะในภูเก็ตที่ฟ้นตัวแรงและเร็ว ทำให้คาดว่าในช่วง 5 ปี หรือตั้งแต่ปีนี้ ตลาดลักเซอรี่จะมีการเติบโต 6.15% ต่อปี จนถึงปี 2571 ซึ่งถือเป็นอัตราเติบโตที่สูงกว่าตลาดลักเซอรี่ของสิงคโปร์"
ข้อมูลเร้าใจของ CPN ยังรวมถึงภูเก็ตในวันนี้ ถูกยกสถานะเป็น Ultra-Luxury Properties & Hospitality เพราะเมืองภูเก็ตมีโครงการที่อยู่อาศัยระดับลักเซอรี่ และอัลตราลักเซอรี่ ราคาขายหลังละ 100 ล้านบาท ไม่ต่ำกว่า 17 โครงการ เป็นเดสติเนชั่นของลูกค้าเศรษฐีทั่วโลก ติด Top 4 ของโลก รองจาก "ดูไบ ฟลอริดา นิวยอร์ก ลอนดอน"
ในด้านราคาที่ดิน พบว่ามีการ เติบโตก้าวกระโดดในรอบ 20 ปี เพิ่มขึ้นถึง 700% โดยเฉพาะ "หาดราไวย์" ราคาที่ดินปรับตัวสูงสุด กับ "ย่านบางเทา" ทำเลที่เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ทองหล่อแห่งภูเก็ต