ธอส.หนุน บ้านเพื่อคนไทย ปี'68 คิกออฟปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำ
วันที่ : 18 ธันวาคม 2567
"กรรมการผู้จัดการ ธอส." ระบุว่า ในปี 2568 ธนาคารมีแผนดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและกระทรวงการคลัง ในการสนับสนุนคนไทยให้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองเพิ่มมากขึ้น เพื่อช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม และขับเคลื่อน องค์กรสู่ความยั่งยืน ด้วยการเป็นที่ 1 ของสถาบันการเงินที่ปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยระดับราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท
ด้วยความเป็นสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ (แบงก์รัฐ) และมีพันธกิจสำคัญคือ "ทำให้คนไทย มีบ้าน" ดังนั้น ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) จึงเป็นมือไม้ที่สำคัญในการดำเนิน โครงการ "บ้านเพื่อคนไทย" ตามนโยบาย รัฐบาลที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายก รัฐมนตรี แถลงว่าเป็นโครงการที่จะเกิดขึ้น ในปี 2568 นี้ โดย "กมลภพ วีระพละ" กรรมการผู้จัดการ ธอส.ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงเรื่องนี้ รวมถึงทิศทางการดำเนินงานของธนาคารในปีหน้า
พร้อมลุยบ้านเพื่อคนไทย
"กรรมการผู้จัดการ ธอส." ระบุว่า ในปี 2568 ธนาคารมีแผนดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและกระทรวงการคลัง ในการสนับสนุนคนไทยให้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองเพิ่มมากขึ้น เพื่อช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม และขับเคลื่อน องค์กรสู่ความยั่งยืน ด้วยการเป็นที่ 1 ของสถาบันการเงินที่ปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยระดับราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท
ซึ่งในส่วนของโครงการ "บ้านเพื่อคนไทย" (Public Housing) นั้น ธอส.พร้อมสนับสนุนนโยบายรัฐบาล โดยโครงการดังกล่าวจะใช้ที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ที่เป็น ทำเลที่มีศักยภาพมาพัฒนาเป็นที่อยู่อาศัยหลากหลายรูปแบบ ทั้งห้องชุดและทาวน์โฮม เพื่อสนับสนุนให้คนไทยที่มีรายได้น้อย และผู้เริ่มต้นทำงาน (First Jobber) ได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์พักอาศัยในระยะยาว
เบื้องต้นโครงการดังกล่าวจะมีความใกล้เคียงกับโครงการบ้านคนไทยประชารัฐ บนพื้นที่ราชพัสดุของกรมธนารักษ์ที่เคยทำไปก่อนหน้านี้ โดยจะมีระยะเวลาการกู้จะเป็น 30 ปี บวก 30 ปี ซึ่ง ธอส.พร้อมจะสนับสนุนแหล่งสินเชื่อ ดอกเบี้ยถูกที่จะอยู่ราว 3-4% ต่อปี เพื่อให้ผู้ได้สิทธิสามารถผ่อนได้ที่เดือนละ 4,000 บาทตามนโยบายรัฐบาล
อย่างไรก็ดี รายละเอียด เงื่อนไขโครงการ และคุณสมบัติของผู้ที่จะเข้าร่วม รัฐบาลจะมีการกำหนดความชัดเจนอีกครั้ง
"ธอส.พร้อมที่จะทำตามนโยบายของโครงการ ซึ่งหากประชาชนได้สิทธิผ่านเงื่อนไขโครงการแล้ว ทาง ธอส.สามารถให้กู้ได้ อย่างไรก็ดี คาดว่าโครงการบ้านเพื่อคนไทยน่าจะใช้ระยะเวลาในการดำเนินการไม่น้อยกว่า 16 เดือน เนื่องจากเป็นการก่อสร้างที่อยู่อาศัยแนวตั้ง ซึ่งขั้นตอนการดำเนินการต้องมีประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม (ESIA) ด้วย"
สินเชื่อปี'67 ชะลอตามภาวะ
"กมลภพ" กล่าวว่า สำหรับผลดำเนินงาน ปี 2567 ธนาคารคาดว่าจะปล่อยสินเชื่อใหม่ ได้ราว 230,000 ล้านบาท ซึ่งจนถึงปัจจุบัน (ณ 4 ธ.ค.) ธอส.ปล่อยสินเชื่อใหม่แล้วกว่า 200,856 ล้านบาท คิดเป็นจำนวน 155,536 บัญชี โดยในจำนวนนี้ เป็นสินเชื่อปล่อยใหม่สำหรับกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและรายได้ปานกลาง วงเงินกู้ไม่เกิน 3 ล้านบาท สูงถึง 95,125 ราย สะท้อนว่า ธอส.เป็นธนาคารที่ตอบโจทย์ด้านสินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อยและปานกลางมาอย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบัน ธอส.มีสินเชื่อคงค้างรวมทั้งสิ้น 1.78 ล้านล้านบาท ให้บริการผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่หลากหลายและตรงตามความต้องการของลูกค้า อาทิ สินเชื่อบ้าน 71 ปี ธอส., โครงการสินเชื่อ ที่อยู่อาศัยเพื่อผู้ประกันตน พ.ศ. 2567, มาตรการสินเชื่อซื้อ-สร้าง และมาตรการสินเชื่อซ่อม-แต่ง
ขณะที่การจัดทำมาตรการแก้ไขปัญหาหนี้สินภาคครัวเรือนปี 2567 และมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ผู้ได้รับผล กระทบทางเศรษฐกิจ เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบด้านรายได้ให้กับลูกค้านั้น ปัจจุบันมีลูกค้าลงทะเบียนเข้าร่วมมาตรการรวม 114,101 บัญชี คิดเป็นวงเงินต้นคงเหลือ 133,255.49 ล้านบาท ซึ่งเชื่อว่ามาตรการดังกล่าวจะเป็น ส่วนหนึ่งในการช่วยรักษาบ้านให้คนไทย และทำให้เอ็นพีแอลของ ธอส.อยู่ในระดับที่เหมาะสม
"เราคาดการณ์ทั้งปี 2567 ว่าจะสามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ไม่ต่ำกว่า 230,000 ล้านบาท ลดลง 13% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งก็เป็นไปตามสภาวะเศรษฐกิจและภาวะของ ภาคอสังหาริมทรัพย์ อย่างไรก็ดี แม้แนวโน้มการปล่อยสินเชื่อจะชะลอตัวลง แต่ธนาคารมีส่วนแบ่งการปล่อยกู้สินเชื่อบ้านในระบบสถาบันการเงินเพิ่มขึ้นมากเป็นกว่า 40%"
ปักธงปล่อยกู้ใหม่ 2.5 แสนล้าน
ส่วนทิศทางการดำเนินงานในปีหน้า "กมลภพ" กล่าวว่า ธอส.ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อใหม่ในปี 2568 ไว้ประมาณ 240,000-250,000 ล้านบาท หรือ คิดเป็นการเติบโต 3% จากปี 2567 ที่คาดว่าจะปล่อยได้ราว 230,000 ล้านบาท โดยการเติบโตปีหน้าจะดำเนินการผ่านการให้บริการผลิตภัณฑ์สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำ ซึ่งเงินงวดในการผ่อนชำระจะอยู่ในระดับที่เหมาะสม สำหรับผู้มี รายได้น้อยและปานกลาง และการปล่อยสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำสำหรับกลุ่มผู้ประกอบอาชีพประจำ-อาชีพ อิสระที่มีรายได้มากกว่า 25,000 บาท/เดือน
"คุณสู้ เราช่วย" ช่วยลด NPL
"กมลภพ" กล่าวอีกว่า ธอส.ร่วมดำเนินโครงการ "คุณสู้ เราช่วย" ซึ่งประเมินว่าจะมีลูกค้าที่เข้าเงื่อนไขโครงการนี้รวม 349,000 บัญชี ยอดหนี้ รวม 313,000 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยลูกค้าประหยัดดอกเบี้ยได้ราว 16,900 ล้านบาท/ปี
โดยปัจจุบันมีลูกค้าที่แสดงความ สนใจเข้ามาแล้ว 6,600 บัญชี ซึ่งโครงการดังกล่าว ธอส.จะเข้าไปรับผิดชอบ ค่าใช้จ่ายครึ่งหนึ่ง หรือประมาณ 8,400 ล้านบาท และรัฐบาลจะรับผิดชอบอีกครึ่งหนึ่ง โดยดำเนินการภายใต้มาตรา 28 แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ ทั้งนี้ การดำเนินโครงการดังกล่าวจะช่วยลดหนี้ ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ลงได้ โดยคาดว่าปีหน้า NPL ของ ธอส.จะลดลงมาอยู่ที่ราว 5% ได้
ทั้งนี้ ยอมรับว่ามาตรการดังกล่าวอาจจะทำให้ ธอส.มีรายได้จากดอกเบี้ยลดไปบ้าง แต่ในทางกลับกัน จะช่วยให้ภาระหนี้เสียและการตั้งสำรองหนี้ ลดลงไปด้วย ซึ่งเดิมธนาคารวางเป้าว่าจะมีการตั้งสำรองในปี 2568 ประมาณ 8,000 ล้านบาท ใกล้เคียงกับเงินชดเชยดอกเบี้ย แต่หาก NPL ลดลง เงินตั้งสำรองก็คงไม่ถึงยอดที่ตั้งใจไว้
"ปีหน้าสถานการณ์เอ็นพีแอลน่าจะดีขึ้น เนื่องจากปัจจุบันหนี้เอ็นพีแอล ของเราเริ่มมีแนวลดลงอย่างต่อเนื่อง จากช่วง 4 เดือนที่ผ่านมาอยู่ที่ 6.17% ปัจจุบันปรับลดลงเหลือ 5.50% ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าพอใจ และคาดว่ามาตรการ 'คุณสู้ เราช่วย' น่าจะช่วยให้สถานการณ์ลูกหนี้ดีขึ้น และคาดว่าปี 2568 เอ็นพีแอลจะปรับตัวลดลง" กรรมการผู้จัดการ ธอส.กล่าว
พร้อมลุยบ้านเพื่อคนไทย
"กรรมการผู้จัดการ ธอส." ระบุว่า ในปี 2568 ธนาคารมีแผนดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและกระทรวงการคลัง ในการสนับสนุนคนไทยให้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองเพิ่มมากขึ้น เพื่อช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม และขับเคลื่อน องค์กรสู่ความยั่งยืน ด้วยการเป็นที่ 1 ของสถาบันการเงินที่ปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยระดับราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท
ซึ่งในส่วนของโครงการ "บ้านเพื่อคนไทย" (Public Housing) นั้น ธอส.พร้อมสนับสนุนนโยบายรัฐบาล โดยโครงการดังกล่าวจะใช้ที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ที่เป็น ทำเลที่มีศักยภาพมาพัฒนาเป็นที่อยู่อาศัยหลากหลายรูปแบบ ทั้งห้องชุดและทาวน์โฮม เพื่อสนับสนุนให้คนไทยที่มีรายได้น้อย และผู้เริ่มต้นทำงาน (First Jobber) ได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์พักอาศัยในระยะยาว
เบื้องต้นโครงการดังกล่าวจะมีความใกล้เคียงกับโครงการบ้านคนไทยประชารัฐ บนพื้นที่ราชพัสดุของกรมธนารักษ์ที่เคยทำไปก่อนหน้านี้ โดยจะมีระยะเวลาการกู้จะเป็น 30 ปี บวก 30 ปี ซึ่ง ธอส.พร้อมจะสนับสนุนแหล่งสินเชื่อ ดอกเบี้ยถูกที่จะอยู่ราว 3-4% ต่อปี เพื่อให้ผู้ได้สิทธิสามารถผ่อนได้ที่เดือนละ 4,000 บาทตามนโยบายรัฐบาล
อย่างไรก็ดี รายละเอียด เงื่อนไขโครงการ และคุณสมบัติของผู้ที่จะเข้าร่วม รัฐบาลจะมีการกำหนดความชัดเจนอีกครั้ง
"ธอส.พร้อมที่จะทำตามนโยบายของโครงการ ซึ่งหากประชาชนได้สิทธิผ่านเงื่อนไขโครงการแล้ว ทาง ธอส.สามารถให้กู้ได้ อย่างไรก็ดี คาดว่าโครงการบ้านเพื่อคนไทยน่าจะใช้ระยะเวลาในการดำเนินการไม่น้อยกว่า 16 เดือน เนื่องจากเป็นการก่อสร้างที่อยู่อาศัยแนวตั้ง ซึ่งขั้นตอนการดำเนินการต้องมีประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม (ESIA) ด้วย"
สินเชื่อปี'67 ชะลอตามภาวะ
"กมลภพ" กล่าวว่า สำหรับผลดำเนินงาน ปี 2567 ธนาคารคาดว่าจะปล่อยสินเชื่อใหม่ ได้ราว 230,000 ล้านบาท ซึ่งจนถึงปัจจุบัน (ณ 4 ธ.ค.) ธอส.ปล่อยสินเชื่อใหม่แล้วกว่า 200,856 ล้านบาท คิดเป็นจำนวน 155,536 บัญชี โดยในจำนวนนี้ เป็นสินเชื่อปล่อยใหม่สำหรับกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและรายได้ปานกลาง วงเงินกู้ไม่เกิน 3 ล้านบาท สูงถึง 95,125 ราย สะท้อนว่า ธอส.เป็นธนาคารที่ตอบโจทย์ด้านสินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อยและปานกลางมาอย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบัน ธอส.มีสินเชื่อคงค้างรวมทั้งสิ้น 1.78 ล้านล้านบาท ให้บริการผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่หลากหลายและตรงตามความต้องการของลูกค้า อาทิ สินเชื่อบ้าน 71 ปี ธอส., โครงการสินเชื่อ ที่อยู่อาศัยเพื่อผู้ประกันตน พ.ศ. 2567, มาตรการสินเชื่อซื้อ-สร้าง และมาตรการสินเชื่อซ่อม-แต่ง
ขณะที่การจัดทำมาตรการแก้ไขปัญหาหนี้สินภาคครัวเรือนปี 2567 และมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ผู้ได้รับผล กระทบทางเศรษฐกิจ เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบด้านรายได้ให้กับลูกค้านั้น ปัจจุบันมีลูกค้าลงทะเบียนเข้าร่วมมาตรการรวม 114,101 บัญชี คิดเป็นวงเงินต้นคงเหลือ 133,255.49 ล้านบาท ซึ่งเชื่อว่ามาตรการดังกล่าวจะเป็น ส่วนหนึ่งในการช่วยรักษาบ้านให้คนไทย และทำให้เอ็นพีแอลของ ธอส.อยู่ในระดับที่เหมาะสม
"เราคาดการณ์ทั้งปี 2567 ว่าจะสามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ไม่ต่ำกว่า 230,000 ล้านบาท ลดลง 13% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งก็เป็นไปตามสภาวะเศรษฐกิจและภาวะของ ภาคอสังหาริมทรัพย์ อย่างไรก็ดี แม้แนวโน้มการปล่อยสินเชื่อจะชะลอตัวลง แต่ธนาคารมีส่วนแบ่งการปล่อยกู้สินเชื่อบ้านในระบบสถาบันการเงินเพิ่มขึ้นมากเป็นกว่า 40%"
ปักธงปล่อยกู้ใหม่ 2.5 แสนล้าน
ส่วนทิศทางการดำเนินงานในปีหน้า "กมลภพ" กล่าวว่า ธอส.ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อใหม่ในปี 2568 ไว้ประมาณ 240,000-250,000 ล้านบาท หรือ คิดเป็นการเติบโต 3% จากปี 2567 ที่คาดว่าจะปล่อยได้ราว 230,000 ล้านบาท โดยการเติบโตปีหน้าจะดำเนินการผ่านการให้บริการผลิตภัณฑ์สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำ ซึ่งเงินงวดในการผ่อนชำระจะอยู่ในระดับที่เหมาะสม สำหรับผู้มี รายได้น้อยและปานกลาง และการปล่อยสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำสำหรับกลุ่มผู้ประกอบอาชีพประจำ-อาชีพ อิสระที่มีรายได้มากกว่า 25,000 บาท/เดือน
"คุณสู้ เราช่วย" ช่วยลด NPL
"กมลภพ" กล่าวอีกว่า ธอส.ร่วมดำเนินโครงการ "คุณสู้ เราช่วย" ซึ่งประเมินว่าจะมีลูกค้าที่เข้าเงื่อนไขโครงการนี้รวม 349,000 บัญชี ยอดหนี้ รวม 313,000 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยลูกค้าประหยัดดอกเบี้ยได้ราว 16,900 ล้านบาท/ปี
โดยปัจจุบันมีลูกค้าที่แสดงความ สนใจเข้ามาแล้ว 6,600 บัญชี ซึ่งโครงการดังกล่าว ธอส.จะเข้าไปรับผิดชอบ ค่าใช้จ่ายครึ่งหนึ่ง หรือประมาณ 8,400 ล้านบาท และรัฐบาลจะรับผิดชอบอีกครึ่งหนึ่ง โดยดำเนินการภายใต้มาตรา 28 แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ ทั้งนี้ การดำเนินโครงการดังกล่าวจะช่วยลดหนี้ ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ลงได้ โดยคาดว่าปีหน้า NPL ของ ธอส.จะลดลงมาอยู่ที่ราว 5% ได้
ทั้งนี้ ยอมรับว่ามาตรการดังกล่าวอาจจะทำให้ ธอส.มีรายได้จากดอกเบี้ยลดไปบ้าง แต่ในทางกลับกัน จะช่วยให้ภาระหนี้เสียและการตั้งสำรองหนี้ ลดลงไปด้วย ซึ่งเดิมธนาคารวางเป้าว่าจะมีการตั้งสำรองในปี 2568 ประมาณ 8,000 ล้านบาท ใกล้เคียงกับเงินชดเชยดอกเบี้ย แต่หาก NPL ลดลง เงินตั้งสำรองก็คงไม่ถึงยอดที่ตั้งใจไว้
"ปีหน้าสถานการณ์เอ็นพีแอลน่าจะดีขึ้น เนื่องจากปัจจุบันหนี้เอ็นพีแอล ของเราเริ่มมีแนวลดลงอย่างต่อเนื่อง จากช่วง 4 เดือนที่ผ่านมาอยู่ที่ 6.17% ปัจจุบันปรับลดลงเหลือ 5.50% ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าพอใจ และคาดว่ามาตรการ 'คุณสู้ เราช่วย' น่าจะช่วยให้สถานการณ์ลูกหนี้ดีขึ้น และคาดว่าปี 2568 เอ็นพีแอลจะปรับตัวลดลง" กรรมการผู้จัดการ ธอส.กล่าว
ข่าวนโยบายการเงิน-การคลัง อื่นๆ