ยกเครื่องแก้หนี้เสีย 'บ้าน-รถ' ไม่คิดดอกเบี้ย3ปี - ลดค่างวดเหลือครึ่ง
Loading

ยกเครื่องแก้หนี้เสีย 'บ้าน-รถ' ไม่คิดดอกเบี้ย3ปี - ลดค่างวดเหลือครึ่ง

วันที่ : 2 พฤศจิกายน 2567
รมว.คลัง เปิดเผยว่า "เราเลือกกลุ่มคนที่เพิ่งมีปัญหา พูดง่าย ๆ คือเพิ่งค้างเกิน 30 วัน เราก็เอามาดูด้วย แล้วก็เอาส่วนที่เกิน 90 วัน ไปจนถึง 6 เดือนมาดูด้วย แต่ก็คิดว่าดูถึง 1 ปีเลย เพราะถือว่า 1 ปี ถึงจะยาวไปหน่อย แต่ก็คิดว่ายังเป็นกลุ่มที่น่าจะแก้ไขได้ แต่ที่เกิน 1 ปีไปยาว ๆ อันนั้นเอาไว้ก่อน เพราะอันนั้นแก้ตัวยากแล้ว"
     คลังผนึกแบงก์ชาติ-สมาคมธนาคารไทย เดินหน้ามาตรการพิเศษแก้หนี้เสีย "บ้าน-รถ" คลายล็อกปัญหาหนี้ครัวเรือนฉุดรั้งศก.ไทย "พิชัย" รมว.คลัง เปิดเงื่อนไขลูกหนี้เข้าร่วม ต้องเป็นค้างจ่ายไม่เกิน 1 ปี ได้สิทธิพักดอกเบี้ย 3 ปี-ลดค่างวดเหลือครึ่งเดียว เผยรัฐบาล-แบงก์จะแบ่งกันรับภาระ เน้นช่วยคนตัวเล็กสินเชื่อบ้าน ไม่เกิน 3 ล้านบาทต่อราย หนี้รถยนต์ไม่เกิน 8 แสนบาท "น็อนแบงก์" ยังไม่ได้สิทธิเข้าร่วม "ผยง" ชี้โจทย์เร่งแก้หนี้เพิ่มกำลังซื้อ

    รายงานจากกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า ขณะนี้รัฐบาลกำลังเร่งแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนให้ลดลงได้อย่างมีนัยสำคัญ จากปัจจุบันที่ตัวเลขหนี้ครัวเรือน ณ ไตรมาสที่ 2/2567 อยู่ที่ 89.6% ยอดคงค้าง 16.32 ล้านล้านบาท โดยมีการหารือร่วมกันระหว่างกระทรวงการคลัง, ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสมาคมธนาคารไทยอย่าง ต่อเนื่อง และล่าสุดได้มีการประชุมในช่วงบ่ายวันที่ 1 พ.ย. 2567 ซึ่งคาดหวัง ว่าจะมีความชัดเจนมากขึ้น

    ปลดล็อก NPL ไม่เกิน 1 ปี

    นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์เมื่อ 1 พ.ย.ที่ผ่านมาว่า ตนได้มอบหมายตัวแทนกระทรวงการคลัง ไปหารือร่วมกับ สมาคมธนาคารไทย พิจารณามาตรการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือน โดยเป้าหมาย การแก้หนี้ครั้งนี้ เพื่อให้บรรลุ 2 วัตถุ ประสงค์หลัก ได้แก่ 1.ให้มีการปรับโครงสร้างหนี้ เพื่อให้สามารถชำระได้ตามกำลัง และ 2.ช่วยให้มีลู่ทางเข้าถึงสินเชื่อได้

    กลุ่มลูกหนี้ที่จะเข้าไปช่วย คือ กลุ่มหนี้ที่ต้องจับตาเป็นพิเศษ (SM) ที่มีการค้างชำระเกิน 30 วันแต่ยังไม่เกิน 90 วัน และกลุ่มที่เป็นหนี้เสีย (NPL) ไม่เกิน 1 ปี ซึ่งรวม ๆ แล้ว มีอยู่กว่า 1 ล้านราย

    "เราเลือกกลุ่มคนที่เพิ่งมีปัญหา พูดง่าย ๆ คือเพิ่งค้างเกิน 30 วัน เราก็เอามาดูด้วย แล้วก็เอาส่วนที่เกิน 90 วัน ไปจนถึง 6 เดือนมาดูด้วย แต่ก็คิดว่าดูถึง 1 ปีเลย เพราะถือว่า 1 ปี ถึงจะยาวไปหน่อย แต่ก็คิดว่ายังเป็นกลุ่มที่น่าจะแก้ไขได้ แต่ที่เกิน 1 ปีไปยาว ๆ อันนั้นเอาไว้ก่อน เพราะอันนั้นแก้ตัวยากแล้ว"

    พักดอกเบี้ย 3 ปีหักต้นก่อน

    นายพิชัยกล่าวว่า เพื่อให้ลูกหนี้กลุ่มนี้มีความสามารถชำระหนี้ต่อไปได้ จึงเสนอให้มีการพักชำระดอกเบี้ยยาว 3 ปี โดยแหล่งเงินที่เข้ามาช่วยจากทั้งภาครัฐและธนาคารจะต้องช่วยกัน ส่วนหนี้ที่เหลือก็ให้ปรับโครงสร้างให้ผ่อนได้ยาวขึ้น และผ่อนต่องวดลดลง โดยเบื้องต้นอยากให้ลูกหนี้จ่ายต่องวดลดลงเหลือครึ่งเดียว และเงินงวดที่จ่ายมาก็เป็นการไปลดต้นทั้งหมด ซึ่งถ้าออกมาได้อย่างนี้ก็จะดี

   ขณะที่ลูกหนี้กลุ่มนี้จะยังคงมีการรายงานประวัติการชำระหนี้ในเครดิตบูโร ให้เป็นหน้าที่ของธนาคาร พิจารณาว่าจะปล่อยสินเชื่อใหม่หรือไม่ โดยจะต้องหารือกับผู้ว่าการ ธปท. ในเรื่องการผ่อนปรนเกณฑ์ เพื่อเปิดทางให้เข้าถึงสินเชื่อด้วย

   นอกจากนี้ กระทรวงการคลังยัง จะต้องหารือกับ ธปท. ในเรื่องการ ผ่อนปรนเกณฑ์ LTV (การวางเงินดาวน์) ต่าง ๆ ด้วย เพื่อช่วยเรื่องการเข้าถึงสินเชื่อ

   เร่งแก้หนี้เพิ่มกำลังซื้อ

   นายพิชัยกล่าวด้วยว่า แนวทางเหล่านี้ได้มีการหารือร่วมกับธนาคารพาณิชย์แล้ว และส่วนใหญ่เห็นด้วย อยู่ระหว่างหาข้อสรุปสุดท้าย ก็จะพิจารณาว่า แหล่งของเงินที่จะมาช่วยเรื่องดอกเบี้ยจะมาจากไหน เพื่อดูว่าต้องเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) หรือไม่ต่อไป

   โดยที่ผ่านมา นายพิชัยให้สัมภาษณ์ว่า การแก้ปัญหาหนี้ ไม่ว่าจะเป็นหนี้บ้าน หนี้รถยนต์ สินเชื่ออุปโภคบริโภค รัฐบาลให้ความสำคัญจะเร่งทำให้เสร็จ หากแก้ไขได้จะทำให้ประชาชนกลับมามีกำลังซื้อ และจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการลงทุนตามมา

    ชง ครม.ลุยมาตรการอสังหาฯ
 

   รมว.คลังกล่าวด้วยว่า กระทรวงการคลังยังเตรียมมาตรการด้านอสังหาริมทรัพย์ เสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา คือ มาตรการสินเชื่อ ซื้อ-แต่ง-ซ่อม-สร้าง บ้านและคอนโดมิเนียมของธนาคารอาคาร สงเคราะห์ (ธอส.) ที่คิดดอกเบี้ยต่ำ วงเงินรวม 55,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่า จะเสนอให้ ครม.พิจารณาได้ในวันที่ 5 พ.ย.นี้ เพื่อรองรับความต้องการ มีบ้านของประชาชนรายได้น้อย ให้เข้าถึงสินเชื่อบ้านดอกเบี้ยต่ำ มีโอกาสในการซ่อมแซม ต่อเติมบ้านให้มั่นคงได้ รวมถึง อยู่ระหว่างพิจารณาต่ออายุมาตรการการโอน การจดจำนอง ที่จะสิ้นสุดอายุในสิ้นปี 2567 ด้วย

    บ้านไม่เกิน 3 ล้าน-รถ 8 แสน

    แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังเปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า มาตรการแก้หนี้ที่กำลังหารือกันขณะนี้ เป้าหมายคือในส่วนของหนี้บ้านและหนี้รถ จากที่หารือลูกหนี้ที่จะได้สิทธิเข้าร่วมโครงการแก้หนี้มาตรการพิเศษ ต้องเป็นกลุ่มที่เริ่มมีการค้างชำระเกิน 30 วัน กระทั่งกลายเป็นหนี้เสีย (ค้างชำระเกิน 90 วัน) ไม่เกิน 1 ปี โดยในส่วนของลูกหนี้บ้าน ที่มียอดสินเชื่อไม่เกิน 3 ล้านบาท และสินเชื่อรถ ก็กำหนดให้เฉพาะที่มี ยอดหนี้ประมาณ 8-9 แสนบาท เพราะเป้าหมายคือช่วยประชาชนกลุ่มกลาง-ล่าง โดยหาแนวทางให้ลูกหนี้สามารถกลับมาผ่อนชำระได้ เพื่อให้กลับมาเป็นลูกหนี้ปกติ

    โดยหลักการช่วยเหลือคือให้ลูกหนี้ กลุ่มดังกล่าวเข้าสู่กระบวนการปรับโครงสร้างหนี้พิเศษ โดยให้มีการทำสัญญาไม่ต้องชำระดอกเบี้ยในช่วง 3 ปีแรก และการผ่อนชำระแต่ละงวดให้ลดน้อยลง รวมทั้งเป็นการตัดเงินต้นทั้งหมด ซึ่งก็จะทำให้ลูกหนี้หลุดพ้นจากการเป็นหนี้ได้เร็วขึ้น

   ทั้งนี้ ในส่วนของดอกเบี้ยที่พักไว้ 3 ปีแรก จะพักไว้ก่อนและยกให้ลูกหนี้ ก็ต่อเมื่อลูกหนี้รายดังกล่าวดำเนินการชำระหนี้ตามแผนการปรับโครงสร้างหนี้จนครบสัญญา

   น็อนแบงก์ยังไม่ได้สิทธิ

    แหล่งข่าวกล่าวว่า การดำเนินมาตรการแก้หนี้พิเศษครั้งนี้จะเป็นเฉพาะกลุ่ม ลูกหนี้ธนาคารพาณิชย์และบริษัทลูกแบงก์เท่านั้น ยังไม่รวมในส่วนของ ผู้ประกอบการน็อนแบงก์อื่น ๆ โดยจากเงื่อนไขในเบื้องต้นคาดว่าจะมีจำนวน ลูกหนี้เข้าร่วมโครงการกว่าแสนราย และมูลหนี้กว่าแสนล้านบาท ทั้งนี้ เนื่องจากมีรายละเอียดค่อนข้างมาก คาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินโครงการได้ในช่วงปลายปีนี้ หรือต้นปีหน้า

    ทั้งนี้ ที่ประชุมอยู่ระหว่างการหาข้อสรุปในรายละเอียด อย่างไรก็ดี ที่มีการกำหนดเป็นหนี้เสียไม่เกิน 1 ปี เพราะมองว่าถ้าลูกหนี้ที่เป็นหนี้เสียมานานแล้ว โอกาสที่จะสามารถกลับมาชำระหนี้เป็นไปได้ค่อนข้างยาก น่าจะไปในช่องทางของการตัดขายหนี้เสียให้เอเอ็มซี (บริษัทบริหารสินทรัพย์)

    โดยเมื่อลูกหนี้ที่กลับมาผ่อนชำระตามปกติ ก็จะทำให้ช่วยลดภาระการตั้งสำรองของธนาคารพาณิชย์ด้วย ขณะเดียวกัน ทางธนาคารพาณิชย์ ก็มีการเจรจา เพื่อปรับลดเงินนำส่งเข้า กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบ สถาบันการเงิน (FIDF) ที่ปัจจุบัน เก็บอยู่ 0.46% ลดลงมาครึ่งหนึ่งให้ เหลือ 0.23% เพื่อนำมาชดเชยในการแก้หนี้

    หนี้ครัวเรือนโจทย์ฉุด ศก.

    นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย (TBA) และกรรมการ ผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า ปัญหาหนี้ครัวเรือนถือเป็นหนึ่งในปัญหาเชิงโครงสร้างที่เหนี่ยวรั้งเศรษฐกิจไทย ในระหว่างนี้จนถึงสิ้นปีรัฐบาลและกระทรวงการคลังจะมีมาตรการแก้หนี้ครัวเรือน ซึ่งเป็นมาตรการใหญ่เข้ามา สนับสนุนก่อนสิ้นปี 2567 โดยไม่อยากให้คิดว่าเป็น "การกระตุ้น" แต่เป็น "แรงกระตุก" ให้เกิดแรงขับเคลื่อนเพื่อให้เกิดแรงเฉื่อย เพื่อมาเติมศักยภาพการเติบโตในปีหน้า และปีถัด ๆ ไป

    ดังนั้น มาตรการระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะ ต้องมีเรื่องของหนี้ครัวเรือน และประเด็นความสามารถการแข่งขันของคน ตัวเล็ก เนื่องจากเป็นประชากรที่ครอบคลุมเศรษฐกิจฐานรากในวงกว้าง ซึ่ง สาเหตุของปัญหาหนี้ครัวเรือน คือ เศรษฐกิจนอกระบบที่มีขนาดใหญ่อันดับต้น ๆ ของโลก โดยโครงสร้างเศรษฐกิจนอกระบบเกือบ 50% ซึ่งประเทศไทยจะนำทรัพยากรจากไหนเข้ามาช่วย

   และหากมีมาตรการแก้หนี้เข้ามา ก็จะสามารถดึงคนเหล่านี้ให้เข้าระบบได้ ซึ่งการเข้าระบบไม่ได้แปลว่า เสียภาษิ แต่เป็นการที่รัฐมีข้อมูลที่ถูกต้องนำไปสู่การตัดสินใจและเข้าใจที่ถูกต้องของปัญหาแต่ละพื้นที่ แต่ละบุคลากรไม่เหมือนกัน

   "ผยง" ชี้ต้องมีมาตรการเสริม

    นายผยงกล่าวถึงมาตรการแก้หนี้ครัวเรือนว่า จากการหารือแนวทางแก้หนี้จะแตกต่างไปจากเดิม โดย คำว่าการลดหรือการช่วยเหลือ จะไม่ เป็นในลักษณะ "เทศกาล" ปกติ โดย จะมีการผันแปรทรัพยากรในระบบให้ถูกที่ถูกทาง ทำให้เกิดโอกาสของคนตัวเล็ก โอกาสให้คนเข้าทำมาหากิน จะต้องมีการประสานและขอความร่วมมือกับภาคส่วนใหญ่ ๆ เนื่องจากการฟื้นตัวเศรษฐกิจเป็นลักษณะ K Shape Recovery ซึ่ง K ขาล่าง มีเยอะกว่า K ขาบน

   นายผยงกล่าวว่า ต้องพิจารณาว่า การใช้มาตรการทางการเงินจะอยู่ยาวได้แค่ไหน โดยหากมีมาตรการมาเสริมให้มีทักษะ ก็จะอยู่ไปได้ 3-5 ปี หรือมาตรการนี้ช่วยได้แค่ 3-6 เดือน เพราะหากดูระบบเศรษฐกิจระบบการเงินของประเทศ มีทั้งระบบธนาคารพาณิชย์ สถาบันการเงินที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน หรือน็อนแบงก์ แต่ยังมีสหกรณ์ และหนี้นอกระบบ

   "วันนี้ทำไมสภาพคล่องถึงมีการโอนไปลงทุนในต่างประเทศเยอะมาก เพราะในประเทศไม่มีแรงจูงใจ เราจะทำอย่างไรให้ดึงส่วนหนึ่ง 20-30% กลับมาในประเทศ เป็นโจทย์ที่ต้องคิดเพื่อสร้างความต่อเนื่องของมาตรการทางการเงิน"

    รับหนี้ครัวเรือนปัญหาสำคัญ

    นายสักกะภพ พันธ์ยานุกูล ผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวในงาน Monetary Policy Forum ครั้งที่ 3/2567 ว่า มาตรการทางการเงินในการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือน เป็นสิ่งที่ ธปท.ดูแลมาอย่างต่อเนื่อง และมีการพูดคุยกับภาคเอกชนโดยพยายามช่วยเหลือลูกหนี้ต่อเนื่อง เนื่องจาก ธปท.ไม่อยากเห็นหน้าผาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิด รายได้ หรือ NPL Cliff หรือการหุบร่ม กันรุนแรงเกินไป เพราะจะทำให้เกิด ภาวะการเงินตึงตัวและเป็นงูกินหางไม่หยุด

    "การหาแนวทางร่วมกัน เพื่อแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน เป็นสิ่งที่ ธปท.ให้ความสำคัญมาโดยตลอด ในการดูแลภาระหนี้ของครัวเรือนและ ธุรกิจมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือร่วมกันกับรัฐบาล และภาคส่วนต่าง ๆ เพิ่มเติม เพื่อแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนมากขึ้น ดังนั้น คาดว่าจะมีรายละเอียดมากขึ้นในระยะข้างหน้า ส่วนหนี้เสียที่ยังคงทยอยเห็นเพิ่มขึ้นหลังจากนี้บ้าง แต่ไม่ได้รุนแรง"

   หนี้บ้าน-รถยนต์ยังไหลเพิ่มขึ้น

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภาพรวมหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) และสินเชื่อจัดชั้นกล่าวถึงเป็นพิเศษ (Stage 2 หรือ SM) หรือค้างชำระไม่เกิน 90 วัน ของระบบธนาคารพาณิชย์ 28 แห่ง ซึ่งข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รวบรวมโดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า เอ็นพีแอลที่อยู่อาศัย ณ ไตรมาสที่ 2/2567 อยู่ที่ 101,380 ล้านบาท คิดเป็น 3.71% ของสินเชื่อรวม ขณะที่ตัวเลข SM ของสินเชื่อที่อยู่อาศัย อยู่ที่ 144,054 ล้านบาท คิดเป็น 5.27%

     สำหรับสินเชื่อรถยนต์ เอ็นพีแอล ณ ไตรมาสที่ 2/2567 อยู่ที่ 25,313 ล้านบาท คิดเป็น 2.26% ของสินเชื่อรวม ส่วนตัวเลข SM อยู่ที่ 169,355 ล้านบาท คิดเป็น 15.09% โดยตัวเลขหนี้เสียและ SM ของทั้งสินเชื่อบ้านและสินเชื่อรถยนต์ยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

    อย่างไรก็ดี ข้อมูลสินเชื่อรถยนต์ที่ปรากฏเฉพาะในส่วนของธนาคารพาณิชย์ที่อยู่ในกำกับของ ธปท.ยังไม่รวมข้อมูลในส่วนของผู้ประกอบการ น็อนแบงก์อื่น ๆ
ข่าวนโยบายการเงิน-การคลัง อื่นๆ