'พราวกรุ๊ป' เล็งร่วมทุนลุย 'สถานบันเทิงครบวงจร'
Loading

'พราวกรุ๊ป' เล็งร่วมทุนลุย 'สถานบันเทิงครบวงจร'

วันที่ : 4 ตุลาคม 2567
พราว เปิดเผยว่า การลงทุนพัฒนาสถานบันเทิงครบวงจร นักลงทุนรายเดียวไม่สามารถทำได้หมดทุกอย่าง ดังนั้นเมื่อภาครัฐมีความชัดเจนและผลักดันออกมาได้จริงๆ ทางพราวกรุ๊ปคงจับมือกับพันธมิตรร่วมลงทุนในส่วนที่ถนัด
     พรไพลิน จุลพันธ์ กรุงเทพธุรกิจ

    "พราวกรุ๊ป" ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของครอบครัว "ลิปตพัลลภ" แย้มสนใจร่วมลงทุนพัฒนา "สถานบันเทิงครบวงจร" (Entertainment Complex) ที่มีกาสิโนเป็นหนึ่งในองค์ประกอบ แต่เนื่องจากพราวกรุ๊ปไม่เคยทำธุรกิจลักษณะเกมมิ่ง (Gaming) มาก่อน และต้องพัฒนาบนพื้นที่ค่อนข้างใหญ่หลักหมื่นหรือหลักแสนตารางเมตร ทุนจดทะเบียน หลักหมื่นล้านบาท และค่าไลเซนส์หลักพันล้านบาท!

    พสุ ลิปตพัลลภ กรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท พราว เปิดเผยว่า การลงทุนพัฒนาสถานบันเทิงครบวงจร นักลงทุนรายเดียวไม่สามารถทำได้หมดทุกอย่าง ดังนั้นเมื่อภาครัฐมีความชัดเจนและผลักดันออกมาได้จริงๆ ทางพราวกรุ๊ปคงจับมือกับพันธมิตรร่วมลงทุนในส่วนที่ถนัด เช่น โรงแรมหรือ รีสอร์ตลักซ์ชัวรี และสันทนาการอย่างสวนน้ำ หลังจากที่ผ่านมาพราวกรุ๊ปพัฒนาโครงการมิกซ์ยูสบ้างแล้ว เช่น ในหัวหิน ซึ่งมีสวนน้ำ โรงแรม และคอนโด

    "ที่ผ่านมามีนักลงทุนถามๆ เรามาบ้าง เรื่องร่วมลงทุนพัฒนาสถานบันเทิงครบวงจรที่มีกาสิโน ฝั่งผมเองก็ถามๆ เขาบ้างเรื่องที่เขาทำและเราไม่ได้ทำมาก่อน แต่มองว่ากว่าทุกประเด็นที่เกี่ยวข้องจะผ่านการกลั่นกรองจากคณะกรรมการนโยบายการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร รวมถึงความชัดเจนของ ร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร และกว่าไลเซนส์จะออกมา อาจเป็นช่วงปลายวาระรัฐบาลชุดนี้หรือไม่ ก็ยังไม่แน่ใจ"

    ส่วน "โลเคชั่น" ที่สนใจจะอยู่ในโซนใกล้ "ภูเก็ต" เพราะถ้ามาพัฒนาในกรุงเทพฯ ต้องแข่งกับรายอื่นๆ อีกมาก โดยที่ผ่านมา รับทราบมาว่าพื้นที่เป้าหมายของการพัฒนาสถานบันเทิงครบวงจรในแถบนี้ น่าจะไปที่ "พังงา" ที่จะพัฒนาสนามบินแห่งใหม่ และมีที่ดินรองรับโครงการขนาดใหญ่มากกว่าภูเก็ต ราคาถูกกว่า และไม่ไกลกันมาก แต่การพัฒนาสนามบินต้องทำเรื่องเวนคืนที่ดินอยู่ดี ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สามารถพิจารณาว่าจะออกแบบสถานบันเทิงครบวงจรไปพร้อมกันเลยหรือไม่ แต่ถ้าเลือกภูเก็ต ก็อาจจะต้องอยู่ใกล้ๆ สนามบิน เพราะราคาที่ดินยังค่อนข้างถูกและการเดินทางไม่ไกล

    พสุ กล่าวว่า สำหรับการลงทุนธุรกิจ "โรงแรม" ใน "ภูเก็ต" ของพราวกรุ๊ป เตรียมลงทุนอีก 2 แห่ง แบ่งเป็นโรงแรมแบรนด์ในเครือไอเอชจี โฮเทลส์ แอนด์ รีสอร์ต (IHG) และแบรนด์จากเชน โรงแรมอื่น จากปัจจุบันพราวกรุ๊ปเปิดให้บริการในภูเก็ตแล้ว 1 แห่ง คือ "อินเตอร์ คอนติเนนตัล ภูเก็ต รีสอร์ต" ซึ่งกำลังจะขยายเฟสต่อไป และยังมีสวนน้ำ "อันดามันดา ภูเก็ต" ที่กระแสตอบรับดี

    "เราอยากรุกลงทุนในภูเก็ตต่อเนื่อง เพราะตลาดดี คนเดินทางเข้ามามาก เรตราคา ห้องพักดี โดยแนวโน้มการท่องเที่ยว ไตรมาส 4 ทำให้ประเมินว่าจะมีผลการดำเนินงานดีกว่าที่เคยคาดไว้ และน่าจะดีต่อเนื่องไปถึงไตรมาส 1 ปีหน้า"

    อย่างนักท่องเที่ยวตลาด "จีน" เดิมคิดว่า จะหายไปมากกว่านี้ แต่ก็ไม่ได้หายไปมากนักในฝั่งธุรกิจโรงแรม ส่วนตลาดหลักอื่นๆ เช่น "รัสเซีย" และ "อิสราเอล" แม้กำลัง เผชิญสถานการณ์ "ภูมิรัฐศาสตร์" แต่ กระแสการเดินทางเข้าพักโรงแรมยัง สม่ำเสมอ ขณะที่ สวนน้ำอันดามันดา มีคน ใช้บริการหลายพันคนต่อวันเกินเป้าหมาย โดยเฉพาะ "อินเดีย" ที่เติบโตดีมาก ด้านตะวันออกกลาง และอิสราเอลก็มีจำนวนมากเช่นกัน

    ด้านปัจจัย "บาทแข็ง" น่าเป็นห่วงในมุม เซกเตอร์ภาคท่องเที่ยวและอสังหาฯ แม้ว่านักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาภูเก็ตจะเป็นกลุ่มที่มีกำลังจ่ายสูง แต่กลุ่มทั่วไปอาจได้รับผลกระทบ เพราะสินค้าทุกอย่างแพงขึ้น 10% อาจทำให้เลือกไปตลาดคู่แข่ง เช่น เวียดนาม แทนได้

    "ในปี 2568 เรากังวลปัจจัยบาทแข็งว่าจะกระทบฝั่งอสังหาฯ เหมือนกัน"

    อย่างโครงการ "NUE District R9"คอนโดย่านพระราม 9 มูลค่ากว่า 6,500 ล้านบาท เกือบครึ่งเป็นยอดขายจาก "ชาวต่างชาติ"ซึ่งจ่ายเงินดาวน์มาแล้ว 30% เหลืออีก 70% ที่ต้องจ่ายหากมีการโอนกรรมสิทธิ์ประมาณกลางปีหน้า ได้คุยกับฝ่ายขายว่าอยากให้ลูกค้าที่มีกำลัง จ่ายบางส่วนก่อนได้หรือไม่ เพราะว่าปัจจุบัน "เงินบาท" อยู่ที่ระดับ 32-33 บาท/ดอลลาร์ ถ้าเกิดต่ำกว่าระดับ 30 บาท ลูกค้าจะแย่ เพราะคอนโดแพงขึ้น กว่า 10%

    ซึ่งภาคอสังหาฯ อาจเจอปัญหาลูกค้าตัดสินใจเบี้ยว ไม่จ่ายส่วนที่เหลือ แต่ขอกับ ทางโครงการว่าอย่าเพิ่งยึดเงินดาวน์ จะพยายาม หาคนมาซื้อคอนโดฯ ต่อเอง ทำให้ดีเวลลอปเปอร์ต้องคอยมอนิเตอร์ให้ดี!
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ