ทุนท้องถิ่นมั่นใจอสังหาฯภูเก็ตโตได้อีก
วันที่ : 30 สิงหาคม 2567
แชร์ :
เลขานุการสมาคมอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ต ระบุว่า "มั่นใจว่าการลงทุนในภูเก็ตตลอดปี 2567 นี้ น่าจะมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 55,000 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดโอนทั้งแนวราบและแนวสูง 35,000 ล้าน และอีก 15,000 ล้านบาท เป็นยอดการเช่าระยะยาว"
"ลักชัวรีวิลล่า" มาแรง ต่างชาติยังต้องการ
นักลงทุนภูเก็ตมั่นใจอสังหาฯ ภูเก็ตยังเติบโตได้อีรก คาดตลอดปีนี้ยอดโอนและเช่าระยะยาวมีมูลค่ากว่า 55,000 ล้าน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 10-20% หากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกยังเป็นแบบนี้ และสงครามยังไม่ยุติ ลักชัวรีวิลล่ายังมาแรงในโซนบางเทา และขยายไปย่านไม้ขาว
นายพัทธนันท์ พิสุทธิ์วิมล เลขานุการสมาคมอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ต และผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ต กล่าวถึงภาพรวมธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ต ในปี 2567 นี้ ว่า ภาพรวมธุรกิจอสังหาฯ ในภูเก็ตเมื่อปีที่แล้ว 2566 การโอนอสังหาฯ ในภูเก็ตทั้งจังหวัดอยู่ที่ 88,000 ยูนิต คิดเป็นมูลค่ากว่า 35,000 ล้านบาท และในปี 2567 นี้ คาดว่าภาพรวมจะเติบโตสูงขึ้นจากปีที่แล้วไม่ต่ำกว่า 5-10% แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการส่งเสริมด้านการลงทุนของภาครัฐเป็นหลัก
ทั้งนี้ จะเห็นได้จากภาพรวมอสังหาฯ ทั้งประเทศ การเติบโตค่อนข้างที่จะติดลบ โดยเฉพาะกรุงเทพฯ และปริมณฑล แต่มีไม่กี่พื้นที่ที่การเติบโตยังบวกอยู่บ้างเล็กน้อย ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นหัวเมืองทางการท่องเที่ยว เช่น เชียงใหม่ เกาะสมุย และพัทยา เป็นต้น ส่วนที่เหลือการเติบโตติดลบเกือบทั้งหมด ทำให้แหล่งทุนหรือบริษัทอสังหาฯ หลายบริษัทโยกย้ายเข้าไปลงทุนในพื้นที่ที่เป็นเมืองท่องเที่ยว
โดยเฉพาะภูเก็ตเป็นพื้นที่แรกๆ ที่บริษัทอสังหาฯ จากส่วนกลางเลือกที่จะเข้ามาลงทุนโครงการ ทำให้เห็นว่าในปี 2566 บริษัทอสังหาฯ จากส่วนกลางเข้ามาเปิดตัวโครงการ อสังหาฯในภูเก็ตเป็นจำนวนมาก และได้ส่งผลต่อเนื่องมาจนปีนี้และปีหน้า 2568 โดยเฉพาะลักชัวรีวิลล่าจะเกิดขึ้นเป็นจำนวนมากในภูเก็ตตลอดปีนี้และปีหน้า จะทำให้มีลักชัวรีวิลล่าเปิดขายในภูเก็ตไม่ต่ำกว่า 2,500 ยูนิต และคอนโดมิเนียมไม่ต่ำกว่า 10,000 ยูนิต
ส่วนทำเลที่ตั้งโครงการที่เป็นทำเลทองที่นักลงทุนขึ้นโครงการนั้น ถ้าเป็นลักชัวรีวิลล่ายังคงอยู่ในโซนเชิงทะเล บางเทา และบางโจ เป็นหลัก ส่วนคอนโดมิเนียมจะอยู่ในโซนเชิงทะเล บางโจ ราไวย์ และ พื้นที่ใกล้ๆ ศูนย์การค้า
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่โรงพยาบาลเอกชนชื่อดังได้ประกาศตัวเข้ามาลงทุนที่ภูเก็ตในพื้นที่ ต.ไม้ขาว ทำให้มีนักลงทุนหลายรายได้เริ่มขยายการลงทุนที่เป็นระดับลักชัวรีวิลล่า โรงแรม และโรงเรียนนานาชาติ ที่กำลังเป็นที่สนใจของนักลงทุนต่างชาติโดยเฉพาะชาวจีน ได้ขยายการลงทุนไปยังพื้นที่ไม้ขาวแล้วหลายโครงการ เพื่อรองรับการเติบโตในย่านไม้ขาว
ส่วนแนวโน้มธุรกิจอสังหาฯ ภูเก็ตในปีหน้านั้น นายพัทธนันท์ มองว่า ถ้าดูจากสถานการณ์การเติบโตและความต้องการที่อยู่อาศัยในภูเก็ต ณ ปัจจุบันนี้ คิดว่าอสังหาฯ ภูเก็ตจะมีการเติบโตต่อเนื่องไปจน ถึงปีหน้า แต่ทั้งนี้จะต้องดูสถานการณ์ เศรษฐกิจโลกและสงครามควบคู่กันไป ซึ่งหากสถานการณ์เศรษฐกิจยังเป็นแบบนี้
ส่วนตัวเชื่อว่าอสังหาฯ ภูเก็ตจะยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะต้นทุนที่อยู่อาศัยในยุโรปยังคงสูงกว่า ที่จะมาอยู่ในภูเก็ต จึงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะทำให้ชาวยุโรปและชาติอื่นๆ ไม่ซื้ออสังหาฯ ในภูเก็ต แต่ถ้า สถานการณ์เศรษฐกิจและสงครามฝั่งยุโรปเบาบางลงหรือยุติ จะทำให้ชาวรัสเซียที่อยู่ในภูเก็ตขณะนี้เดินทางกลับประเทศ อาจจะทำให้ความต้องการที่อยู่อาศัยและการลงทุนด้านอสังหาฯ ลดลงไปบ้าง แต่ยังมีความต้องการอยู่บ้าง ซึ่งเมื่อถึงจุดนั้น เชื่อว่าการแข่งขันจะยิ่งสูงขึ้นไปอีก
"มั่นใจว่าการลงทุนในภูเก็ตตลอดปี 2567 นี้ น่าจะมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 55,000 ล้านบาท แบ่งเป็นยอด โอนทั้งแนวราบและแนวสูง 35,000 ล้าน และอีก 15,000 ล้านบาท เป็นยอดการเช่าระยะยาว"
นายพัทธนนท์ยังกล่าวถึงกรณี ที่รัฐบาลมีนโยบายในการส่งเสริมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ด้วยการเปิดให้ชาวต่างชาติเช่าที่อยู่อาศัยในประเทศ ไทยได้ถึง 99 ปี และสามารถขายคอนโดมิเนียมได้สูงถึง 75% นั้น ว่า ถ้าพูดในเชิงความจริง ต่างชาติที่มาซื้ออสังหาฯ ในภูเก็ต พยายามที่จะหาหลายวิธีอยู่แล้ว เช่น เช่าด้วยการจดทะเบียน 30 ปี 3 รอบ หรือจดทะเบียนในนามบริษัทในไทย ตามที่เป็นข่าวใช้คนไทยเป็นนอมินี ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องเป็นเรื่องเทาๆ
สำหรับนโยบายที่ให้ต่างชาติเช่าได้ 90 ปี คงไม่ได้เป็นการส่งเสริมการลงทุนอสังหาฯ มากนัก แต่จะช่วยเรื่องการลดนอมินีลงโดยการนำคนที่หลบอยู่มาอยู่บนโต๊ะทั้งหมดและจะจัดเก็บรายได้และภาษีให้ถูกต้อง อาจจะช่วยกระตุ้นการกระแสการลงทุนระดับหนึ่ง แต่ไม่น่าจะส่งผลต่อยอดการซื้อขายมากนัก แต่จะทำให้การประกอบกิจการของผู้ลงทุนวางแผนได้ชัดขึ้น เช่า 90 ปี ตอบโจทก์ต่างชาติ แก้ปัญหานอมินีในระยะยาว
ส่วนสัดส่วนการขายห้องพักคอนโดมิเนียมให้ต่างชาติได้เพิ่มขึ้นจาก 49% เป็น 75% นั้น เลขานุการสมาคมอสังหาฯ ภูเก็ต มองว่า ตามสถิติในปัจจุบันนี้ ชาวต่างชาติถือครองคอนโดมิเนียมเฉลี่ยภาพรวมทั้งประเทศอยู่ที่ 10-20% แต่ในส่วนของภูเก็ตนั้นอาจจะมากกว่านี้ อาจจะมีผลต่อการตลาดบ้างในช่วงแรกๆ เท่านั้น ไม่น่าจะทำให้การลงทุนคอนโดฯ ในภูเก็ตเพิ่มขึ้นมากนัก
นักลงทุนภูเก็ตมั่นใจอสังหาฯ ภูเก็ตยังเติบโตได้อีรก คาดตลอดปีนี้ยอดโอนและเช่าระยะยาวมีมูลค่ากว่า 55,000 ล้าน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 10-20% หากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกยังเป็นแบบนี้ และสงครามยังไม่ยุติ ลักชัวรีวิลล่ายังมาแรงในโซนบางเทา และขยายไปย่านไม้ขาว
นายพัทธนันท์ พิสุทธิ์วิมล เลขานุการสมาคมอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ต และผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ต กล่าวถึงภาพรวมธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ต ในปี 2567 นี้ ว่า ภาพรวมธุรกิจอสังหาฯ ในภูเก็ตเมื่อปีที่แล้ว 2566 การโอนอสังหาฯ ในภูเก็ตทั้งจังหวัดอยู่ที่ 88,000 ยูนิต คิดเป็นมูลค่ากว่า 35,000 ล้านบาท และในปี 2567 นี้ คาดว่าภาพรวมจะเติบโตสูงขึ้นจากปีที่แล้วไม่ต่ำกว่า 5-10% แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการส่งเสริมด้านการลงทุนของภาครัฐเป็นหลัก
ทั้งนี้ จะเห็นได้จากภาพรวมอสังหาฯ ทั้งประเทศ การเติบโตค่อนข้างที่จะติดลบ โดยเฉพาะกรุงเทพฯ และปริมณฑล แต่มีไม่กี่พื้นที่ที่การเติบโตยังบวกอยู่บ้างเล็กน้อย ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นหัวเมืองทางการท่องเที่ยว เช่น เชียงใหม่ เกาะสมุย และพัทยา เป็นต้น ส่วนที่เหลือการเติบโตติดลบเกือบทั้งหมด ทำให้แหล่งทุนหรือบริษัทอสังหาฯ หลายบริษัทโยกย้ายเข้าไปลงทุนในพื้นที่ที่เป็นเมืองท่องเที่ยว
โดยเฉพาะภูเก็ตเป็นพื้นที่แรกๆ ที่บริษัทอสังหาฯ จากส่วนกลางเลือกที่จะเข้ามาลงทุนโครงการ ทำให้เห็นว่าในปี 2566 บริษัทอสังหาฯ จากส่วนกลางเข้ามาเปิดตัวโครงการ อสังหาฯในภูเก็ตเป็นจำนวนมาก และได้ส่งผลต่อเนื่องมาจนปีนี้และปีหน้า 2568 โดยเฉพาะลักชัวรีวิลล่าจะเกิดขึ้นเป็นจำนวนมากในภูเก็ตตลอดปีนี้และปีหน้า จะทำให้มีลักชัวรีวิลล่าเปิดขายในภูเก็ตไม่ต่ำกว่า 2,500 ยูนิต และคอนโดมิเนียมไม่ต่ำกว่า 10,000 ยูนิต
ส่วนทำเลที่ตั้งโครงการที่เป็นทำเลทองที่นักลงทุนขึ้นโครงการนั้น ถ้าเป็นลักชัวรีวิลล่ายังคงอยู่ในโซนเชิงทะเล บางเทา และบางโจ เป็นหลัก ส่วนคอนโดมิเนียมจะอยู่ในโซนเชิงทะเล บางโจ ราไวย์ และ พื้นที่ใกล้ๆ ศูนย์การค้า
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่โรงพยาบาลเอกชนชื่อดังได้ประกาศตัวเข้ามาลงทุนที่ภูเก็ตในพื้นที่ ต.ไม้ขาว ทำให้มีนักลงทุนหลายรายได้เริ่มขยายการลงทุนที่เป็นระดับลักชัวรีวิลล่า โรงแรม และโรงเรียนนานาชาติ ที่กำลังเป็นที่สนใจของนักลงทุนต่างชาติโดยเฉพาะชาวจีน ได้ขยายการลงทุนไปยังพื้นที่ไม้ขาวแล้วหลายโครงการ เพื่อรองรับการเติบโตในย่านไม้ขาว
ส่วนแนวโน้มธุรกิจอสังหาฯ ภูเก็ตในปีหน้านั้น นายพัทธนันท์ มองว่า ถ้าดูจากสถานการณ์การเติบโตและความต้องการที่อยู่อาศัยในภูเก็ต ณ ปัจจุบันนี้ คิดว่าอสังหาฯ ภูเก็ตจะมีการเติบโตต่อเนื่องไปจน ถึงปีหน้า แต่ทั้งนี้จะต้องดูสถานการณ์ เศรษฐกิจโลกและสงครามควบคู่กันไป ซึ่งหากสถานการณ์เศรษฐกิจยังเป็นแบบนี้
ส่วนตัวเชื่อว่าอสังหาฯ ภูเก็ตจะยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะต้นทุนที่อยู่อาศัยในยุโรปยังคงสูงกว่า ที่จะมาอยู่ในภูเก็ต จึงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะทำให้ชาวยุโรปและชาติอื่นๆ ไม่ซื้ออสังหาฯ ในภูเก็ต แต่ถ้า สถานการณ์เศรษฐกิจและสงครามฝั่งยุโรปเบาบางลงหรือยุติ จะทำให้ชาวรัสเซียที่อยู่ในภูเก็ตขณะนี้เดินทางกลับประเทศ อาจจะทำให้ความต้องการที่อยู่อาศัยและการลงทุนด้านอสังหาฯ ลดลงไปบ้าง แต่ยังมีความต้องการอยู่บ้าง ซึ่งเมื่อถึงจุดนั้น เชื่อว่าการแข่งขันจะยิ่งสูงขึ้นไปอีก
"มั่นใจว่าการลงทุนในภูเก็ตตลอดปี 2567 นี้ น่าจะมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 55,000 ล้านบาท แบ่งเป็นยอด โอนทั้งแนวราบและแนวสูง 35,000 ล้าน และอีก 15,000 ล้านบาท เป็นยอดการเช่าระยะยาว"
นายพัทธนนท์ยังกล่าวถึงกรณี ที่รัฐบาลมีนโยบายในการส่งเสริมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ด้วยการเปิดให้ชาวต่างชาติเช่าที่อยู่อาศัยในประเทศ ไทยได้ถึง 99 ปี และสามารถขายคอนโดมิเนียมได้สูงถึง 75% นั้น ว่า ถ้าพูดในเชิงความจริง ต่างชาติที่มาซื้ออสังหาฯ ในภูเก็ต พยายามที่จะหาหลายวิธีอยู่แล้ว เช่น เช่าด้วยการจดทะเบียน 30 ปี 3 รอบ หรือจดทะเบียนในนามบริษัทในไทย ตามที่เป็นข่าวใช้คนไทยเป็นนอมินี ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องเป็นเรื่องเทาๆ
สำหรับนโยบายที่ให้ต่างชาติเช่าได้ 90 ปี คงไม่ได้เป็นการส่งเสริมการลงทุนอสังหาฯ มากนัก แต่จะช่วยเรื่องการลดนอมินีลงโดยการนำคนที่หลบอยู่มาอยู่บนโต๊ะทั้งหมดและจะจัดเก็บรายได้และภาษีให้ถูกต้อง อาจจะช่วยกระตุ้นการกระแสการลงทุนระดับหนึ่ง แต่ไม่น่าจะส่งผลต่อยอดการซื้อขายมากนัก แต่จะทำให้การประกอบกิจการของผู้ลงทุนวางแผนได้ชัดขึ้น เช่า 90 ปี ตอบโจทก์ต่างชาติ แก้ปัญหานอมินีในระยะยาว
ส่วนสัดส่วนการขายห้องพักคอนโดมิเนียมให้ต่างชาติได้เพิ่มขึ้นจาก 49% เป็น 75% นั้น เลขานุการสมาคมอสังหาฯ ภูเก็ต มองว่า ตามสถิติในปัจจุบันนี้ ชาวต่างชาติถือครองคอนโดมิเนียมเฉลี่ยภาพรวมทั้งประเทศอยู่ที่ 10-20% แต่ในส่วนของภูเก็ตนั้นอาจจะมากกว่านี้ อาจจะมีผลต่อการตลาดบ้างในช่วงแรกๆ เท่านั้น ไม่น่าจะทำให้การลงทุนคอนโดฯ ในภูเก็ตเพิ่มขึ้นมากนัก
ข่าวอสังหาริมทรัพย์ภูมิภาค อื่นๆ