สั่งธอส.จัดสินเชื่อแฮปปี้โฮม2
Loading

สั่งธอส.จัดสินเชื่อแฮปปี้โฮม2

วันที่ : 2 สิงหาคม 2567
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เผยว่า ที่ผ่านมา ครม. มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) จัดทำโครงการสินเชื่อบ้าน แฮปปี้ โฮม กรอบวงเงินรวม 20,000 ล้านบาท ผลปรากฏว่า มีลูกค้าให้ความสนใจรับรหัสเข้าร่วมโครงการเป็นจำนวนมาก
         หนุนฐานรากมีบ้านของตัวเอง

         นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) พิจารณาความช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อยให้ได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองเพิ่มเติม หลังจากโครงการสินเชื่อแฮปปี้ โฮม เฟสแรกปล่อยกู้จนครบวงเงินไปแล้ว เพื่อใช้กลไกในการช่วยดูแลลูกค้ากลุ่มฐานราก ลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้นตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงการคลัง

         นายพิชัย กล่าวว่า ที่ผ่านมา ครม. มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) จัดทำโครงการสินเชื่อบ้าน แฮปปี้ โฮม กรอบวงเงินรวม 20,000 ล้านบาท ผลปรากฏว่า มีลูกค้าให้ความสนใจรับรหัสเข้าร่วมโครงการเป็นจำนวนมาก เนื่องจากเป็นสินเชื่อเพื่อใช้ซื้อบ้าน ห้องชุด (คอนโดมิเนียม) ปลูกสร้าง และเพื่อซื้ออุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวเนื่องกับที่อยู่อาศัย ในระดับราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยคงที่ 5 ปีแรก เพียง 3.00% ต่อปี เท่านั้น
 
         นอกจากนี้ ยังมีเงื่อนไขผ่อนปรนให้ผู้มีรายได้ต่อเดือนไม่เกิน 25,000 บาท ได้รับการพิจารณาเกณฑ์รายได้ ไม่เกิน 1 ใน 2 ของรายได้สุทธิต่อเดือน ซึ่งทำให้ผู้มีรายได้น้อยได้รับวงเงินสินเชื่อเพิ่มมากขึ้น โดยข้อมูลเมื่อวันที่ 26 ก.ค.67 มีลูกค้ายื่นขอสินเชื่อโครงการดังกล่าวเกินกว่ากรอบวงเงินและธนาคารอนุมัติสินเชื่อเต็มกรอบวงเงินที่กำหนดแล้ว

         รายงานข่าวแจ้งเพิ่มว่า นายพิชัย ยังมอบนโยบายให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เร่งทำแผนการเพิ่มบทบาทการเป็นสถาบันการเงินที่ปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่มีขนาดใหญ่ขึ้น พร้อมกับทำแผนระยะยาว ในการหาช่องทางระดมทุนดอกเบี้ยต่ำ มาปล่อยกู้ช่วยผู้ประกอบการ โดยปัจจุบันประเทศไทยมีมูลค่าสินเชื่อที่อยู่อาศัยทั้งระบบ 5 ล้านล้านบาท คิดเป็น 30% ของจีดีพี หาก ธอส.เพิ่มบทบาทเข้ามา ก็ตั้งใจทำให้การมูลค่าสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพิ่มเป็น 50% ของจีดีพี

         ส่วนแผนระยะสั้น ให้ ธอส.เป็นกลไกสนับสนุนให้ประชาชนมีบ้านเป็นของตัวเองได้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในปี 67 ให้เร่งปล่อยสินเชื่อในครึ่งหลังปี 67 อีก 1.6-1.7 แสนล้านบาท เพื่อกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ ตลอดจนต้องช่วยเหลือลดภาระลูกหนี้ โดยเฉพาะคนที่ผ่อนไม่ไหว ให้สามารถรักษาบ้านของตัวเองได้ต่อไป เช่น ขยายเวลาผ่อนชำระ จากเดิมสูงสุดอายุ 60-70 ปี เป็น 80-85 ปี เพื่อให้มีเงินงวดน้อยลง และมีเงินเหลือไปใช้จ่ายได้มากขึ้น อีกทั้งให้ขยายวงเงินการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็น 5-10 ล้านบาทขึ้นไป จากเดิมที่ ธอส.เน้นปล่อยสินเชื่อวงเงินกู้ไม่เกิน 3 ล้านบาท
ข่าวนโยบายการเงิน-การคลัง อื่นๆ