MJD แผน2ปีลงทุนอสังหาฯ3หมื่นล.
Loading

MJD แผน2ปีลงทุนอสังหาฯ3หมื่นล.

วันที่ : 30 กรกฎาคม 2567
MJD กล่าวถึงภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ระดับลักชัวรีในครึ่งปีหลัง 2567 ว่า โครงการที่ตั้งอยู่ในทำเลที่ดี มีศักยภาพ ยังสามารถทำยอดขายได้ดีอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะคอนโดมิเนียม
    งัดแผนร่วมทุน - โฟกัสแนวราบลักชัวรี

    เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ฯ ปรับแผนธุรกิจรับการเติบโต ชูการร่วมทุนกับพันธมิตรชั้นนำ ร่วมพัฒนาโครงการอสังหาฯ จ่อจดปากกาดีลร่วมทุนกับญี่ปุ่นเพิ่ม พร้อมลดพอร์ตคอนโดฯ รุกหนักตลาดแนวราบลักชัวรี ประกาศตามแผน 2 ปี ลงทุนเปิด 11 โครงการแนวสูงและแนวราบ รวม 30,000 ล้านบาท ล่าสุด เปิดโฉมทาวน์โฮมแบรนด์ใหม่ 'มิลฟอร์ด' บน 2 ทำเลศักยภาพ มูลค่ากว่า 1,700 ล้านบาท

   นางสาวนฑา กิตติอักษร รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ MJD กล่าวถึงภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ระดับลักชัวรีในครึ่งปีหลัง 2567 ว่า โครงการที่ตั้งอยู่ในทำเลที่ดี มีศักยภาพ ยังสามารถทำยอดขายได้ดีอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะคอนโดมิเนียม ขณะที่ตลาดแนวราบก็มียอดขายที่ดีเช่นกัน โดยตลาดบ้านเดี่ยว มองว่าความต้องการซื้อ ยังมีอย่างต่อเนื่อง โดยราคาที่ดีมานด์มีความต้องการมากคือ 18-35 ล้านบาท

   สำหรับนโยบายการดำเนินธุรกิจของเมเจอร์ฯ ได้ปรับวิธีการดำเนินการ เพื่อลดความเสี่ยงในการพัฒนาโครงการ ด้วยการร่วมทุนกับพันธมิตรในทุกโครงการ เพื่อสร้างอัตราการเติบโตให้กับบริษัทฯ ซึ่งจะพิจารณาว่าแต่ละพันธมิตรมีความเชี่ยวชาญ (Know-how) ด้านไหน ก็จะลงทุนในประเภทตามความเชี่ยวชาญของพันธมิตรนั้นๆ โดยที่ผ่านมามีการร่วมทุนกับพันธมิตร ทั้งสิงคโปร์ อิสราเอล เกาหลี

    ล่าสุดกับกลุ่มทุนอสังหาริมทรัพย์ ยักษ์ใหญ่ Mori Trust จากประเทศญี่ปุ่น ที่มีความเชี่ยวชาญในการลงทุนพัฒนาโรงแรมและอาคารสำนักงาน ร่วมทุนโครงการแรก "มอลตัน เกทส์ กรุงเทพกรีฑา 2 มูลค่าโครงการ 2,100 ล้านบาท ตามแผนคาดว่าจะเริ่ม ดำเนินการก่อสร้างได้ในช่วงไตรมาส 3/2567

    นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มทุนอสังหาฯ ระดับใหญ่และกลางจากญี่ปุ่นอีก 2 ราย ที่อยู่ในระหว่างการรอเซ็นสัญญาร่วมทุน เป็นกลุ่มที่เคยร่วมทุนกับผู้ประกอบการอสังหาฯรายอื่นในประเทศไทยมาแล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้

    นอกจากนี้ บริษัทฯได้ปรับนโยบายการพัฒนาโครงการรและรับรู้รายได้ในกลุ่มโครงการแนวราบมากขึ้น เป็นสัดส่วน 40% ตามเทรนด์ความต้องการของดีมานด์ หลังจากเกิดวิกฤตโควิด-19 จากเดิมที่เน้นพัฒนาคอนโดฯ มากถึงกว่า 99% โดยยังเน้นการพัฒนาโครงการในระดับลักชัวรีขึ้นไปเช่นเดิม

    ทั้งนี้ ภายในระยะเวลา 2 ปีนี้ (2567-2568) บริษัทมีแผนที่จะพัฒนาโครงการแนวสูงและแนวราบ รวม 11 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 30,000 ล้านบาท โดยที่ผ่านมาเปิดตัวไปแล้ว 6 โครงการ เป็นแนวราบ 3 โครงการ และแนวสูง 3 โครงการ สำหรับใน ครึ่งปีหลัง 2567 ได้เตรียมเปิดแนวราบ ระดับลักชัวรี อีกจำนวน 2 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 1,700 ล้านบาท ได้แก่ โครงการ มิลฟอร์ด ลาดพร้าว-รามคำแหง เป็นทาวน์โฮมแบรนด์ใหม่ สูง 3.5 ชั้น ตั้งอยู่บริเวณซอยรามคำแหง 53 บนพื้นที่ทั้งหมด 12 ไร่เศษ ภายใต้คอนเซ็ปต์ "English Eclectic Design" ขนาดที่ดินตั้งแต่ 24.5-72 ตารางวา ราคาเริ่มต้นที่ 18-30 ล้านบาท จำนวนเพียง 84 ยูนิต มูลค่าโครงการกว่า 1,700 ล้านบาท โดยเตรียมเปิดพรีเซลระหว่างวันที่ 17-18 สิงหาคม 2567 พร้อมทั้งจัดเตรียมโปรโมชันสุดเอ็กซ์คลูซีฟ รับข้อเสนอพร้อมส่วนลดสูงสุดถึง 500,000 บาท

     ขณะนี้มีผู้ให้ความสนใจแล้วเกือบ 200 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการในธุรกิจต่างๆ ที่มีความต้องการใช้พื้นที่ใช้สอยในการ Work From Home คาดว่าถึงปลายปี 2567 จะสามารถทำยอดขายได้ 40-50% และคาดว่าจะโอนฯได้ในเบื้องต้นประมาณ 20% และโครงการ มิลฟอร์ด โฮม สตูดิโอ ลาดพร้าว ตั้งอยู่บนพื้นที่ 1 ไร่เศษ เป็นทาวน์โฮมที่สามารถปรับเป็น Home Office หรือ Studio ราคาขายประมาณ 30 ล้านบาท จำนวนเพียง 3 ยูนิต มูลค่าประมาณ 100 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นบ้านสร้างก่อนขาย

     "การเปิดตัวแบรนด์ใหม่ "มิลฟอร์ด" จะได้รับความสนใจจากกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งจะเป็นการเติมจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญที่เข้ามาเพิ่มสัดส่วนการพัฒนาโครงการของบริษัทฯ ทั้งโครงการคอนโดฯ และโครงการแนวราบให้มีความสมดุล และทำให้การรับรู้รายได้ของบริษัทฯ มีความสม่ำเสมอมากยิ่งขึ้น ตามที่เมเจอร์ฯ ได้วางเป้าหมายสัดส่วนของโครงการคอนโดฯอยู่ที่ร้อยละ 60 และโครงการแนวราบสัดส่วนร้อยละ 40"

     สำหรับในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา บริษัทฯสามารถทำยอดขายได้แล้ว กว่า 5,000 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันของปี 66 ประมาร 150% ดังนั้น เป้ายอดขายทั้งปีที่วางไว้ 7,000 ล้านบาท จึงมั่นใจว่าเป็นไปตามแผนอย่างแน่นอน
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ