'ไฮไลฟ์กรุ๊ป' บุกเชียงใหม่ รุกอสังหาฯ-AMC-แปรรูปผลไม้ส่งออก
Loading

 'ไฮไลฟ์กรุ๊ป' บุกเชียงใหม่ รุกอสังหาฯ-AMC-แปรรูปผลไม้ส่งออก

วันที่ : 12 มิถุนายน 2567
ไฮไลฟ์ (Hylife Group) เปิดเผยว่า นอกจากการลงทุนในเชียงใหม่และภาคเหนือแล้ว กลุ่มบริษัทไฮไลฟ์ มีแผนจะขยายการลงทุนไปจังหวัดอื่นๆ ภายในระยะเวลา 5-10 ปีนี้ รวมถึงจะขยายการลงทุนไปต่างประเทศด้วย
         "เชียงใหม่" ถือเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของพื้นที่ภาคเหนือตอนบน ทำให้นักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติแห่กันเข้าไปลงทุน "กลุ่มบริษัทไฮไลฟ์" ถือเป็นหนึ่งในกลุ่มทุนจากประเทศสิงคโปร์ ที่เข้ามาลงทุนในจังหวัดเชียงใหม่ ตั้งแต่ปี 2562 โดย นาย ชูโภดีพ ดาส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท ไฮไลฟ์ (Hylife Group) เปิดเผยว่า กลุ่มบริษัทไฮไลฟ์ เป็นกลุ่มทุนจากประเทศสิงคโปร์ที่มาร่วมทุนกับนักลงทุนไทย ดำเนินธุรกิจ 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ประกอบด้วย 1.ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 2.ธุรกิจบริหารสินทรัพย์ (AMC) และ 3.ธุรกิจอุตสาหกรรมการผลิตผลไม้อบแห้ง และผลิตหน้ากากอนามัย-ผลิตภัณฑ์สุขอนามัย โดยบริษัทในเครือทั้งหมดใน 3 กลุ่มธุรกิจดังกล่าว ได้ใช้เงินลงทุนไปแล้วราว 5,500 ล้านบาท

         ทั้งนี้ เป็นการลงทุนในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มากที่สุดกว่า 4,600 ล้านบาท ทั้งการลงทุนเพื่อทำโครงการขาย การขายฝากและจำนอง รวมถึงการซื้อขายที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการ ส่วนธุรกิจบริหารสินทรัพย์ (AMC) มีการลงทุนกว่า 468 ล้านบาท โดยซื้อหนี้เสียมาพัฒนาและลงทุน และในส่วนภาคอุตสาหกรรมการผลิตได้ลงทุนไปกว่า 372 ล้านบาท โดยภายใน สิ้นปี 2567 จะลงทุนสร้างโรงงานแห่งใหม่มูลค่า 600 ล้านบาท เพื่อรองรับกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น

         สำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ดำเนินการโดยบริษัท ไฮไลฟ์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด, บริษัท ไฮไลฟ์ พรอพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด และบริษัท เอชเอ คอนสตรัคชั่น จำกัด มุ่งเน้นการพัฒนาโครงการคุณภาพสูง ครอบคลุมทั้งคอนโดมิเนียม วิลล่า ทาวน์โฮม อาคารพาณิชย์ และบ้านเดี่ยว โดยมีโครงการในจังหวัดเชียงใหม่ที่ประสบความสำเร็จ อาทิ โครงการไฮคอนโด ท่าศาลา โครงการ ไฮพาร์ค หางดง โครงการไฮลักซ์ แม่ริม (วิลล่า) และโครงการไฮทาวน์ แม่เหียะ ทั้งนี้ กลุ่มลูกค้าหลักเป็นคนไทย 80% ในภาคเหนือ (เชียงใหม่ ลำปาง เชียงราย น่าน) และอีก 20% เป็นต่างชาติ อาทิ เนเธอร์แลนด์ เมียนมา มีทั้งซื้อเพื่ออยู่อาศัย และซื้อเพื่อการลงทุน รวมถึงมีโครงการที่กำลังลงทุนในปีนี้อีก 700 ล้านบาท

         "ขณะที่ทางกลุ่มทำธุรกิจอสังหาฯ และธุรกิจการปล่อยสินเชื่อด้วย เป็นข้อได้เปรียบของบริษัทที่มีสินเชื่อควบคู่กับการขายเพื่อรองรับลูกค้า ทำให้เป็นด้านบวกในการส่งเสริมสินค้าของแต่ละบริษัทในเครือ เรามองการปล่อยกู้ผู้ซื้อต่างชาติ ซึ่งในเมืองไทยอาจไม่ปล่อยกู้ให้ต่างชาติ เราพยายามหาจุดแตกต่างที่คนอื่นไม่ทำ"

         นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทไฮไลฟ์ยังมีที่ดินในหลายจังหวัดทั่วประเทศราว 2,000 ไร่ ที่เตรียมพัฒนาโครงการในอนาคต อาทิ จังหวัดเชียงใหม่ มีที่ดินราว 650 ไร่ อยู่ในพื้นที่อำเภอจอมทอง อำเภอสันทราย ย่านฟ้าฮ่าม (ตรงข้ามเซ็นทรัลเฟสเชียงใหม่) บนถนนซูเปอร์ไฮเวย์ข้างโรงพยาบาลกรุงเทพ และถนนโชตนา รวมถึงที่ดินในจังหวัดลำพูนอีก 576 ไร่ ที่กำลังดำเนินการเปลี่ยนผังสีเพื่อทำนิคมอุตสาหกรรม และยังมีที่ดินในกรุงเทพฯ ประจวบคีรีขันธ์ พระนครศรีอยุธยา (นิคมไฮเทค) เป็นต้น

         ในส่วนของธุรกิจบริหารสินทรัพย์ ดำเนินการโดยบริษัท ไฮไลฟ์ แอสเซท จำกัด, บริษัท พินนะเคิล แอสเซท แมเนจเม้นท์ จำกัด และบริษัท ไฮเฟิสท์ จำกัด ให้บริการทางการเงินครอบคลุมสินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อที่ได้รับการสนับสนุนด้วยสินทรัพย์, การยึดทรัพย์สิน และการบริหารสินเชื่อด้อยคุณภาพ

         Mr.Shubhodeep กล่าวต่อไปว่า บริษัท พินนะเคิล แอสเซท แมเนจเม้นท์ จำกัด เสริมความแข็งแกร่งให้กับพอร์ตสินทรัพย์ในปี 2566 ด้วยการเข้าซื้อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) จากบริษัท โตโยต้า ลิสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด มูลค่า 500 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทยังได้ขยายเครือข่ายการให้บริการสินเชื่อด้อยคุณภาพเพิ่มเติม โดยทำข้อตกลงกับ BMW และบริษัท ออริโก้ (ประเทศไทย) จำกัด รวมมูลค่าสินทรัพย์ทั้งหมดกว่า 600 ล้านบาท

         และในส่วนของธุรกิจการผลิตอุตสาหกรรม แบ่งเป็น 2 บริษัท ได้แก่ บริษัท ไฮไลฟ์ โกลบอล ฟู้ดส์ จำกัด ผลิตผลไม้อบแห้งอบกรอบเพื่อการ ส่งออก อาทิ มะม่วงอบแห้ง ลำไย สับปะรดและสตรอว์เบอรี่ ภายใต้แบรนด์ "FUNCO" ตลาดหลักคือประเทศในกลุ่มตะวันออกกลาง-UAE และเฉพาะมะม่วงอบแห้งส่งออกไปสหรัฐอเมริการาว 1 ตัน ต่อวัน มีรายได้ราว 300 ล้านบาท ต่อปี โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้างโรงงานผลไม้อบแห้งอบกรอบที่อำเภอดอยหล่อ จังหวัดเชียงใหม่ ใช้เงินลงทุนกว่า 422 ล้านบาท เป็นโรงงานที่ใช้เทคโนโลยีการผลิตขั้นสูง จะแล้วเสร็จปลายปี 2567 นี้

         นอกจากนี้ ยังผลิตผลไม้สดตัดแต่ง ภายใต้แบรนด์ "FUNCO" วางจำหน่ายในริมปิง ซุปเปอร์มาร์เก็ต โลตัส และเตรียมขยายเข้าจำหน่ายในร้านสะดวกซื้อเซเว่น อีเลฟเว่น ภายในสิ้นปี 2567 ด้วย ส่วนธุรกิจการผลิตหน้ากากอนามัย เครื่องฟอกอากาศและผลิตภัณฑ์สุขอนามัย ดำเนินการโดยบริษัท ดร.ไฮจีน เมดิคอล โปรดักส์ ภายใต้แบรนด์ "ดร.ไฮจีน" มีโรงงานผลิตอยู่ที่ตำบลหนองตอง อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่

         "การที่ทางกลุ่มเลือกมาลงทุนที่เชียงใหม่และมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เชียงใหม่ ด้วยเหตุผลที่ว่า เชียงใหม่เป็นเมืองที่กำลังพัฒนา ขนาดของเมืองเอื้อต่อการลงทุน ไม่หลวมเกินไปและไม่แน่นเกินไป เมื่อเทียบกับกรุงเทพฯ ที่การลงทุนด้านต่างๆ ค่อนข้างแน่น แต่เชียงใหม่ยังมีช่องว่างที่จะทำให้ธุรกิจของกลุ่มบริษัทไฮไลฟ์เติบโตได้อีกมาก และอยากสร้างเชียงใหม่ให้เป็นศูนย์กลาง นอกจากนี้ หน่วยงานภาครัฐของจังหวัดเชียงใหม่ให้การสนับสนุนทั้งด้านเศรษฐกิจและตัวแทนกลุ่มนักธุรกิจที่มาจากต่างชาติด้วย

         นอกจากการลงทุนในเชียงใหม่และภาคเหนือแล้ว กลุ่มบริษัทไฮไลฟ์ มีแผนจะขยายการลงทุนไปจังหวัดอื่นๆ ภายในระยะเวลา 5-10 ปีนี้ รวมถึงจะขยายการลงทุนไปต่างประเทศด้วย ขณะเดียวกันเตรียมแผนที่จะเข้าตลาดหลักทรัพย์ในอนาคต คาดว่าภายในปี 2573 จะพร้อมเข้าตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งอาจจะเข้าตลาดฯ สิงคโปร์ หรือฮ่องกง โดยต้องพิจารณาว่าธุรกิจในช่วงเวลานั้นเหมาะกับที่ไหน ส่วนในประเทศไทยขึ้นอยู่กับบริษัทในเครือว่าธุรกิจไหนเหมาะสมที่จะเข้าตลาดฯ ในประเทศไทย

 
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ