รัฐจ่อออกมาตรการอุ้มอีกรอบ

    นายพรนริศ ชวนไชยสิทธิ์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย เปิดเผยว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ 3 สมาคมอสังหาริมทรัพย์ ประกอบด้วย สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย, สมาคมอาคารชุดไทย, สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร รวมทั้งสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน และสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ไทย ได้เข้าพบ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.คลัง เพื่อหารือถึงแนวทางการกระตุ้นกำลังซื้อในภาคอสังหาริมทรัพย์ เพิ่มมากขึ้น หลังจากพบว่าในไตรมาสแรกที่ผ่านมาทั้งยอดขายและยอดโอนตกต่ำที่สุดในรอบหลายปี

   "นายพิชัย ได้สอบถามความคืบหน้าถึงสถานการณ์อสังหาฯ เป็นอย่างไรบ้าง สมาคมฯ จึงได้ชี้แจงสถานการณ์ว่าปีนี้ตลาดอสังหาฯ ต่ำสุดในรอบหลายปี เพราะกำลังซื้อของคนไทยหดหายไปจากตลาดมาก ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่สอดคล้องกับมาตรการที่กระทรวงการคลังเตรียมผลักดันออกมาเพื่อช่วยกระตุ้นภาคอสังหาฯ อีกรอบ ในเร็ว ๆ นี้"

   สำหรับมาตรการที่จะช่วยกระตุ้นอสังหาฯ ขณะนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนแต่อย่างใด ซึ่งการหารือกับรองนายกฯ และ รมว.คลัง ได้พูดกันถึงประเด็นต่างชาติด้วยว่าจะมีมาตรการอะไรที่กระตุ้นให้เกิดการซื้อได้หรือไม่ อาทิ ในเรื่องการปล่อยเช่าอสังหาฯ ระยะยาว การถือครองของชาวต่างชาติ การลดขนาดบ้าน 

   ขณะเดียวกันกระทรวงการคลังยังมีแนวทางปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำให้แก่ 3 ธนาคารรัฐ ทั้งธนาคารกรุงไทย ออมสินและธนาคารอาคารสงเคราะห์ หรือ ธอส. เพื่อนำไปปล่อยสินเชื่อให้กับผู้ที่มีความต้องการซื้อบ้านอีกด้วย

   แหล่งข่าวในวงการอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า สมาคมฯยังได้หารือในเรื่องของภาษีของคนไทยที่เป็นประโยชน์แก่ผู้ซื้อ ซึ่งเป็นภาษีที่เคยถูกนำมาใช้กระตุ้นในสมัยนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ แล้วประสบความสำเร็จ รวมทั้งได้เสนอแนะให้กระทรวงการคลังหารือร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อีกครั้งเพื่อขอให้ผ่อนปรนมาตรการแอลทีวี เพื่อกระตุ้นตลาดให้มากขึ้น เพราะในเวลานี้ ธปท. คุมการปล่อยสินเชื่อที่เข้มงวดอยู่แล้ว หากใช้มาตรการแอลทีวีอีกยิ่งทำให้ภาคอสังหาฯ มีปัญหาหนักขึ้น

     ส่วนการเสนอให้มีการลดขนาดบ้านนั้น มองว่าจะช่วยทำให้ความสามารถในการซื้อดีขึ้น เพราะปัจจุบันต้นทุนการก่อสร้างปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องมาหลายปี ทำให้ราคาบ้านสูงอัตราการเข้าถึงน้อย ขณะที่สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านยังได้เสนอแนะกระทรวงการคลังในเรื่องการนำค่าว่าจ้างสร้างบ้านไปหักลดหย่อนภาษีเพิ่มมากขึ้น

    "ภาคเอกชนด้านอสังหาฯ มองว่าทั้งภาครัฐและกระทรวงการคลังเข้าใจสถานการณ์ดี โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี แต่สิ่งเหล่านี้จะต้องให้ผู้ที่เกี่ยวข้องหน่วยงานภาครัฐพิจารณาอย่างรอบคอบด้วยเช่นกัน"

     นายอิสระ บุญยัง ประธานคณะกรรมการสมาคมการค้ากลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ออกแบบและก่อสร้างสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ขณะนี้ผลกระทบจากการถูกปฏิเสธสินเชื่อที่อยู่อาศัย ได้ขยายวงกว้างมากขึ้นจากเดิมที่มีข้อจำกัดสำหรับที่อยู่อาศัยที่มีราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท ไปสู่ระดับราคา 5-7 ล้านบาท ซึ่งมีตัวเลขปฏิเสธสินเชื่อเพิ่มขึ้น ขณะที่ในภาพรวมที่ถูกปฏิเสธสินเชื่ออยู่ที่ประมาณ 30-50% ทีเดียว