ถอดใจหั่นผุดโครงการใหม่ เงินขาดเปิดลดลง10-15%

         นายพรนริศ ชวนไชยสิทธิ์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายเล็กยังเผชิญกับความท้าทายด้านการขาย เพราะส่วนใหญ่จะพัฒนาโครงการในต่างจังหวัดบ้านราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท แต่ผู้บริโภคกำลังซื้อลดลงจากสภาพเศรษฐกิจไม่ดี มีการลดโอทีหรือลดทำงานล่วงเวลา และลดการจ้างงานลง หันมาใช้หุ่นยนต์ทดแทนคนมากขึ้น ทำให้เกิดการชะลอตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย ซึ่งเห็นได้จากบ้านในพื้นที่ใกล้แหล่งนิคมอุตสาห กรรมโดยเฉพาะชลบุรีค้างสต๊อกจำนวนมาก

         นอกจากนี้ ผู้ประกอบการรายเล็กยังเข้าถึงสินเชื่อสำหรับให้พัฒนาโครงการใหม่ที่ยากขึ้น ทำให้ปี 67 รายเล็กเริ่มชะลอการเปิดโครงการใหม่ ส่วนผู้ประกอบการรายใหญ่เริ่มหันไปพัฒนาโครงการบ้านหรูจับคนที่มีกำลังซื้อสูง เพราะที่ผ่านมาบ้านหรูยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ ขณะเดียวกันการแข่งขันของรายใหญ่ ๆ จะเริ่มลดลง แต่หันมาจับมือร่วมดำเนินธุรกิจกันมากขึ้น เพื่อช่วยกันสร้างฐานลูกค้าและเพิ่มส่วนแบ่งตลาดร่วมกัน หลังจากที่เห็น 2 ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่อย่างออริจิ้นและพฤกษาประกาศจับมือกันเมื่อเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา

       ขณะที่นักลงทุนชาวจีนซึ่งก่อนหน้านี้กลุ่มกองทุนเน้นการซื้อบ้านหรูนำมาตกแต่งเพื่อขายต่อ แต่เมื่อปลายปี 66 ที่เริ่มเปลี่ยนไป ปล่อยเช่ามากขึ้นในทำเลเลียบด่วนเอกมัยรามอินทรา เพราะเศรษฐกิจจีนยังไม่ฟื้นตัวดีเท่าที่ควร ยกเว้นกลุ่มคนจีนที่มีฐานะมาซื้อเพื่ออยู่อาศัยและทำธุรกิจในไทย ทำให้บ้านหรูในย่านดังกล่าวปรับราคาขึ้นมาสูงถึงเท่าตัว และล่าสุดนักลงทุนชาวจีนนิยมลงทุนซื้อโรงแรม โรงงาน และโรงแรมระดับนานาชาติมากขึ้น เช่นเดียวกับลูกค้าไต้หวันและเมียนมาที่มาแรง สนใจซื้อที่อยู่อาศัยขนาดใหญ่ หรือห้องแบบเพนท์เฮาส์
 
       ด้าน นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า เทรนด์ธุรกิจอสังหาฯยุคนี้เป็นช่วงของปลาใหญ่กว่ากินปลาใหญ่เพราะสามารถเข้าถึงทรัพยากรได้เร็วและมากกว่า นั่นคือ เงินทุนในตลาดกำลังขาดแคลนทุกคนระวังตัวในการใช้เงิน ฉะนั้นปลาที่แข็งแรงมีโอกาสจะได้เงินทุนที่แข็งแรงกว่า ทำให้เห็นผู้ประกอบการรายกลางและรายเล็กกำลังหายไปจากตลาดเรื่อยๆ และเริ่มเกิดความเหลื่อมล้ำมากยิ่งขึ้น อีกทั้วจากการสำรวจของบริษัทพบว่า อันดับ 1-10 ของ ผู้ประกอบการอสังหาฯไม่มีรายกลางและ รายเล็กติดอันดับแต่อย่างใด ขณะเดียวกันการแข่งขันก็สูงในทุก ๆ ด้าน

       "ภาพรวมอสังหาฯ ปีนี้ปัจจัยบวก น้อยกว่าปัจจัยลบและปี 66 มีโครงการใหม่ถึง 500,000 ล้านบาท ที่น่าท้าทายเป็นอย่างมากคือ โครงการแนวราบมีมากถึง 330,000 ล้านบาท ขณะที่ความต้องการมีเท่าเดิม ในปีนี้การเปิดตัวโครงการใหม่จะมีความระมัดระวังมากขึ้น เห็นได้จากตัวเลขการเปิดตัวโครงการใหม่ที่ลดลงประมาณ 10-15% โอกาสในการขายยังใกล้เคียงกับปี 66 เพราะความต้องการคอนโดฯ เริ่มมีเพิ่มขึ้น และบ้านเดี่ยวก็มีการขายใกล้เคียงเดิม ส่วนทาวน์โฮมยังไม่มีสัญญาณการเติบโตเท่าที่ควร"