สวนทางเปิดตัวพุ่ง96% มากสุด4ปี

    หวังปี'67ดีขึ้น - สินค้าคงค้างลดลง

    นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า ผลการสำรวจโครงการที่อยู่อาศัยอยู่ระหว่างการขายในไตรมาส 3 (กรกฎาคม-กันยายน) ปี 2566 ของพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) พบว่าภาพรวมจำนวนหน่วยที่อยู่อาศัยเสนอขาย (บ้านจัดสรร และอาคารชุด) ในอีอีซี 3 จังหวัด ระหว่างไตรมาส 1-3 ในปี 2566 ปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2565 โดยไตรมาส 3 ปี 2566 มีจำนวนหน่วยที่เสนอขาย 5.15 หมื่นหน่วย ลดลง -4.4% เมื่อเทียบกับปีก่อน มูลค่า 1.73 แสนล้านบาท เป็นหน่วยเสนอขายของอาคารชุด 2.06 หมื่นหน่วย เพิ่มขึ้น 14.5% มูลค่า 7.55 หมื่นล้านบาท แต่มีหน่วยเสนอขายบ้านจัดสรร 3.09 หมื่นหน่วย ลดลง -13.9% มูลค่า 9.80 หมื่นล้านบาท

    นายวิชัยกล่าวว่า ส่วนการเปิดตัวโครงการใหม่ในพื้นที่อีอีซี จำนวน 8,078 หน่วย เพิ่มขึ้น 96.2% มูลค่า 2.94 หมื่นล้านบาท ไตรมาส 3 ปี 2566 เป็นไตรมาสที่มีหน่วยเปิดตัวใหม่สูงสุดที่สุดในรอบ 4 ปี ทั้งประเภทอาคารชุดและบ้านจัดสรร โดยหน่วยเปิดขายใหม่ส่วนใหญ่ 53.5% เป็นอาคารชุดเปิดใหม่ใน จ.ชลบุรี ขณะที่บ้านจัดสรรที่เปิดใหม่กระจายอยู่ใน จ.ชลบุรี ประมาณ 46% และอยู่ใน จ.ระยองและฉะเชิงเทรา อีกจังหวัดละประมาณ 27%

     นายวิชัยกล่าวว่า ขณะที่หน่วยขายได้ใหม่มีจำนวน 6,767 หน่วย เพิ่มขึ้น 0.4% โดยมีมูลค่า 2.25 หมื่นล้านบาท โดยพบว่าเป็นการขายอาคารชุด 2,431 หน่วย เพิ่มขึ้น 50.3% มีมูลค่า 8,678 ล้านบาท และเป็นการขายบ้านจัดสรร 4,336 หน่วย ลดลง -15.4% มีมูลค่า 1.38 หมื่นล้านบาท ทำให้สิ้นไตรมาส 3 ปี 2566 อีอีซี 3 จังหวัดมีจำนวนหน่วยอาคารชุดเหลือขาย 1.81 หมื่นหน่วย เพิ่มขึ้น 11.0% มีมูลค่ารวม 6.69 หมื่นล้านบาท ขณะที่บ้านจัดสรรที่แม้ว่าจะมียอดขายลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน แต่ยังมีจำนวนหน่วยที่ขายได้มากกว่าหน่วยที่เปิดตัวใหม่มากพอสมควร จึงทำให้มีหน่วยเหลือขาย 2.65 หมื่นหน่วย ลดลง 13.7% เมื่อเทียบกับปีก่อน มีมูลค่า 8.42 หมื่นล้านบาท

    "ภาพรวมของตลาดที่อยู่อาศัยของอีอีซี 3 จังหวัด มีการเปิดตัวโครงการใหม่ค่อนข้างคึกคักขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 2 และ 3 ปี 2566 โดยประมาณครึ่งหนึ่งของหน่วยเปิดตัวใหม่เป็นอาคารชุดที่ใน จ.ชลบุรี โครงการเหล่านี้ดึงยอดขายในพื้นที่อีอีซีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และมีข้อสังเกตว่าโครงการอาคารชุดที่ขายได้ดีมักเป็นโครงการที่เปิดตัวภายในไตรมาส หรือไม่เกิน 2 ไตรมาสก่อนหน้า โครงการอาคารชุดหลายโครงการที่เปิดมาก่อนหน้าจะยังขาย ไม่หมดและเป็นหน่วยสะสมในพื้นที่ สำหรับอีกเกือบ ครึ่งหนึ่งที่เปิดเป็นบ้านจัดสรร กระจายในพื้นที่ 3 จังหวัด พบว่าแม้ตลาดบ้านจัดสรรในอีอีซีมีหน่วยขายใหม่มากกว่าหน่วยเปิดตัวใหม่ และทำให้มีหน่วยเหลือขายลดลง ต่อเนื่อง แต่ยอดขายในช่วง 3 ไตรมาสต่ำกว่าปีก่อน ทุกไตรมาส" นายวิชัยกล่าว

     นายวิชัยกล่าวว่า สำหรับปี 2567 ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์คาดการณ์ว่าสถานการณ์โดยภาพรวมของอีอีซี 3 จังหวัดจะยังคงทรงตัวโดยมีที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่เข้ามาในตลาดจำนวนรวม 1.60 หมื่นหน่วย มูลค่า 4.78 หมื่นล้านบาท ที่อยู่อาศัยขายได้ใหม่จำนวน 2.61 หมื่นหน่วย มูลค่า 8.39 หมื่นล้านบาท อัตราการขาย ภาพรวมเพิ่มขึ้น 12.5% ส่งผลในพื้นที่ 3 จังหวัดอีอีซี มีที่อยู่อาศัยคงค้างรอการขายรวมประมาณ 2.81 หมื่นหน่วย มูลค่า 9.43 หมื่นล้านบาท หากเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้สถานการณ์โดยรวมของตลาดกำลังปรับตัวเข้าสู่สภาวะ ที่ดีขึ้น เนื่องจากสินค้าคงค้างในตลาดลดลงถึง 26.3% ซึ่งถือว่าเป็นการลดลงที่สุดในรอบ 3 ปี