สวนศก.ปี 67 ราคาที่ดินขึ้น 3-5%
Loading

สวนศก.ปี 67 ราคาที่ดินขึ้น 3-5%

วันที่ : 28 ธันวาคม 2566
ออริจิ้น กล่าวว่า การเตรียมตัวของผู้ประกอบการในปี 2567 ถ้าไม่จำเป็นไม่ต้องรีบร้อนขึ้นโครงการ เช็กดีมานด์ ทำวิจัยตลาดให้ดีๆ ถ้าหากจะกู้สถาบันการเงินเพื่อนำเงินมาลงทุน ต้องหารือกับสถาบันการเงินก่อน เพราะเกณฑ์การปล่อยสินเชื่อน่าจะเข้มข้นมากขึ้น ไม่ปล่อยง่ายเหมือนเดิม
          4บิ๊กอสังหาฯทุ่ม5หมื่นล.ซื้อสะสม

          เปิด5โซนอันตรายเสี่ยงลงทุนใหม่

          วงการอสังหาฯส่งสัญญาณราคาที่ดินปี'67 ขึ้นอีก 3-5% สวนเศรษฐกิจซบเซา 'สยาม ชิดลม เพลินจิต' ครองแพงสุด 3.6 ล้าน/วา ด้าน 4 บิ๊ก 'แสนสิริ เอพี ออริจิ้น พฤกษา' ทุ่ม 5 หมื่นล้าน ลุยซื้อแลนด์แบงก์เพิ่ม ด้าน REIC เปิด 5 โซนอันตรายสต๊อกท่วม

          นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปี 2567 บริษัทตั้งงบไว้ 10,000 ล้านบาท เพื่อซื้อที่ดินพัฒนาโครงการใหม่ทั้งแนวราบและแนวสูง และทยอยซื้อที่ดินทุกสัปดาห์ เนื่องจากบริษัทมีการจับมือกับเจ้าของที่ดินร่วมกันพัฒนาโครงการ จึงทำให้ไม่ได้ตั้งงบเพื่อซื้อที่ดินไว้มาก โดยกว่า 10 ปีที่ผ่านมา บริษัทได้พัฒนาโครงการแล้วกว่า 200 โครงการ ในจำนวนนี้เป็นร่วมทุน 100 โครงการ สำหรับปี 2567 เปิดตัวโครงการเพิ่มขึ้น 5-10% ตามการเติบโตของตลาดอสังหาฯที่คาดเติบโตขึ้น โดยสัดส่วนแนวราบและแนวสูงใกล้เคียงปี 2566 ที่เปิดคอนโดมิเนียม 22 โครงการ บ้านจัดสรร 20 โครงการ ซึ่งแนวราบเริ่มสปีดทันแนวสูงแล้ว แต่คอนโดมิเนียมยังเปิดเพิ่มทุกปี แม้มีสต๊อกคอนโดอยู่ 10,000 ล้านบาท แต่จากสถิติสามารถโอนคอนโดได้ปีละ 20,000-30,000 ล้านบาท เชื่อว่าจะขายได้ภายใน 6 เดือน

          "การเตรียมตัวของผู้ประกอบการในปี 2567 ถ้าไม่จำเป็นไม่ต้องรีบร้อนขึ้นโครงการ เช็กดีมานด์ ทำวิจัยตลาดให้ดีๆ ถ้าหากจะกู้สถาบันการเงินเพื่อนำเงินมาลงทุน ต้องหารือกับสถาบันการเงินก่อน เพราะเกณฑ์การปล่อยสินเชื่อน่าจะเข้มข้นมากขึ้น ไม่ปล่อยง่ายเหมือนเดิม" นายพีระพงศ์กล่าว

          นายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปี 2567 เตรียมงบ 7,000-10,000 ล้านบาท ซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการในปี 2568 เน้นทำเลกรุงเทพฯและปริมณฑล ส่วนปี 2567 มีที่ดินรองรับการพัฒนาโครงการที่จะเปิด 30 โครงการไว้เรียบร้อยแล้ว เป็นแนวราบ 26 โครงการและคอนโดมิเนียม 4 โครงการ

          นายขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปี 2566 คาดมีรายได้ 3,000 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้ 4,500 ล้านบาท เนื่องจากมีการโอนกรรมสิทธิ์ค่อนข้างน้อย สำหรับปี 2567 บริษัทจะหยุดการลงทุนพัฒนาโครงการใหม่และซื้อที่ดิน เพราะภาวะเศรษฐกิจและตลาดอสังหาฯยังไม่ฟื้นตัวดี ต้องรักษากระแสเงินสดนำเงินชำระหนี้หุ้นกู้ในปีหน้า 2,400 ล้านบาท อีกทั้งยังมีแนวราบ 3 โครงการ มูลค่า 10,000 ล้านบาท ที่อยู่ระหว่างการขายและคอนโดมิเนียมย่านพระราม 9 มียอดรอโอน 5,000 ล้านบาท

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัทอสังหาฯรายอื่น คาดว่าใช้งบซื้อที่ดินปี 2567 เท่ากับปี 2566 เช่น แสนสิริ 10,000 ล้านบาท เอพี ไทยแลนด์ 20,000 ล้านบาท

          นายโสภณ พรโชคชัย ประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บริษัทเอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จำกัด (AREA) กล่าวว่า ราคาที่ดินในกรุงเทพฯและปริมณฑลปรับขึ้นทุกปีแต่ในอัตราน้อยลง ปัจจัยหนุนจากรถไฟฟ้าสายใหม่ทยอยเปิด ซึ่งปี 2567 จากภาวะเศรษฐกิจยังไม่ดี แต่ราคาอาจปรับขึ้น 3-5% โดยทำเลมีราคาสูงสุด คงเป็นสยามสแควร์ ชิดลม และเพลินจิต อยู่ที่ 3.6 ล้านบาทต่อตารางวา

          นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) กล่าวว่า ทำเล 5 อันดับแรก ต้องระมัดระวังในการลงทุน หรือมีหน่วยเหลือขายมากสุด สำหรับอาคารชุด ได้แก่ ห้วยขวาง- จตุจักร-ดินแดง 10,144 หน่วย พระโขนง-บางนาสวนหลวง-ประเวศ 8,349 หน่วย ธนบุรี-คลองสานบางกอกน้อย-บางกอกใหญ่-บางพลัด 7,633 หน่วย เมืองนนทบุรี-ปากเกร็ด 7,182 หน่วย และลาดพร้าววังทองหลาง-บางกะปิ 4,978 หน่วย ส่วนบ้านจัดสรร ได้แก่ บางใหญ่-บางบัวทอง-บางกรวย-ไทรน้อย 17,582 หน่วย คลองหลวง-หนองเสือ 14,459 หน่วย ลำลูกกา-ธัญบุรี 14,177 หน่วย บางพลี-บางบ่อบางเสาธง 14,115 หน่วย และเมืองปทุมธานีลาดหลุมแก้ว-สามโคก 11,625 หน่วย