นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารและรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) กล่าวว่า เครื่องชี้ภาวะเศรษฐกิจอสัง หาริมทรัพย์เกี่ยวกับตลาดที่อยู่อาศัยของไตรมาส 3/2566 พบว่า ความต้องการหรืออุปสงค์มีจำนวนหน่วยและมูลค่าโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทั่วประเทศ 94,946 หน่วย ลดลง 7% และ 267,655 ล้านบาท ลดลง 2.6% เมื่อเทียบกับปีก่อน จากความสามารถของผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยปรับตัวลดลงจากปัจจัยลบต่างๆ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในระดับราคาปานกลางถึงราคาต่ำ ซึ่งได้ส่งผลให้มีการปรับตัวลงของปริมาณอุปทานที่อยู่อาศัยในตลาดในปี 2566 ที่ชัดเจน

          สำหรับภาพรวมทั้งปี 2566 คาดว่าจะมีการปรับตัวลดลงของทั้งอุปสงค์และอุปทานอยู่เมื่อเทียบกับปีก่อน จากการติดตามสถานการณ์ในช่วง 3 ไตรมาสอย่างต่อเนื่อง พบว่ามีสถานการณ์การโอนกรรมสิทธิ์ดีกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ในช่วงต้นปี เนื่องจากผลจากยอดขายที่ดีในปีก่อนหน้า ได้ส่งผลให้ยอดโอนกรรมสิทธิ์ปีนี้ คาดการณ์ได้ว่าในปีนี้ จะมีจำนวนหน่วยโอนกรรมสิทธิ์ 377,832 หน่วย ปรับลดจากปีก่อน -3.8% และมีมูลค่า 1.07 ล้านล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้น 0.1% เมื่อเทียบกับปีก่อน

          ขณะที่ทิศทางอสังหาริมทรัพย์ปี 2567 หากตลาดสามารถรักษาโมเมนตัมเช่นนี้ได้ ก็จะสามารถช่วยให้หน่วยและมูลค่าโอนกรรมสิทธิ์ปี 2567 มีโอกาสขยายตัวได้ 4% และ 4.6% โดยคาดว่าปีหน้าจะมียอดโอนกรรมสิทธิ์แตะ 392,936 หน่วย มูลค่า 1.114 ล้านล้านบาท มาจากบ้านแนวราบ 70% และอาคารชุด 30% ส่วนด้านอุปทานจะเริ่มกลับมาขยายตัว 2-4% รองรับการขยายตัวของอุปสงค์ในตลาดที่อยู่อาศัย ทั้งนี้ต้องให้ความสำคัญต่ออุปทานเกี่ยวกับที่อยู่อาศัยที่ยังเหลือขายในตลาดที่มีการสะสมมากเพิ่มขึ้น เนื่องจากการเพิ่มขึ้นมากและเร็วของอุปทานในช่วงก่อนหน้า แต่ยอดขายปี 66 ไม่ดีนัก ทำให้เกิดการดูดซับอุปทานเป็นไปอย่างช้า