ต่างชาติ โอนฯห้องชุดสนั่น-9เดือนพุ่ง52,000ล้านบาท พม่า ซื้อสด
Loading

ต่างชาติ โอนฯห้องชุดสนั่น-9เดือนพุ่ง52,000ล้านบาท พม่า ซื้อสด

วันที่ : 16 พฤศจิกายน 2566
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) เปิดเผยว่า คนต่างชาติยังให้ความสนใจต่อการซื้ออสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย ห้องชุดยังคงเป็นที่ต้องการของคนต่างชาติ ดังจะเห็นได้ว่า จำนวนหน่วยและมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ใน 3 ไตรมาสที่ผ่านมาสูงกว่าช่วงก่อนเกิด COVID-19
         
         สถานการณ์การโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของคนต่างชาติ หากย้อนไปดูข้อมูลจากศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ตั้งแต่ปี 2561 จนถึงงวด 9 เดือนแรกของปี 2566 นับเป็นเวลาเกือบ 6 ปีที่ทางศูนย์ข้อมูลฯได้รวบรวม DATA ส่วนนี้ นำมาเสนอต่อสาธารณะ เพื่อชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงของตลาดต่างชาติ ที่เข้ามาซื้อโครงการคอนโดมิเนียม มีการเติบโตมากน้อยเพียงใด ลักษณะของกลุ่มราคาห้องชุดที่ต่างชาติเข้ามาซื้อ จะเน้นในระดับราคาที่เท่าไหร่ โซนไหน ได้รับความนิยม

          โดยหากดูจากข้อมูลตั้งแต่ปี 2561 จนถึง 9 เดือนของปี 66 หน่วยโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของคนต่างชาติ ในแต่ละไตรมาสจะ เกินกว่า 1,000 ยูนิต ไตรมาส 4 ปี 61 สูงที่สุดถึง 3,845 ยูนิต ขณะที่มาพิจารณาในเรื่องของมูลค่าการโอนฯ ภาพรวมจะมีมูลค่า การโอนฯเกินกว่า 10,000 ล้านบาท ยกเว้นไตรมาส 2 และ 3 ปี 63 และไตรมาส 2 ถึง ไตรมาส 4 ปี 65 ที่มูลค่าการโอนฯต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยเฉพาะไตรมาส 2 ปี 63 มูลค่าการโอนฯติดลบกว่า 50%

          แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายอย่างชัดเจน มีการเปิดประเทศอย่างต่อเนื่องและเป็นปกติ ตลาดต่างชาติกลับมาพลิกฟืน และกลับมาร้อนแรงอีกครั้ง!

          โดย ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคาร และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ กางข้อมูลชี้ว่า จากการติดตามในไตรมาส 3 ปี 66 พบว่ามีจำนวนหน่วยโอนฯห้องชุดของคน ต่างชาติ 3,365 หน่วย มูลค่า 17,048 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 11.6% และ 21.1% ของการโอนฯห้องชุดทั้งหมด ตามลำดับ โดยมีการขยายในเชิงจำนวนหน่วย เพิ่มขึ้น 0.4% แต่ในเชิงมูลค่าลดลง -2.0%

          และหากในรวมยอด 9 เดือนแรกของปี 66 มีจำนวนหน่วยและมูลค่าโอนฯห้องชุดของคนต่างชาติ 10,703  หน่วย มูลค่า 52,259 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 13.6% และ 23.3% ของการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดทั้งหมด ตามลำดับ โดยมีการขยายในเชิงจำนวนหน่วยและมูลค่า เพิ่มขึ้น 37.6% และ 31.6% ตามลำดับ

          ใน 9 เดือนแรกของปี 2566 พบว่าผู้รับโอนกรรมสิทธิ์ 5 ลำดับแรก

          อันดับ 1 คือ สัญชาติจีน ยังคงซื้อห้องชุดมากที่สุดเป็น จำนวน 4,991 หน่วย มูลค่า 24,740 ล้านบาท โดยมีการซื้อขนาดพื้นที่เฉลี่ย 39.2 ตร.ม/หน่วย และมีราคาเฉลี่ย 5.0 ล้านบาท/หน่วย

          อันดับ 2 คือ รัสเซีย จำนวน 962 หน่วย มูลค่า 3,436 ล้านบาท โดยมีการซื้อขนาดพื้นที่เฉลี่ย 42.6 ตร.ม/หน่วย และมีราคาเฉลี่ย 3.6 ล้านบาท/หน่วย

          อันดับ 3 คือ สหรัฐอเมริกา จำนวน 422 หน่วย มูลค่า 2,102 ล้านบาท โดยมีการซื้อขนาดพื้นที่เฉลี่ย 55.5 ตร.ม/หน่วย และมีราคาเฉลี่ย 5.0 ล้านบาท/หน่วย

          อันดับ 4 คือ ไต้หวัน จำนวน 378 หน่วย มูลค่า 1,841 ล้านบาท โดยมีการซื้อขนาดพื้นที่เฉลี่ย 40.1 ตร.ม/หน่วย และมีราคาเฉลี่ย 4.9 ล้านบาท/หน่วย และ

          อันดับ 5 คือ สหราชอาณาจักร จำนวน 372 หน่วย มูลค่า 1,813 ล้านบาท โดยมีการซื้อขนาดพื้นที่เฉลี่ย 56.7 ตร.ม/หน่วย และมีราคาเฉลี่ย 4.9 ล้านบาท/หน่วย

          นอกจากนี้ พบว่า ผู้รับโอนฯ สัญชาติพม่า เป็นตลาดที่น่าติดตาม ที่เริ่มเข้ามาติดอันดับตั้งแต่ปี 2565 โดยใน 9 เดือนแรกปีนี้ รับโอนฯห้องชุดมีจำนวนหน่วยเป็นอันดับ 7 จำนวน 347 หน่วย (สัดส่วน 3%) แต่มีมูลค่าสูงเป็นอันดับ 3 มูลค่า 2,250 ล้านบาท (ปี 65 มูลค่าติดอันดับ 3) โดยมีการซื้อขนาดพื้นที่เฉลี่ย 51.4 ตร.ม/หน่วย และมีราคาเฉลี่ย 6.5 ล้านบาท/หน่วย

          ทั้งนี้ จังหวัดที่มีการซื้อห้องชุดของคนต่างชาติมากสุดคือ กรุงเทพมหานครและปริมณฑล, ชลบุรี, เชียงใหม่, ภูเก็ต, ประจวบ คีรีขันธ์ (หัวหิน) และระยอง

          "คนต่างชาติยังให้ความสนใจต่อการซื้ออสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย ห้องชุดยังคงเป็นที่ต้องการของคนต่างชาติ ดังจะเห็นได้ว่า จำนวนหน่วยและมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ใน 3 ไตรมาสที่ผ่านมาสูงกว่าช่วงก่อนเกิด COVID-19 แล้ว และมีสัดส่วนของการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดเพิ่มเป็น 11.6% และ 21.1% ของทั้งหมด ขณะที่ในช่วงก่อนหน้า มีสัดส่วนของหน่วยการโอนกรรมสิทธิ์ไม่เกิน 10% และมีมูลค่าการโอนฯไม่เกิน 15% ของทั้งหมดเท่านั้น ดังนั้น หากการท่องเที่ยวฟืนกลับมาเต็มที่ เชื่อว่าตลาดอาคารชุดจะได้รับความสนใจของคนต่างชาติมากยิ่งขึ้น"

          ขณะที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ อาทิเช่น บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) บริษัท ไรมอนแลนด์ จำกัด (มหาชน) และอีกหลายแห่ง ระบุในทิศทางเดียวกันว่า ลูกค้าสัญชาติพม่า เข้ามาซื้อห้องชุดกับทางโครงการ แม้จะสัดส่วนไม่มาก แต่ถือเป็น "ดีมานด์" ที่น่าสนใจในการหาขยายตลาดลูกค้าต่างชาติกลุ่มใหม่มากขึ้น