ปิดดีลซื้อขายอสังหาฯทะลุ6.5หมื่นล้าน
Loading

ปิดดีลซื้อขายอสังหาฯทะลุ6.5หมื่นล้าน

วันที่ : 6 พฤศจิกายน 2566
คอลลิเออร์ส เผยว่า ปีนี้ภูเก็ตร้อนแรงสุด หลังอสังหาฯรายใหญ่ไปซื้อที่ดินลงทุนพัฒนาโครงการคอนโดมาก ไม่ว่าออริจิ้น แอสเซทไวส์ แสนสิริ จากเดิมช่วงคอนโดบูม ที่ดินแนวรถไฟฟ้าจะซื้อขายเปลี่ยนมือกันมาก แต่ปีนี้ท่องเที่ยวฟื้นตัว ทำให้ภูเก็ตบูมมาก
          ที่ดินเปล่า-โรงแรมเมืองท่องเที่ยวฮอต

          'ภูเก็ตแตก'ทุนไทย-เทศแห่ลงทุนแสนล้าน

          นายภัทรชัย ทวีวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและการสื่อสาร บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ทุกประเภททั้งที่ดินเปล่า โรงแรม โรงงาน สำนักงาน คอนโดมิเนียม ในช่วง 3 ไตรมาสของปี 2566 มีประมาณ 47 สัญญา มูลค่า 65,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2565 มียอดซื้อขายอยู่ที่ 49,845 ล้านบาท โดยอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯและจังหวัด ท่องเที่ยว เช่น จ.ชลบุรี ภูเก็ต ระยอง กระบี่ คาดการณ์ไตรมาส 4 ยังคงมีปิดดีลการซื้อขายต่อเนื่อง ทั้งนี้เมื่อดูเฉพาะโรงแรม มีซื้อขาย 7 แห่ง มูลค่า 9,995 ล้านบาท ใกล้เคียงกับช่วงเดียวของปี 2565 มี 9 แห่ง มูลค่า 5,644 ล้านบาท ส่วนใหญ่อยู่ในหัวหิน ภูเก็ต กระบี่ ชลบุรี ขณะที่ที่ดินเปล่ามีซื้อขายเปลี่ยนมือ 44 แปลง รวม 2,598 ไร่ มูลค่า 13,400 ล้านบาท อยู่ในเมืองหลักและเมืองท่องเที่ยว หลังผู้ประกอบการรายใหญ่เข้าไปทำตลาดมากขึ้นไม่ว่า ภูเก็ต ชลบุรี ระยอง ส่วนกรุงเทพฯและแนวรถไฟฟ้าไม่ค่อยหวือหวา เพราะมีการตั้งราคาขายสูง ทำให้การซื้อขายยากขึ้น อย่างไรก็ดียังมีนำมาเสนอขายต่อเนื่อง ล่าสุดลดราคาขายลงมาอีก 20% เพื่อเร่งปิดดีลซื้อขาย และลดภาระภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง

          "ปีนี้ภูเก็ตร้อนแรงสุด หลังอสังหาฯรายใหญ่ไปซื้อที่ดินลงทุนพัฒนาโครงการคอนโดมาก ไม่ว่าออริจิ้น แอสเซทไวส์ แสนสิริ จากเดิมช่วงคอนโดบูม ที่ดินแนวรถไฟฟ้าจะซื้อขายเปลี่ยนมือกันมาก แต่ปีนี้ท่องเที่ยวฟื้นตัว ทำให้ภูเก็ตบูมมาก มีนักลงทุนไทยและต่างชาติ เช่น รัสเซีย เข้าไปลงทุนวิลล่าถึง 97 โครงการ ราคาเฉลี่ยหลังละ 35 ล้านบาท มูลค่ากว่า 1.22 แสนล้านบาท และคอนโดกว่า 20 โครงการ มูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้ราคาที่ดินปรับขึ้นเท่าตัว และหาซื้อยาก" นายภัทรชัยกล่าว

          นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) กล่าวว่า ตลาดบ้านสร้างเองมีการเติบโตทุกปี ทำให้มีการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินเปล่ากระจายตัวอยู่ทั่วประเทศ แบ่งเป็นในภูมิภาค 70% กรุงเทพฯ 30% ซึ่งในปี 2565 มีที่ดินเปล่าไม่เกิน 50 ตารางวา (ตร.ว.) โอนกรรมสิทธิ์ 344,809 แปลง มูลค่า 402,921 ล้านบาท โดยกรุงเทพฯและปริมณฑลมีมูลค่าโอนสูงสุด 164,392 ล้านบาท และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีหน่วยโอนสูงสุด 110,537 แปลง ส่วนปี 2566 ในช่วง 7 เดือน มียอดโอน 229,273 แปลง มูลค่า 222,606 ล้านบาท โดยกรุงเทพฯและปริมณฑลมีมูลค่าสูงสุด 86,806 ล้านบาท และภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีหน่วยโอนสูงสุด 76,434 แปลง

          นายวิชัยกล่าวว่า สำหรับพื้นที่ 51-100 ตร.ว. ปี 2565 มียอดโอน 219,298 แปลง มูลค่า 296,575 ล้านบาท โดยกรุงเทพฯและปริมณฑลมีมูลค่าโอนสูงสุด 119,214 ล้านบาท และภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีหน่วยโอนสูงสุด 73,334 แปลง และปี 2566 ในช่วง 7 เดือน มียอดโอน 147,935 แปลง มูลค่า 158,921 ล้านบาท โดยกรุงเทพฯและปริมณฑล มีมูลค่าโอนสูงสุด 60,270 ล้านบาท และภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีหน่วยโอนสูงสุด 51,069 แปลง ส่วนใหญ่เป็นการซื้อขายที่ดินเพื่อปลูกสร้างเป็นที่อยู่อาศัย