REIC ชี้ต้นทุนค่าก่อสร้างเพิ่ม ดันราคาขายบ้านไตรมาส 3 แพงขึ้น
Loading

REIC ชี้ต้นทุนค่าก่อสร้างเพิ่ม ดันราคาขายบ้านไตรมาส 3 แพงขึ้น

วันที่ : 18 ตุลาคม 2566
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) เปิดเผยว่า เพื่อกระตุ้นยอดขายบ้านจัดสรร พบว่า ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ใช้กลยุทธ์การจัดโปรโมชั่นด้วยการให้ของแถมมากที่สุด เช่น ฟรีแอร์ ม่าน ปั๊มน้ำ แท็งก์น้ำ มิเตอร์น้ำ มิเตอร์ไฟฟ้า จัดสวน ปูหญ้า รองลงมาเป็นการช่วยค่าใช้จ่าย ณ วันโอน เพื่ออำนวยความสะดวก และช่วยแบ่งเบาภาระของผู้ซื้อ
          นายวิชัย วิรัตกพันธ์ รักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาบ้านจัดสรรใหม่ที่อยู่ระหว่างการขายในกรุงเทพฯและปริมณฑล ไตรมาส 3 ปี 2566 ค่าดัชนีมีค่าเท่ากับ 129.8 เพิ่มขึ้น 2.1% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ที่มีค่าดัชนีเท่ากับ 127.2 และเมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ปี 2566 พบว่าดัชนีราคาบ้านจัดสรร มีการเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.1%

          ทั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่าราคาบ้านจัดสรรในไตรมาส 3 ปี 2566 ได้มีการปรับราคาขึ้นจากปีก่อนมาอย่างต่อเนื่อง โดยดัชนีราคาบ้านจัดสรรใหม่ที่เพิ่มขึ้น เป็นผลมาจากต้นทุนการก่อสร้างที่อยู่ อาศัยเพิ่มขึ้นจากปัจจัยหลายประการ เช่น ราคาที่ดิน ค่าวัสดุก่อสร้าง และค่าแรงงานที่เพิ่มขึ้น ล้วนมีผลโดยตรงต่อต้นทุนการก่อสร้างที่อยู่อาศัย ส่งผลให้การพัฒนาที่อยู่อาศัยที่ออกมาสู่ตลาดที่เปิดตัวโครงการในปี 2565 - 2566 มีราคาเสนอขายเพิ่มขึ้นตามต้นทุนที่สูงขึ้น

          อย่างไรก็ตามเพื่อกระตุ้นยอดขายบ้านจัดสรร พบว่า ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ใช้กลยุทธ์การจัดโปรโมชั่นด้วยการให้ของแถมมากที่สุด เช่น ฟรีแอร์ ม่าน ปั๊มน้ำ แท็งก์น้ำ มิเตอร์น้ำ มิเตอร์ไฟฟ้า จัดสวน ปูหญ้า รองลงมาเป็นการช่วยค่าใช้จ่าย ณ วันโอน เพื่ออำนวยความสะดวก และช่วยแบ่งเบาภาระของผู้ซื้อ

          โดยเมื่อจำแนกดัชนีราคาบ้านจัดสรรตามพื้นที่ พบว่า กรุงเทพฯ มีค่าดัชนีเท่ากับ 128.7 เพิ่มขึ้น 2.2% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 0.6% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ขณะที่ 3 จังหวัดปริมณฑล (นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ) มีค่าดัชนีเท่ากับ 129.8 เพิ่มขึ้น 1.3% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 0.5% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า

          ด้านดัชนีราคาบ้านเดี่ยว ในกรุงเทพฯและปริมณฑล ไตรมาส 3 ปี 2566 มีค่าดัชนีเท่ากับ 130.7 เพิ่มขึ้น 2.6% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นการเพิ่มขึ้น ต่อเนื่องกัน 5 ไตรมาส ตั้งแต่ไตรมาส 3 ปี 2565-ไตรมาส 3 ปี 2566 และเพิ่มขึ้น 1.2% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า โดยกรุงเทพฯ มีค่าดัชนีเท่ากับ 128.7 เพิ่มขึ้น 1.8% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 1.7% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งพบว่า ไตรมาส 3 ปี 2566 บ้านเดี่ยวในกรุงเทพฯ มีการปรับตัวขึ้นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะโครงการที่เปิดตัวใหม่ในปี 2565-2566 เนื่องจากมีต้นทุนที่สูงขึ้นจากราคาวัสดุก่อสร้างที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น

          ส่วน 3 จังหวัดปริมณฑล (นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ) มีค่าดัชนีเท่ากับ 131.3 เพิ่มขึ้น 2.7% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 0.9% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ทั้งนี้ได้พบการเปลี่ยนแปลงของราคาบ้านเดี่ยวที่มีการปรับตัวขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนต่อเนื่องกันถึง 6 ไตรมาส (ตั้งแต่ไตรมาส 2 ปี 2565-ไตรมาส 3 ปี 2566)

          ด้านดัชนีราคาทาวน์เฮ้าส์ ในกรุงเทพฯและปริมณฑล ไตรมาส 3 ปี 2566 มีค่าดัชนีเท่ากับ 129.3 เพิ่มขึ้น 1.8% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 0.5% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ทั้งนี้ พบการเปลี่ยนแปลงของดัชนีราคาลดลงครั้งแรก หลังจากเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง 3 ไตรมาส (ตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2565-ไตรมาส 2 ปี 2566) โดยกรุงเทพฯ มีค่าดัชนีเท่ากับ 128.7 เพิ่มขึ้น 2.5% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกัน ของปีก่อน แต่ลดลง 0.1% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า

          อย่างไรก็ตาม ในพื้นที่กรุงเทพฯ ราคาทาวน์เฮ้าส์ยังน่าจะมีทิศทางที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงราคาเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ต่อเนื่องกัน 4 ไตรมาส (ตั้งแต่ ไตรมาส 4 ปี 2565-ไตรมาส 3 ปี 2566) และ 3 จังหวัดปริมณฑล (นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ) มีค่าดัชนีเท่ากับ 129.2 เพิ่มขึ้น 0.5% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 1.1% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า