'เอกชน' กาง4ข้ออ้อนรัฐบาลใหม่บูมธุรกิจอสังหาฯ
         
          นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) กล่าวว่า ในปีนี้ภาคอสังหาริมทรัพย์ยังคงติดลบทั้งฝั่งดีมานด์และซัพพลาย แต่ไม่ได้เลวร้ายมากเนื่องจากปี 2565 ที่ผ่านมาเติบโตสูง แต่ในเชิงนโยบายเชื่อว่ารัฐบาลใหม่ที่เข้า มาจะช่วยผลักดันนโยบายด้านอสังหาริมทรัพย์ออกมาเพื่อกระ ตุ้นตลาดให้กลับมาขยายตัวได้ดีขึ้นอีกครั้ง

          โดยรัฐบาลควรจะสร้างโอกาสให้คนซื้อที่อยู่อาศัยได้ง่ายขึ้น ซึ่งมองว่าการตั้งกองทุนเข้ามาช่วยจึงเป็นเรื่องที่จำเป็น ที่ผ่านมามีแนวคิดจากผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์เสนอให้นำเงินโอนกรรมสิทธิ์เฉพาะที่อยู่อาศัย คิดเป็นมูลค่า 1 ล้านล้านบาท ตัดมา 10% หรือประมาณ 1 แสนล้านบาท ตั้งเป็นกองทุน และสะสมทุกปี ปีละ 1% หรือประมาณปีละ 1 หมื่นล้านบาท เพื่อนำเงินในกองทุนนี้ไปช่วยให้คนไทยมีบ้านง่ายขึ้น ด้วยการนำเงินในกองทุนนี้ไปค้ำประกัน

          โดยมีองค์กรมาบริหารจัดการ หรือปฏิรูประบบประกันสังคม เหมือนโมเดลในประเทศสิงคโปร์ที่ให้หักค่าประกันสังคมเพื่อให้คนที่ต้องการซื้อบ้าน โดยนำเงินที่สะสมไว้และเงินที่รัฐบาลสมทบไปดาวน์บ้าน ไม่ต้องจ่ายเงินดาวน์ สามารถมีบ้านได้เลยผ่านระบบการผ่อนจ่าย ซึ่งเป็นโมเดลที่เห็นมานานแล้วแต่ในประเทศไทยยังไม่มีใครทำ

          นายบดินทร์ธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด เปิดเผยว่า ความคาดหวังที่มีต่อรัฐบาลชุดใหม่ในการสนับสนุนภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มี 3-4 เรื่องหลัก ได้แก่ 1.เสนอให้ขยายเพดานบ้าน เป็นไม่เกิน 10 ล้านบาทสำหรับมาตรการลดค่าโอน-จดจำนอง จากปัจจุบัน 3 ล้านบาท เพราะเป็นกลุ่มที่มีความต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง 2.มาตรการ LTV-loan to value ให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้น

          3.เสริมกำลังซื้อลูกค้าต่างชาติ โดยการลดเกณฑ์เพื่อดึงดูดกำลังซื้อต่างชาติ เช่น ลดวงเงินลงทุนไม่ต้องถึง 30-40 ล้านบาท หรือลดเวลาที่จะสามารถใช้สิทธิประโยชน์ได้เหลือ 1 ปี หรือไม่ต้องกำหนดเรื่องระยะเวลาลงทุน และ 4.ปัญหายอดปฏิเสธ สินเชื่อจากสถาบันการเงิน โดยอาจตั้งเป็นกองทุนเฉพาะขึ้นมา เพื่อเพิ่มโอกาสให้ผู้กู้สามารถเข้าถึงสินเชื่อที่อยู่อาศัยได้มากขึ้น

          นายขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า หลังจีนเปิด ประเทศ ส่งผลดีให้ตลาดคอนโด มิเนียมคึกคักขึ้น มีลูกค้าจีนเริ่มกลับมาโอนโครงการเก่าที่ซื้อไว้ก่อนหน้านี้และมีซื้อโครงการใหม่เพิ่ม ส่วนใหญ่ซื้อเป็นบ้านหลังที่ 2 ราคา 30-40 ล้านบาท และคาดว่าอีก 3-4 เดือนข้างหน้าจะมีคนจีนเข้ามามากขึ้น