ธปท.เผยแนวโน้มเศรษฐกิจเดือนเมษายน และไตรมาส 2 ขยายตัวต่อเนื่อง อานิสงส์ท่องเที่ยว หนุนรายได้และการบริโภค ชี้ส่งออกผ่านจุดต่าสุด ระบุตัวเลขไตรมาส 1 ขยายตัวดีกว่าไตรมาสก่อนหน้า ระบุค่าไฟแพงไม่กระทบการบริโภค ด้านโบรกชี้ นักลงทุนรอโฉมหน้ารัฐบาลใหม่ รวมถึงนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น แนะนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นที่เติบโตอิงการบริโภคในประเทศที่มีปัจจัยหนุนเฉพาะตัว ชี้เป้า SNNP-CPN-KTB-BBLSIRI

          นางสาวชญาวดี ชัยอนันต์ โฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประมาณการเศรษฐกิจ ไทยงวดไตรมาส 2/2566 มีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวและรายได้จากท่องเที่ยว ซึ่งปริมาณนักท่องเที่ยวต่างชาติตั้งแต่ต้นปี 2566 - 15 เมษายน 2566 ที่ผ่านมาเดินทางเข้ามาแล้วกว่า 8.7 ล้านคนแล้ว ซึ่งจะหนุนการบริโภคปรับดีขึ้น

          ขณะที่ภาพรวมการส่งออกยังมีแนวโน้มทยอยปรับตัวดีขึ้นตามเศรษฐกิจคู่ค้า หลังจากผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วเมื่อเดือนมีนาคม 2566 ที่ ผ่านมา อย่างไรก็ดี ยังคงต้องติดตามความเสี่ยงของเศรษฐกิจการเงินโลกที่ยังคงมีความผันผวนอยู่ และการส่งผ่านต้นทุนของผู้ประกอบการ

          ท่องเที่ยวหนุนเต็มสูบ

          สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจงวดไตรมาส 1/2566 ที่ผ่านมายังสามารถขยายตัวได้เมื่อเทียบ กับทั้งไตรมาส 4/2565 (QoQ) และเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) รวมถึงมองไปข้างหน้าในไตรมาสที่ 2/2566 มีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวและรายได้จากท่องเที่ยว ซึ่งจะหนุนการบริโภคปรับดีขึ้น

          "การส่งออกผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว เมื่อพิจารณาจากเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าซึ่งคาดว่าจะทยอยปรับตัวดีขึ้นในช่วงปลายปีนี้ และการส่งออกก็น่าจะขยายตัวตาม โดยจะเริ่มเห็นในเดือนมีนาคม ว่าการส่งออกเริ่มมีสัญญาณชัดเจน สำหรับภาระต้นทุนที่เพิ่มจาก ค่าไฟที่ปรับสูงขึ้น ธปท.ได้ใส่ในประมาณการตัวเลขเศรษฐกิจและการบริโภคแล้ว ซึ่งหากนโยบายภาครัฐมีการปรับเปลี่ยนว่าจะอุดหนุนหรือไม่อุดหนุนจะมีการพิจารณาตัวเลขอีกครั้ง"

          การบริโภคฟื้นชัดเจน

          นายสุนทร ทองทิพย์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากสถิติของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) บ่งชี้ ชัดเจนว่าการบริโภคในประเทศ ฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง จากทั้ง การจ้างงานภาคการท่องเที่ยว- บริการที่เพิ่มขึ้น, การจับจ่ายใช้สอยของนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามา

          อย่างไรก็ตามภาพการ ลงทุนในงวดไตรมาส 2/2566 จะมีปัจจัยกดดันระยะสั้นคือ การเลือกตั้งในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม 2566 นักลงทุนชะลอการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจนกว่าจะเห็นความชัดเจนของรัฐบาล และนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น โดยเฉพาะนโยบายประชานิยมหลายๆ นโยบาย

          จึงแนะนำนักลงทุนเข้าลงทุนในหุ้นที่อิงภาพการบริโภคในประเทศที่มีปัจจัยหนุนเฉพาะตัว ในกลุ่มค้าปลีก อาทิ SNNP คาดกำไรปกติไตรมาส 1/2566 จะอยู่ที่ 165 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 45.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) และ เพิ่มขึ้น 4.4% เมื่อเทียบกับงวดไตรมาส 4/2565 (QoQ) กำไรปกติไตรมาส 1/2566 คิดเป็น 23.1% ของประมาณการทั้งปี 2566 ที่คาดไว้ 715 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 32.2% YoY แนะนำ "ซื้อ" ราคาเหมาะสมที่ 30.30 บาท และ "ซื้อ" CPN ราคาเหมาะสมที่ 79 บาท

          กลุ่มธนาคารซึ่งมีโอกาสเติบโตของพอร์ตสินเชื่อ และรายได้ดอกเบี้ยสุทธิตามการเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว อาทิ KTB ราคาเหมาะสม ที่ 20.40 บาท และ BBL ราคาเหมาะสมที่ 180 บาท รวมถึงกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ อาทิ SIRI ระบุในบทวิเคราะห์ SIRI รายงานยอดขาย งวดไตรมาส 1/2566 ที่ 8.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น ราว 34.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) แต่ลดลง 16.9% เมื่อเทียบกับงวดไตรมาส 4/2565 (QoQ) อย่างไรก็ตามยอดการ โอนกรรมสิทธิ์โครงการแนวราบที่มีอัตรากำไรสูงอย่างนาราสิริ, กรุงเทพกรีฑา, และเอ็กซ์ที พญาไท ยังคงสร้างรายได้ให้กับ SIRI อย่างต่อเนื่อง

          เบื้องต้นคาดการณ์รายได้รวมทั้งปี 2566 ที่ 3.6 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.7% YoY และกำไรสุทธิ 4.8 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.4% YoY เพื่อสะท้อนการจำหน่ายสินทรัพย์ และสิทธิที่เกี่ยวข้องกับกิจการของโรงเรียนสาธิตพัฒนา จึงคงคำแนะนำ"ซื้อ" ราคาเหมาะสมที่ 2.10 บาท และแนวโน้มของยอดขายที่เพิ่มขึ้นและ Upside Risk ที่อาจเกิดขึ้นต่อประมาณการกำไรในกรณี ยอดขายใหม่ที่แข็งแกร่งเกิดขึ้นจากโครงการแนวราบและโครงการคอนโดใหม่ที่งานก่อสร้างใกล้แล้วเสร็จ