ออเนอร์ฯ ลุย Mixed-Use พัทยารับแผนบูม EEC
วันที่ : 5 สิงหาคม 2565
ทำเล พัทยา ชลบุรี จะยังคงมีการเติบโตด้านการลงทุนและตลาดอสังหาฯ เพราะผู้ประกอบการยังเชื่อมั่นในศักยภาพของทำเลที่มีความพร้อมในหลายๆ ด้าน
นายคริส เชิดสุริยา ที่ปรึกษาคณะกรรมการบริหาร บริษัท ออเนอร์ กรุ๊ป จำกัด ผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำในพัทยามากว่า 20 ปี เปิดเผยว่า ในช่วงกว่า 2 ปีที่ผ่านมาที่เกิดการระบาดโควิด-19 และได้ล็อกดาวน์ประเทศยอมรับส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจต่างๆค่อนข้างมากทั้งภาคการท่องเที่ยว รวมถึงตลาดอสังหาริมทรัพย์ แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นนี้ค่อยๆ คลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น หลังจากที่มีการเปิดประเทศมากขึ้น ทำให้นักท่องเที่ยวเริ่มกลับมา ซึ่งนอกจากนักท่องเที่ยวที่เป็นชาวไทยแล้ว ยังมีชาวต่างชาติเข้ามามากขึ้น โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวอินเดีย ร้านค้า ร้านอาหารเปิดให้บริการได้ตามปกติ รวมถึงการจองห้องพักในโรงแรมต่างๆ ก็มีมากขึ้นด้วยเมื่อเทียบกับช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ คาดว่าตลอดทั้งปี 2565 นี้จะมีนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวในไทยราว 6 ล้านคน คาดจะสร้างรายได้ 6 หมื่นล้านบาท ใกล้เคียงกับปี 2563 และคาดการณ์ปลายปี 2565 ทั้งจำนวนนักท่องเที่ยวและยอดรายได้ที่เกิดจากนักท่องเที่ยวน่าจะขยับขึ้นมาอยู่ที่ 90% ก่อนเกิดการระบาดของโควิด-19
ชลบุรีเป็น “เมืองท่า” เทียบชั้นโอซาก้า ของโตเกียว
นายคริส ยังกล่าวให้ความเห็นอีกว่า ส่วนตัวยังมองทำเล พัทยา ชลบุรี จะยังคงมีการเติบโตด้านการลงทุนและตลาดอสังหาฯ เพราะผู้ประกอบการยังเชื่อมั่นในศักยภาพของทำเลที่มีความพร้อมในหลายๆ ด้าน และการที่รัฐบาลให้ความสำคัญยกระดับให้ชลบุรีซึ่งเป็นหนึ่งในสามจังหวัดพื้นที่ EEC เป็นต้นแบบพัฒนาเชิงพื้นที่ยุทธศาสตร์ ประกอบกับได้มีนโยบายการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ต่างๆ หลายโครงการมาอย่างต่อเนื่อง อาทิ โครงการรถไฟความเร็วสูง เชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง - สุวรรณภูมิ - อู่ตะเภา) ซึ่งปัจจุบันได้มีการส่งมอบพื้นที่ไปแล้ว 100% รวมถึงโครงการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะเมืองพัทยา เช่น โครงการรถไฟรางเบา (โมโนเรล) เพื่อบริการรับส่งผู้โดยสารที่เดินทางมาด้วยรถไฟความเร็วสูงให้เข้าสู่พื้นที่ของเมืองพัทยา และโครงการ NEO PATTAYA ยกระดับเป็นศูนย์กลางท่องเที่ยว EEC สร้างรายได้ชุมชนยั่งยืน ปัจจัยบวกเหล่านี้จะสนับสนุนให้พัทยา ชลบุรีไม่ใช่แค่เมืองท่องเที่ยว แต่จะกลายเป็น “เมืองท่า” สำคัญของกรุงเทพฯ เทียบได้กับโตเกียวที่มี “โอซาก้า” เป็นเมืองท่า
นอกจากนี้ ยังมีแม็กเน็ตใหม่ที่ดึงดูดกำลังซื้อและนักลงทุนเข้ามาซื้อที่อยู่อาศัยนั่นคือ มาตรการที่กระทรวงมหาดไทย โดยกรมที่ดินที่จะออกกฎกระทรวงมหาดไทยเพิ่มเติม เรื่องการให้สิทธิคนต่างด้าว (ต่างชาติ) ที่นำเงินมาลงทุนไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาทและคงการลงทุนไว้ไม่น้อยกว่า 3 ปี จะได้สิทธิถือครองที่ดินเพื่ออยู่อาศัยได้ไม่เกิน 1 ไร่ รวมถึงโครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่ล่าสุดมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบให้คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) เข้าไปใช้ประโยชน์ที่ดิน ส.ป.ก.จำนวนกว่า 14,000 ไร่ ในท้องที่ตำบลห้วยใหญ่ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี เพื่อพัฒนาโครงการศูนย์ธุรกิจ EEC และเมืองใหม่น่าอยู่อัจฉริยะ ใช้เงินลงทุนประมาณ 1.34 ล้านล้านบาท เกิดการจ้างงานใหม่ไม่น้อยกว่า 200,000 ตำแหน่ง มีระยะเวลาการพัฒนา 10 ปี (ปี 2566-2575)
เดินหน้าลุยโครงการ Mixed-Use สร้างจุดต่างใจกลางเมืองพัทยารับแผนบูม EEC
ด้าน นางสาวธิดา เชิดสุริยา ประธานกรรมการบริหาร บริษัทในเครือออเนอร์ กรุ๊ป ผู้พัฒนาโครงการกล่าวว่า แม้ว่าช่วงที่ผ่านมาจะเผชิญกับวิกฤติการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 แต่บริษัทฯ ก็ไม่หยุดงานของโครงการฯ ซึ่งก่อสร้างบนที่ดินกว่า 4.5 ไร่ ติดถนนพัทยาสาย 3 ประกอบด้วยโรงแรม ร้านค้า และคอนโดมิเนียม รวมมูลค่าโครงการทั้งสิ้นกว่า 3,500 ล้านบาท เป็นคอนโดมิเนียมพัฒนาภายใต้ชื่อ วันส์ พัทยา ONCE PATTAYA เป็นอาคารสูง 32 ชั้น จำนวนห้องพักอาศัยรวม 427 ยูนิต ขนาดพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 28.4-201 ตารางเมตร (ตร.ม.) ตามเอกสารขาย/ราคาเฉลี่ย 140,000 บาท ต่อ ตร.ม. รวมมูลค่าโครงการประมาณ 2,000 ล้านบาท ปัจจุบันคอนโดมิเนียม ONCE PATTAYA มียอดขายแล้วประมาณ 70% ซึ่งก็มีทั้งลูกค้าที่เป็นคนไทยและชาวต่างชาติ ซื้อเพื่ออยู่อาศัยเป็นบ้านหลังที่ 2 และซื้อเพื่อการลงทุน ซึ่งทางโครงการยังได้บัตรสมาชิก “Thailand Elite” ของบริษัทไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด (ทีพีซี) รับสิทธิพิเศษของ Privilege Elite Visa สามารถอยู่อาศัยระยะยาวแบบ Long Stay Visa ในเมืองไทยได้นานถึง 20 ปี และขณะนี้ทางโครงการได้จัดโปรโมชั่น Guarantee Yield 6% นาน 3 ปี ด้วยเช่นกัน หากลูกค้าสนใจสามารถเข้าไปชมรายละเอียดโครงการได้ที่ www.honourthailand.com หรือ โทรสอบถามได้ที่เบอร์โทร. 061-653-6599
สำหรับความคืบหน้าการก่อสร้างคอนโดมิเนียม ONCE PATTAYA นั้นงานด้านโครงสร้างดำเนินงานไปแล้ว 99%, งานด้านสถาปัตย์อยู่ที่ 70% และงานวางระบบต่างๆ อยู่ที่ 90% สรุปโดยรวมแล้วงานก่อสร้าง ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2565 ดำเนินงานไปแล้วอยู่ที่ 80% คาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมโอนให้ลูกค้าเข้าอยู่ได้ตามแผนภายในต้นปี 2566
ชลบุรีเป็น “เมืองท่า” เทียบชั้นโอซาก้า ของโตเกียว
นายคริส ยังกล่าวให้ความเห็นอีกว่า ส่วนตัวยังมองทำเล พัทยา ชลบุรี จะยังคงมีการเติบโตด้านการลงทุนและตลาดอสังหาฯ เพราะผู้ประกอบการยังเชื่อมั่นในศักยภาพของทำเลที่มีความพร้อมในหลายๆ ด้าน และการที่รัฐบาลให้ความสำคัญยกระดับให้ชลบุรีซึ่งเป็นหนึ่งในสามจังหวัดพื้นที่ EEC เป็นต้นแบบพัฒนาเชิงพื้นที่ยุทธศาสตร์ ประกอบกับได้มีนโยบายการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ต่างๆ หลายโครงการมาอย่างต่อเนื่อง อาทิ โครงการรถไฟความเร็วสูง เชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง - สุวรรณภูมิ - อู่ตะเภา) ซึ่งปัจจุบันได้มีการส่งมอบพื้นที่ไปแล้ว 100% รวมถึงโครงการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะเมืองพัทยา เช่น โครงการรถไฟรางเบา (โมโนเรล) เพื่อบริการรับส่งผู้โดยสารที่เดินทางมาด้วยรถไฟความเร็วสูงให้เข้าสู่พื้นที่ของเมืองพัทยา และโครงการ NEO PATTAYA ยกระดับเป็นศูนย์กลางท่องเที่ยว EEC สร้างรายได้ชุมชนยั่งยืน ปัจจัยบวกเหล่านี้จะสนับสนุนให้พัทยา ชลบุรีไม่ใช่แค่เมืองท่องเที่ยว แต่จะกลายเป็น “เมืองท่า” สำคัญของกรุงเทพฯ เทียบได้กับโตเกียวที่มี “โอซาก้า” เป็นเมืองท่า
นอกจากนี้ ยังมีแม็กเน็ตใหม่ที่ดึงดูดกำลังซื้อและนักลงทุนเข้ามาซื้อที่อยู่อาศัยนั่นคือ มาตรการที่กระทรวงมหาดไทย โดยกรมที่ดินที่จะออกกฎกระทรวงมหาดไทยเพิ่มเติม เรื่องการให้สิทธิคนต่างด้าว (ต่างชาติ) ที่นำเงินมาลงทุนไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาทและคงการลงทุนไว้ไม่น้อยกว่า 3 ปี จะได้สิทธิถือครองที่ดินเพื่ออยู่อาศัยได้ไม่เกิน 1 ไร่ รวมถึงโครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่ล่าสุดมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบให้คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) เข้าไปใช้ประโยชน์ที่ดิน ส.ป.ก.จำนวนกว่า 14,000 ไร่ ในท้องที่ตำบลห้วยใหญ่ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี เพื่อพัฒนาโครงการศูนย์ธุรกิจ EEC และเมืองใหม่น่าอยู่อัจฉริยะ ใช้เงินลงทุนประมาณ 1.34 ล้านล้านบาท เกิดการจ้างงานใหม่ไม่น้อยกว่า 200,000 ตำแหน่ง มีระยะเวลาการพัฒนา 10 ปี (ปี 2566-2575)
เดินหน้าลุยโครงการ Mixed-Use สร้างจุดต่างใจกลางเมืองพัทยารับแผนบูม EEC
ด้าน นางสาวธิดา เชิดสุริยา ประธานกรรมการบริหาร บริษัทในเครือออเนอร์ กรุ๊ป ผู้พัฒนาโครงการกล่าวว่า แม้ว่าช่วงที่ผ่านมาจะเผชิญกับวิกฤติการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 แต่บริษัทฯ ก็ไม่หยุดงานของโครงการฯ ซึ่งก่อสร้างบนที่ดินกว่า 4.5 ไร่ ติดถนนพัทยาสาย 3 ประกอบด้วยโรงแรม ร้านค้า และคอนโดมิเนียม รวมมูลค่าโครงการทั้งสิ้นกว่า 3,500 ล้านบาท เป็นคอนโดมิเนียมพัฒนาภายใต้ชื่อ วันส์ พัทยา ONCE PATTAYA เป็นอาคารสูง 32 ชั้น จำนวนห้องพักอาศัยรวม 427 ยูนิต ขนาดพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 28.4-201 ตารางเมตร (ตร.ม.) ตามเอกสารขาย/ราคาเฉลี่ย 140,000 บาท ต่อ ตร.ม. รวมมูลค่าโครงการประมาณ 2,000 ล้านบาท ปัจจุบันคอนโดมิเนียม ONCE PATTAYA มียอดขายแล้วประมาณ 70% ซึ่งก็มีทั้งลูกค้าที่เป็นคนไทยและชาวต่างชาติ ซื้อเพื่ออยู่อาศัยเป็นบ้านหลังที่ 2 และซื้อเพื่อการลงทุน ซึ่งทางโครงการยังได้บัตรสมาชิก “Thailand Elite” ของบริษัทไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด (ทีพีซี) รับสิทธิพิเศษของ Privilege Elite Visa สามารถอยู่อาศัยระยะยาวแบบ Long Stay Visa ในเมืองไทยได้นานถึง 20 ปี และขณะนี้ทางโครงการได้จัดโปรโมชั่น Guarantee Yield 6% นาน 3 ปี ด้วยเช่นกัน หากลูกค้าสนใจสามารถเข้าไปชมรายละเอียดโครงการได้ที่ www.honourthailand.com หรือ โทรสอบถามได้ที่เบอร์โทร. 061-653-6599
สำหรับความคืบหน้าการก่อสร้างคอนโดมิเนียม ONCE PATTAYA นั้นงานด้านโครงสร้างดำเนินงานไปแล้ว 99%, งานด้านสถาปัตย์อยู่ที่ 70% และงานวางระบบต่างๆ อยู่ที่ 90% สรุปโดยรวมแล้วงานก่อสร้าง ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2565 ดำเนินงานไปแล้วอยู่ที่ 80% คาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมโอนให้ลูกค้าเข้าอยู่ได้ตามแผนภายในต้นปี 2566
ข่าวเขตเศรษฐกิจพิเศษ อื่นๆ