นายพัทธนันท์ พิสุทธิ์วิมล นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ต กล่าวว่า นโยบายการขยายโควตาให้ต่างชาติซื้อคอนโดมิเนียมจาก 49% เป็น 70% นั้น แม้จะทำให้มีโอกาสซื้อได้มากขึ้น หรือทำการตลาดและขายได้ง่ายขึ้น แต่ไม่ช่วย กระตุ้นความต้องการซื้อเพิ่มขึ้นหากเทียบการเปิดโอกาสให้ต่างชาติซื้อกรรมสิทธิ์แนวราบ (บ้านจัดสรร) ซึ่งพบว่าแนวโน้มความต้องการของลูกค้าต่างชาติหลังวิกฤติโควิด-19 โดยเฉพาะชาวจีนต้องการซื้อบ้านในลักษณะพูลวิลล่ามากขึ้น

          อย่างไรก็ตาม การให้ต่างชาติซื้อกรรมสิทธิ์แนวราบนับเป็นเรื่องใหม่ ซึ่งที่ผ่านมาประเทศไทยไม่อนุญาตให้ต่างชาติซื้อได้ นอกจากให้เช่าระยะยาวหรือลีสโฮลด์ (Leasehold) เท่านั้น แนวทางดำเนินการควรแบ่งสัดส่วนเช่นเดียวกับคอนโดให้ต่างชาติถือครอง ได้ 49% คนไทยถือครอง 51%

          นโยบายนี้จะมีผลทำให้ชาวต่างชาติ อยากซื้อมากขึ้น  หากทำได้จะมีผลดีแน่นอน โดยอาจมีเงื่อนไขต้องซื้อบ้าน หลังละ 10 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งไม่น่าจะมี ปัญหาสำหรับชาวต่างชาติอย่างคนจีน รัสเซีย และประเทศเอเชียที่มีกำลังซื้อ ยิ่งสามารถถือครองสิทธิ์ได้ช่วยสร้างแรงจูงใจให้อยากซื้อเพิ่มขึ้น"

          อีกนโยบายที่จะกระตุ้นให้คนซื้อได้คือการเพิ่มระยะเวลาการเช่าระยะยาวจากปัจจุบันอยู่ที่ 30 ปี ต่อได้อีก 30 ปี หากขยายเป็น 50 ปี บวก 30 ปี หรือบวก 40 ปี จะกระตุ้นให้ต่างชาติต้องการซื้อมากขึ้น เนื่องจากพฤติกรรมการอยู่อาศัยของชาวต่างชาติปัจจุบัน มีการซื้อบ้านเร็วขึ้น อายุน้อยลง บางคนซื้ออายุ 30-40 ปี โดยเฉพาะคนจีนอายุ 30 ปีมีศักยภาพในการซื้ออสังหาริมทรัพย์แล้ว ดังนั้นเมื่ออายุ 60 ปี หมดสัญญาแล้ว และต่อสัญญา 30 ปี อีกรอบหนึ่ง ซึ่งเป็นการต่อโดยไม่มีกฎหมายรองรับจึงมีความไม่แน่นอน

          ฉะนั้น หากเป็นไปได้ว่าขยายเวลาเช่าออกไปถึง 50 ปี ผู้ที่ซื้ออายุ 30-40 ปี บวกอีก 50 ปี รวมเป็น 80-90ปี จะทำให้ รู้สึกคุ้มค่าเพราะอยู่ได้ชั่วชีวิต จะกระตุ้นการตัดสินใจซื้อให้เกิดผลมากกว่ากับการเพิ่มเปอร์เซ็นต์โควตาต่างชาติให้สามารถซื้อคอนโดได้มากขึ้น

          นางกมลภัทร แสวงกิจ ผู้จัดการใหญ่ ประจำประเทศไทย ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ กล่าวว่า การให้ต่างชาติเข้ามาซื้อ อสังหาฯ ไทย ปัจจุบันมีกำหนดหลักเกณฑ์ อยู่แล้วหากเป็นคอนโด ชาวต่างชาติซื้อได้ไม่เกิน 49% ส่วนบ้านแนวราบซื้อไม่ได้ ยกเว้นจดเป็นทะเบียนบริษัท โดยส่วนตัวมองว่า การขยายเพดานโควตาชาวต่างชาติจะช่วยได้ แต่อาจต้องจำกัดสิทธิบางอย่าง เช่น การโหวตนิติบุคคลเพื่อให้คนไทยมีสิทธิเป็นส่วนมากในการตัดสินใจเรื่องต่างๆ จากเดิมคอนโดสัดส่วนชาว ต่างชาติ 49% อาจขยายไป 70% หากทำได้จะช่วยระบายซัพพลายในตลาด แต่อาจต้องไปจำกัดเรื่องของราคา ที่เราจะอนุญาตให้ต่างชาติเข้ามาซื้อเหมือนมาเลเซียให้ซื้ออสังหาฯ มูลค่าขั้นต่ำ 1 ล้านริงกิต หรือ 8 ล้านบาทขึ้นไป ส่วนนโยบายที่เปิดโอกาสให้ต่างชาติซื้อกรรมสิทธิ์บ้านแนวราบนั้นจากเดิมที่ไม่อนุญาต ควรขยายเพดานไม่ควรเกิน 50% เพราะเวลาซื้อบ้านจะครอบครองทั้งตัวบ้านและที่ดินด้วย ฉะนั้นต้องพิจารณาสัดส่วนที่เหมาะสม