คอนโดฯภูเก็ตรับแรงกระทบพิษโควิด ผู้ซื้อต่างชาติลดฮวบ-ลากยาวอีก6เดือน
วันที่ : 3 เมษายน 2563
คอนโดภูเก็ต ชะงัก ต่างชาติหาย ส่อลากยาว6 เดือน
"ไนท์แฟรงค์ ภูเก็ต" ประเมินคอนโดฯภูเก็ตได้รับผล กระทบรุนแรงจากการระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 กลุ่มผู้ซื้อหลักชาวต่างชาติ เผยจีน ฮ่องกง สิงคโปร์ ยอดเดินทางเข้าไทยลดฮวบ หลังเจอพิษโควิด-19 ประเมินสถานการณ์ลากยาวอีก 6 เดือน
นายณัฏฐา คหาปนะ กรรมการบริหาร บริษัท ไนท์แฟรงค์ ภูเก็ต จำกัด กล่าวถึงแนวโน้มตลาดคอนโดมิเนียมในภูเก็ตในปีพ.ศ.2563 ว่า ธุรกิจอสังหา- ริมทรัพย์ในภูเก็ต เป็นธุรกิจที่เติบโตไปกับภาคการท่องเที่ยวในภูเก็ต เนื่องจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ คือ กลุ่มลูกค้าหลักที่เข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ต และเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้ให้กับจังหวัด โครงการคอนโดมิเนียมที่เปิดขายในภูเก็ต เปิดขายในลักษณะการันตีผลตอบแทนจากการปล่อยเช่า(ยิลด์) ทั้งนี้ ผลจากการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) น่าจะส่งผล กระทบอย่างใหญ่กับตลาดคอนโดมิเนียมในภูเก็ต เนื่องจากกลุ่มผู้ซื้อส่วนใหญ่
ถึงร้อยละ 90 เป็นชาวต่างชาติ (มีกลุ่มคนไทยเพิ่มขึ้นด้วย (ร้อยละ 10%) และกลุ่มหลักคือ ชาวจีน ,ฮ่องกง และสิงคโปร์ ซึ่งเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบหนักจากไวรัสโควิด-19 และในช่วงที่เริ่มมีการแพร่ระบาด พบว่านักท่องเที่ยวชาวจีน ฮ่องกง สิงคโปร์ ได้ลดจำนวนลงเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้นักท่องเที่ยวชาวยุโรปยังลดการเดินทางเข้ามาในประเทศในแถบเอเชีย รวมถึงประเทศ ไทยอีกด้วย และคาดว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นจากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 น่าจะลากยาวไปอีก 6 เดือน
จากผลวิจัยไนท์แฟรงค์ประเทศไทย ณ ปลายปี พ.ศ. 2562 อุปทาน(ซัปพลาย)คอนโดมิเนียมในภูเก็ต มีจำนวนทั้งสิ้น 25,932 หน่วย โดยปีที่ผ่านมา มีการเปิดขายใหม่สูงถึง 5,545 หน่วย จากทั้งสิ้น 21 โครงการคอนโดมิเนียมจะเห็นได้ว่าตั้งแต่ปี พ.ศ. 2560 เป็นต้นมา จำนวนหน่วยที่เปิดขายใหม่มีเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก จากเดิมที่ในช่วงก่อนปี พ.ศ. 2559 คอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่เฉลี่ยต่อปี อยู่ที่ประมาณ 1,800-2,000 หน่วยต่อปี มาในระยะ 3 ปี หลัง จำนวนหน่วยเปิดขายใหม่คอนโดมิเนียมเพิ่มขึ้นมาเป็น 4,000 ห้อง และปีพ.ศ. 2562 เปิดขายใหม่ในภูเก็ตมีจำนวนสูงที่สุด คือ 5,545 ห้อง โดยส่วนใหญ่อยู่บริเวณหาดสุรินทร์ถึงร้อยละ 20 เนื่องจากมีโครงการขนาดใหญ่เปิดขาย รองลงมาได้แก่ บริเวณหาดลายัน และ หาดราไวย์ คิดเป็นสัดส่วนในอัตราร้อยละ 17 และ 14 ตามลำดับ
ขณะที่อุปสงค์(ดีมานด์) จำนวนหน่วยขายสะสมของคอนโดมิเนียมใน ภูเก็ตปีพ.ศ.2562 มีทั้งสิ้น 19,199 หน่วย จากจำนวนอุปทานรวม 25,932 หน่วย คิดเป็นอัตราการขายที่ร้อยละ 74 ซึ่งมีจำนวนหน่วยเหลือขายประมาณ 6,733 หน่วย จำนวนหน่วยคอนโดมิเนียมที่ขายได้ใหม่ในปี พ.ศ. 2562 มีจำนวนหน่วยขายสูงถึง 4,177 หน่วย ซึ่งจำนวนหน่วยขายพอๆ กับปี พ.ศ. 2561
ปัจจัยหลักที่ทำให้คอนโดมิเนียมในภูเก็ตค่อนข้างขายดี เนื่องจากหลายโครงการที่เปิดขายใหม่ มักจะเสนอผลตอบแทนการลงทุนกับผู้ซื้อเป็นระยะเวลา 3-5 ปี (การันตีผลตอบแทน) และยังสามารถเข้าพักได้ ในระยะเวลา 30-45 วันต่อปี จะเห็นได้ว่าโครงการที่เปิดขายใหม่ในปี พ.ศ. 2562 ถึง 86% หรือ 18 โครงการ จาก 21 โครงการ ที่การันตีผลตอบแทนให้กับผู้ซื้อ
ราคาขายคอนโดมิเนียมในภูเก็ตมีการปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยคอนโดมิเนียมที่เห็นวิวทะเลมีระดับราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 193,590 บาทต่อตารางเมตร(ตร.ม.) โดยมีค่าเฉลี่ยสะสมในการปรับตัวในระยะเวลา 8 ปี (CAGR) อยู่ในอัตราร้อยละ 7.6 ส่วนคอนโดมิเนียมที่เห็นวิวทะเลบางส่วนมีระดับราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 107,000 บาทต่อ ตร.ม. ปรับตัวขึ้นในระยะ 8 ปี อยู่ในอัตราร้อยละ 3.3 และคอนโดมิเนียมที่ไม่เห็นวิวทะเล มีระดับราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 79,300 บาทต่อตร.ม.ปรับตัวขึ้นในอัตราร้อยละ 3.5
นายณัฏฐา คหาปนะ กรรมการบริหาร บริษัท ไนท์แฟรงค์ ภูเก็ต จำกัด กล่าวถึงแนวโน้มตลาดคอนโดมิเนียมในภูเก็ตในปีพ.ศ.2563 ว่า ธุรกิจอสังหา- ริมทรัพย์ในภูเก็ต เป็นธุรกิจที่เติบโตไปกับภาคการท่องเที่ยวในภูเก็ต เนื่องจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ คือ กลุ่มลูกค้าหลักที่เข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ต และเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้ให้กับจังหวัด โครงการคอนโดมิเนียมที่เปิดขายในภูเก็ต เปิดขายในลักษณะการันตีผลตอบแทนจากการปล่อยเช่า(ยิลด์) ทั้งนี้ ผลจากการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) น่าจะส่งผล กระทบอย่างใหญ่กับตลาดคอนโดมิเนียมในภูเก็ต เนื่องจากกลุ่มผู้ซื้อส่วนใหญ่
ถึงร้อยละ 90 เป็นชาวต่างชาติ (มีกลุ่มคนไทยเพิ่มขึ้นด้วย (ร้อยละ 10%) และกลุ่มหลักคือ ชาวจีน ,ฮ่องกง และสิงคโปร์ ซึ่งเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบหนักจากไวรัสโควิด-19 และในช่วงที่เริ่มมีการแพร่ระบาด พบว่านักท่องเที่ยวชาวจีน ฮ่องกง สิงคโปร์ ได้ลดจำนวนลงเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้นักท่องเที่ยวชาวยุโรปยังลดการเดินทางเข้ามาในประเทศในแถบเอเชีย รวมถึงประเทศ ไทยอีกด้วย และคาดว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นจากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 น่าจะลากยาวไปอีก 6 เดือน
จากผลวิจัยไนท์แฟรงค์ประเทศไทย ณ ปลายปี พ.ศ. 2562 อุปทาน(ซัปพลาย)คอนโดมิเนียมในภูเก็ต มีจำนวนทั้งสิ้น 25,932 หน่วย โดยปีที่ผ่านมา มีการเปิดขายใหม่สูงถึง 5,545 หน่วย จากทั้งสิ้น 21 โครงการคอนโดมิเนียมจะเห็นได้ว่าตั้งแต่ปี พ.ศ. 2560 เป็นต้นมา จำนวนหน่วยที่เปิดขายใหม่มีเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก จากเดิมที่ในช่วงก่อนปี พ.ศ. 2559 คอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่เฉลี่ยต่อปี อยู่ที่ประมาณ 1,800-2,000 หน่วยต่อปี มาในระยะ 3 ปี หลัง จำนวนหน่วยเปิดขายใหม่คอนโดมิเนียมเพิ่มขึ้นมาเป็น 4,000 ห้อง และปีพ.ศ. 2562 เปิดขายใหม่ในภูเก็ตมีจำนวนสูงที่สุด คือ 5,545 ห้อง โดยส่วนใหญ่อยู่บริเวณหาดสุรินทร์ถึงร้อยละ 20 เนื่องจากมีโครงการขนาดใหญ่เปิดขาย รองลงมาได้แก่ บริเวณหาดลายัน และ หาดราไวย์ คิดเป็นสัดส่วนในอัตราร้อยละ 17 และ 14 ตามลำดับ
ขณะที่อุปสงค์(ดีมานด์) จำนวนหน่วยขายสะสมของคอนโดมิเนียมใน ภูเก็ตปีพ.ศ.2562 มีทั้งสิ้น 19,199 หน่วย จากจำนวนอุปทานรวม 25,932 หน่วย คิดเป็นอัตราการขายที่ร้อยละ 74 ซึ่งมีจำนวนหน่วยเหลือขายประมาณ 6,733 หน่วย จำนวนหน่วยคอนโดมิเนียมที่ขายได้ใหม่ในปี พ.ศ. 2562 มีจำนวนหน่วยขายสูงถึง 4,177 หน่วย ซึ่งจำนวนหน่วยขายพอๆ กับปี พ.ศ. 2561
ปัจจัยหลักที่ทำให้คอนโดมิเนียมในภูเก็ตค่อนข้างขายดี เนื่องจากหลายโครงการที่เปิดขายใหม่ มักจะเสนอผลตอบแทนการลงทุนกับผู้ซื้อเป็นระยะเวลา 3-5 ปี (การันตีผลตอบแทน) และยังสามารถเข้าพักได้ ในระยะเวลา 30-45 วันต่อปี จะเห็นได้ว่าโครงการที่เปิดขายใหม่ในปี พ.ศ. 2562 ถึง 86% หรือ 18 โครงการ จาก 21 โครงการ ที่การันตีผลตอบแทนให้กับผู้ซื้อ
ราคาขายคอนโดมิเนียมในภูเก็ตมีการปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยคอนโดมิเนียมที่เห็นวิวทะเลมีระดับราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 193,590 บาทต่อตารางเมตร(ตร.ม.) โดยมีค่าเฉลี่ยสะสมในการปรับตัวในระยะเวลา 8 ปี (CAGR) อยู่ในอัตราร้อยละ 7.6 ส่วนคอนโดมิเนียมที่เห็นวิวทะเลบางส่วนมีระดับราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 107,000 บาทต่อ ตร.ม. ปรับตัวขึ้นในระยะ 8 ปี อยู่ในอัตราร้อยละ 3.3 และคอนโดมิเนียมที่ไม่เห็นวิวทะเล มีระดับราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 79,300 บาทต่อตร.ม.ปรับตัวขึ้นในอัตราร้อยละ 3.5
ข่าวอสังหาริมทรัพย์ภูมิภาค อื่นๆ