ลุ้นบอร์ดอีอีซีฉลุย5โครงการ ชงครม.ผ่านก่อนเซ็นสัญญา
วันที่ : 13 พฤษภาคม 2562
นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (สพอ.) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) วันที่ 13 พ.ค.นี้ สำนักงานจะเสนอที่ประชุมรับทราบความคืบหน้าการดำเนินโครงการเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานสำคัญในโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรืออีอีซี รวม 5 โครงการ วงเงินลงทุนรวม 6.5 แสนล้านบาท ทั้ง โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ,โครงการสนามบินอู่ตะเภา และเมืองการบินภาคตะวันออก, โครงการท่า เรือมาบตาพุดระยะที่ 3, โครงการท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3 และโครงการศูนย์ซ่อมอากาศยาน หรือเอ็มอาร์โอ
นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (สพอ.) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) วันที่ 13 พ.ค.นี้ สำนักงานจะเสนอที่ประชุมรับทราบความคืบหน้าการดำเนินโครงการเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานสำคัญในโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรืออีอีซี รวม 5 โครงการ วงเงินลงทุนรวม 6.5 แสนล้านบาท ทั้ง โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ,โครงการสนามบินอู่ตะเภา และเมืองการบินภาคตะวันออก, โครงการท่า เรือมาบตาพุดระยะที่ 3, โครงการท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3 และโครงการศูนย์ซ่อมอากาศยาน หรือเอ็มอาร์โอ
ทั้งนี้หากที่ประชุมไม่มีข้อคิดเห็นเพิ่มเติม และเห็นชอบโครงการทั้งหมด ขั้นตอนต่อไปจะเสนอโครงการทั้งหมดให้ที่ประชุม ครม.พิจารณาเห็นชอบอีกครั้ง จากนั้นจึงสามารถลงนามกับภาคเอกชนได้ภายในเดือน พ.ค.- มิ.ย.นี้ โดยโครงการที่มีความคืบหน้ามากที่สุด คือ โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ซึ่ง รฟท.ในฐานะเจ้าของโครงการได้นัดหมายกับภาคเอกชนที่ชนะการประมูล คือ กลุ่มซีพีในการตรวจร่างสัญญาร่วมกันแล้ว โดยจะนำร่างสัญญาเข้าสู่การพิจารณาของบอร์ดอีอีซี ก่อนที่จะนำเสนอ ครม. และลงนามในสัญญาต่อไป
ส่วนโครงการเมืองการบินและสนามบินอู่ตะเภา ที่มีภาคเอกชนได้แก่กลุ่ม กิจการร่วมค้า ธนโฮลดิ้ง จำกัดและพันธมิตร ได้ไปยื่นคำร้อง ต่อศาลปกครองเพื่อขอให้คุ้มครอง ถือเป็นการรักษาสิทธิของภาคเอกชน ที่ได้ยื่นเอกสารเกินเวลาที่กำหนด ซึ่งคณะกรรมการคัดเลือกฯ ดำเนินการหาผู้ที่ชนะโครงการได้เลย โดยไม่ต้องรอ คำตัดสินของศาล ล่าสุดได้พิจารณาคุณสมบัติ ซองที่ 1 และอยู่ระหว่างให้เอกชนทั้ง 3 กลุ่ม ยื่นรายละเอียดเพิ่มเติม
ส่วนโครงการท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3 ที่กลุ่มกิจการร่วมค้า เอ็นพีซี ซึ่งประกอบด้วย บจ.นทลิน จำกัด, บจ.แอสโซซิเอท อินฟิ นิตี้, บจ.พีเอชเอส ออแกนิค ฮีลลิ่ง, บมจ.พริมา มารีน และ บจ.ไชน่า เรลเวย์ คอนสตรักชั่น คอร์ปอเรชั่น จากจีน ได้ยื่นศาลปกครองเช่นกัน ต้องรอก่อนถึงจะดำเนินการส่วนอื่น ๆ ต่อไปได้
"ตอนนี้เห็นว่า โครงการต่าง ๆ น่าจะลงนามในสัญญากับทางเอกชนได้ภายในเดือน พ.ค. หรือในช่วงเดือน มิ.ย.นี้ ซึ่งยังอยู่ในกรอบ เพราะถือว่าโครงการคืบหน้าตามแผน แต่จะมีบางโครงการที่ล่าช้าไปบ้าง ซึ่งทางสำนักงานเองก็เร่งรัดให้เป็นไปตามแผนงานให้มากที่สุด เพราะโครงการนี้จะต้องเกิดให้ได้ในช่วงครึ่งปีหลังนี้"
ทั้งนี้หากที่ประชุมไม่มีข้อคิดเห็นเพิ่มเติม และเห็นชอบโครงการทั้งหมด ขั้นตอนต่อไปจะเสนอโครงการทั้งหมดให้ที่ประชุม ครม.พิจารณาเห็นชอบอีกครั้ง จากนั้นจึงสามารถลงนามกับภาคเอกชนได้ภายในเดือน พ.ค.- มิ.ย.นี้ โดยโครงการที่มีความคืบหน้ามากที่สุด คือ โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ซึ่ง รฟท.ในฐานะเจ้าของโครงการได้นัดหมายกับภาคเอกชนที่ชนะการประมูล คือ กลุ่มซีพีในการตรวจร่างสัญญาร่วมกันแล้ว โดยจะนำร่างสัญญาเข้าสู่การพิจารณาของบอร์ดอีอีซี ก่อนที่จะนำเสนอ ครม. และลงนามในสัญญาต่อไป
ส่วนโครงการเมืองการบินและสนามบินอู่ตะเภา ที่มีภาคเอกชนได้แก่กลุ่ม กิจการร่วมค้า ธนโฮลดิ้ง จำกัดและพันธมิตร ได้ไปยื่นคำร้อง ต่อศาลปกครองเพื่อขอให้คุ้มครอง ถือเป็นการรักษาสิทธิของภาคเอกชน ที่ได้ยื่นเอกสารเกินเวลาที่กำหนด ซึ่งคณะกรรมการคัดเลือกฯ ดำเนินการหาผู้ที่ชนะโครงการได้เลย โดยไม่ต้องรอ คำตัดสินของศาล ล่าสุดได้พิจารณาคุณสมบัติ ซองที่ 1 และอยู่ระหว่างให้เอกชนทั้ง 3 กลุ่ม ยื่นรายละเอียดเพิ่มเติม
ส่วนโครงการท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3 ที่กลุ่มกิจการร่วมค้า เอ็นพีซี ซึ่งประกอบด้วย บจ.นทลิน จำกัด, บจ.แอสโซซิเอท อินฟิ นิตี้, บจ.พีเอชเอส ออแกนิค ฮีลลิ่ง, บมจ.พริมา มารีน และ บจ.ไชน่า เรลเวย์ คอนสตรักชั่น คอร์ปอเรชั่น จากจีน ได้ยื่นศาลปกครองเช่นกัน ต้องรอก่อนถึงจะดำเนินการส่วนอื่น ๆ ต่อไปได้
"ตอนนี้เห็นว่า โครงการต่าง ๆ น่าจะลงนามในสัญญากับทางเอกชนได้ภายในเดือน พ.ค. หรือในช่วงเดือน มิ.ย.นี้ ซึ่งยังอยู่ในกรอบ เพราะถือว่าโครงการคืบหน้าตามแผน แต่จะมีบางโครงการที่ล่าช้าไปบ้าง ซึ่งทางสำนักงานเองก็เร่งรัดให้เป็นไปตามแผนงานให้มากที่สุด เพราะโครงการนี้จะต้องเกิดให้ได้ในช่วงครึ่งปีหลังนี้"
ข่าวเขตเศรษฐกิจพิเศษ อื่นๆ