VRANDAลุ้นปีหน้า กำไรพุ่งทะลุ200%
วันที่ : 7 พฤษภาคม 2562
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 3 พ.ค. 2562 ที่ผ่านมา หุ้นบริษัท วีรันดา รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ VRANDA ได้เข้าซื้อขาย (เทรด) ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เป็นวันแรก ในกลุ่มบริการ หมวดธุรกิจการท่องเที่ยวและสันทนาการ โดยเปิดตลาดที่ราคา 11.50 บาท ปรับเพิ่มขึ้น 1.50 บาท
“VRANDA” ฟอร์มดี! เทรดวันแรกเหนือจอง โบรกฯคาดปี 63 อวดกำไร 425 ล้านบาท โตสนั่น 217%
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 3 พ.ค. 2562 ที่ผ่านมา หุ้นบริษัท วีรันดา รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ VRANDA ได้เข้าซื้อขาย (เทรด) ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เป็นวันแรก ในกลุ่มบริการ หมวดธุรกิจการท่องเที่ยวและสันทนาการ โดยเปิดตลาดที่ราคา 11.50 บาท ปรับเพิ่มขึ้น 1.50 บาท หรือเพิ่มขึ้น 15% จากราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ที่ราคา 10 บาทต่อหุ้น ก่อนจะมาปิดตลาดที่ราคา 10.80 บาท เพิ่มขึ้น 0.80 บาท หรือเพิ่มขึ้น 8% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 619.94 ล้านบาท
นายวีรวัฒน์ องค์วาสิฏฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร VRANDA เปิดเผยว่า รู้สึกพอใจที่ราคาหุ้นยืนเหนือราคาไอพีโอ 10 บาท เพราะมีฐานนักลงทุนสถาบันรองรับสูง และมีฐานธุรกิจที่มั่นคง ส่วนเงินที่ได้จากการระดมทุน จะนำไปใช้ขยายธุรกิจในโครงการต่าง ๆ ได้แก่ โครงการวีรันดา เรสซิเดนซ์ หัวหิน โครงการโรงแรมเวอโซ หัวหิน และโครงการธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงนำไปชำระคืนเงินกู้แก่สถาบันการเงิน จะส่งผลให้อัตราหนี้ต่อทุนลดลงเหลือไม่ถึง 1 เท่า จากปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 2 เท่า และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงานของบริษัท
สำหรับผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 1/2562 จะทรงตัวเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2561 เนื่องจากภาพรวมการท่องเที่ยวในประเทศชะลอตัวลง แต่ในช่วงไตรมาส 2/2562 เป็นต้นไปน่าจะฟื้นตัวต่อเนื่อง ตามการกระตุ้นการท่องเที่ยวเมืองรอง และการกระตุ้นการท่องเที่ยวระดับประเทศของภาครัฐ ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติเฉลี่ย 60% (เฉพาะโซ โซฟิเทล แบงค็อก มีสัดส่วนสูงถึง 90%)
ทั้งนี้ ในปี 2562 บริษัทมีแผนขยายร้านอาหารและเครื่องดื่ม จำนวน 4 สาขา โดยในช่วงไตรมาส 2/2562 เตรียมเปิดร้านชานมไข่มุก The Alley จำนวน 1 สาขา ที่โครงการ เดอ มาร์เช่ จ.เชียงใหม่, ร้าน Skoop & Co จำนวน 1 สาขา ที่โครงการ เจ อเวนิว ทองหล่อ ขณะที่ในช่วงครึ่งหลังของปี 2562 จะมีการเปิดร้านอาหาร และเครื่องดื่มเพิ่มอีก 2 แห่ง ดังนั้นจะส่งผลให้ภายในสิ้นปี 2562 บริษัทมีร้านอาหารและเครื่องดื่ม รวม 8 สาขา จากสิ้นปี 2561 ที่เปิดให้บริการแล้ว 4 สาขา
ส่วนภาพรวมผลการดำเนินงานในปี 2562 เบื้องต้นคาดว่าจะปรับลงเมื่อเทียบกับปี 2561 ที่มีรายได้รวม 2,431.30 ล้านบาท เพราะมีการโอนกรรมสิทธิ์ของโครงการวีรันดา เรสซิเดนซ์ พัทยา มูลค่าโครงการประมาณ 1,900 ล้านบาท ทยอยรับรู้ไปในปี 2561 เป็นส่วนใหญ่แล้ว โดยจะเหลือโอนกรรมสิทธิ์เพียง 500 ล้านบาท
นายวีรวัฒน์ กล่าวต่อว่า ในปี 2563 บริษัทจะมีการเติบโตที่ก้าวกระโดด โดยคาดว่าจะมีรายได้เติบโต 30% เมื่อเทียบกับปี 2562 เนื่องจากจะเริ่มรับรู้รายได้จากโครงการ วีรันดา เรสซิเดนซ์ หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ มูลค่าโครงการ 2,462 ล้านบาท เป็นโครงการคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ จำนวน 270 ยูนิต ปัจจุบันสามารถสร้างยอดขายที่ทำสัญญาไปแล้ว 80% และมีความคืบหน้าการก่อสร้างไปแล้ว 50% และจะสามารถทยอยโอนกรรมสิทธิ์ตั้งแต่ครึ่งปีแรกของปี 2563 เป็นต้นไป ซึ่งโครงการดังกล่าวมีมาร์จิ้นที่สูง เชื่อว่าจะช่วยหนุนการเติบโตได้เป็นอย่างดี และโครงการสุดท้าย ได้แก่ โครงการโรงแรมเวอโซ หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ขนาด 39 ห้อง มูลค่าโครงการ 321 ล้านบาท ปัจจุบันยังอยู่ระหว่างก่อสร้าง และกำหนดเปิดให้บริการในช่วงไตรมาส 1/2563 คาดว่าจะมีการตอบรับที่ดีจากลูกค้าเช่นกัน
“ธุรกิจอาหารยังมีสัดส่วนที่น้อยมากในปัจจุบัน และตอนนี้อยู่ระหว่างศึกษาเข้าลงทุน หรือควบรวมกิจการ (M&A) ธุรกิจอาหาร ซึ่งยังไม่สามารถบอกรายละเอียดได้ ส่วนธุรกิจโรงแรมและอสังหาริมทรัพย์ มีแผนขยายไปยังพื้นที่ จ.ภูเก็ต และ จ.กระบี่ หรือในจังหวัดที่มีศักยภาพ เป็นต้น” นายวีรวัฒน์ กล่าว
นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) กล่าวว่า VRANDA ได้ดำเนินการเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคาไอพีโอที่ 3,129.82 ล้านบาท ถือเป็นหุ้นธุรกิจโรงแรมที่เข้ามาซื้อขายนานกว่า 15 ปี และเป็นหลักทรัพย์ที่เข้ามาซื้อขายเป็นอันดับ 3 ในปี 2562 อีกทั้งยังเป็นหุ้นที่นักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อยให้ความสนใจ สะท้อนว่าการตัดสินใจของ VRANDA ในครั้งนี้ จะสร้างการเติบโตต่อไปในอนาคต
โดยปัจจุบันบริษัทมีโรงแรมในเครือ 6 แห่ง แบ่งเป็น โรงแรมที่เปิดดำเนินการ จำนวน 5 แห่ง และโครงการโรงแรมที่อยู่ระหว่างการพัฒนา จำนวน 1 แห่ง และยังมีโครงการอาคารชุดพักอาศัยที่อยู่ระหว่างการขาย จำนวน 3 แห่ง ส่วนธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ภายใต้ชื่อร้าน “KOF” และภายใต้ชื่อ Skoop Beach Cafe ที่บริษัทมีร้านอาหาร และร้านเครื่องดื่ม รวมจำนวน 4 แห่ง ที่พัทยา หัวหิน สาทร และทองหล่อ
นายพิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า ราคาหุ้นของ VRANDA ที่ยืนเหนือจอง เป็นช่วงราคาที่เหมาะสม หลังความต้องการจองซื้อหุ้นสูงมาก และเกินจำนวนหุ้นไอพีโอ ส่วนเรื่องราคาได้มีการวิเคราะห์หาราคาพื้นฐานที่เหมาะสม พร้อมมีส่วนลดให้กับนักลงทุนประมาณ 20%
โดย VRANDA เข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ถือเป็นก้าวสำคัญของความสำเร็จในธุรกิจ โดยเสนอขายหุ้นไอพีโอจำนวน 75 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 10 บาท คิดเป็นเงินระดมทุน 750 ล้านบาท มองว่าพื้นฐานมีความแข็งแกร่ง และเป็นหุ้นที่มีศักยภาพในการเติบโตระยะยาว อีกทั้งนักลงทุนสถาบัน และนักลงทุนรายย่อยยังให้ความเชื่อมั่นในธุรกิจ ซึ่งมีโครงการตั้งอยู่ในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ แบรนด์เป็นที่ชื่นชอบของลูกค้าชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
* โบรกฯส่องงบปีหน้าโตกระโดด
ด้านนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ระบุว่า ได้ประเมินมูลค่าที่เหมาะสมเบื้องต้นของ VRANDA ที่ 10.80-11.80 บาท อ้างอิงอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิ (P/E) เฉลี่ยของกลุ่มโรงแรมและธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ตามสัดส่วนรายได้ของ VRANDA ที่ประมาณ 16 เท่า แม้ว่า VRANDA จะอยู่ในหมวดของธุรกิจโรงแรม เนื่องจากรายได้หลักมาจากโรงแรม แต่ในด้านของการดำเนินงานแล้ว ผลประกอบการส่วนใหญ่มาจากการเริ่มโอนโครงการ วีรันดา เรสซิเดนซ์ ในปี 2559-2560 ทำให้การเติบโตของผลประกอบการในอนาคตจะมาจากอสังหาริมทรัพย์เป็นหลัก ในขณะที่ธุรกิจโรงแรมจะมีการฟื้นตัวขึ้นจากการปรับปรุงของโรงแรมในปีก่อน ๆ ทำให้รายได้เฉลี่ยต่อห้อง (RevPar) เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปี 2561
ขณะที่บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ในปี 2562 VRANDA จะมีกำไรสุทธิ 134 ล้านบาท ปรับตัวลดลง 43% เมื่อเทียบกับปี 2561 ที่มีกำไรสุทธิ 235.78 ล้านบาท เพราะโอนโครงการอสังหาริมทรัพย์ในพัทยาไปมาก แต่กำไรสุทธิในปี 2563 จะโตแรง 217% หรืออยู่ที่ระดับ 425 ล้านบาท เพราะเริ่มโอนโครงการใหม่ในหัวหิน ทั้งนี้ VRANDA ประกอบธุรกิจโรงแรม, พัฒนาอสังหาริมทรัพย์, ร้านอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งอยู่ในกลุ่มภาคการท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มโตต่อเนื่อง โดยให้ราคาเหมาะสมที่ 11.10 บาท ราคาไอพีโอคิดเป็น P/E ที่ 26 เท่า ใกล้เคียงกลุ่มแต่จะลดเหลือเพียง 8 เท่า ในปี 2563
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 3 พ.ค. 2562 ที่ผ่านมา หุ้นบริษัท วีรันดา รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ VRANDA ได้เข้าซื้อขาย (เทรด) ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เป็นวันแรก ในกลุ่มบริการ หมวดธุรกิจการท่องเที่ยวและสันทนาการ โดยเปิดตลาดที่ราคา 11.50 บาท ปรับเพิ่มขึ้น 1.50 บาท หรือเพิ่มขึ้น 15% จากราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ที่ราคา 10 บาทต่อหุ้น ก่อนจะมาปิดตลาดที่ราคา 10.80 บาท เพิ่มขึ้น 0.80 บาท หรือเพิ่มขึ้น 8% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 619.94 ล้านบาท
นายวีรวัฒน์ องค์วาสิฏฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร VRANDA เปิดเผยว่า รู้สึกพอใจที่ราคาหุ้นยืนเหนือราคาไอพีโอ 10 บาท เพราะมีฐานนักลงทุนสถาบันรองรับสูง และมีฐานธุรกิจที่มั่นคง ส่วนเงินที่ได้จากการระดมทุน จะนำไปใช้ขยายธุรกิจในโครงการต่าง ๆ ได้แก่ โครงการวีรันดา เรสซิเดนซ์ หัวหิน โครงการโรงแรมเวอโซ หัวหิน และโครงการธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงนำไปชำระคืนเงินกู้แก่สถาบันการเงิน จะส่งผลให้อัตราหนี้ต่อทุนลดลงเหลือไม่ถึง 1 เท่า จากปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 2 เท่า และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงานของบริษัท
สำหรับผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 1/2562 จะทรงตัวเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2561 เนื่องจากภาพรวมการท่องเที่ยวในประเทศชะลอตัวลง แต่ในช่วงไตรมาส 2/2562 เป็นต้นไปน่าจะฟื้นตัวต่อเนื่อง ตามการกระตุ้นการท่องเที่ยวเมืองรอง และการกระตุ้นการท่องเที่ยวระดับประเทศของภาครัฐ ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติเฉลี่ย 60% (เฉพาะโซ โซฟิเทล แบงค็อก มีสัดส่วนสูงถึง 90%)
ทั้งนี้ ในปี 2562 บริษัทมีแผนขยายร้านอาหารและเครื่องดื่ม จำนวน 4 สาขา โดยในช่วงไตรมาส 2/2562 เตรียมเปิดร้านชานมไข่มุก The Alley จำนวน 1 สาขา ที่โครงการ เดอ มาร์เช่ จ.เชียงใหม่, ร้าน Skoop & Co จำนวน 1 สาขา ที่โครงการ เจ อเวนิว ทองหล่อ ขณะที่ในช่วงครึ่งหลังของปี 2562 จะมีการเปิดร้านอาหาร และเครื่องดื่มเพิ่มอีก 2 แห่ง ดังนั้นจะส่งผลให้ภายในสิ้นปี 2562 บริษัทมีร้านอาหารและเครื่องดื่ม รวม 8 สาขา จากสิ้นปี 2561 ที่เปิดให้บริการแล้ว 4 สาขา
ส่วนภาพรวมผลการดำเนินงานในปี 2562 เบื้องต้นคาดว่าจะปรับลงเมื่อเทียบกับปี 2561 ที่มีรายได้รวม 2,431.30 ล้านบาท เพราะมีการโอนกรรมสิทธิ์ของโครงการวีรันดา เรสซิเดนซ์ พัทยา มูลค่าโครงการประมาณ 1,900 ล้านบาท ทยอยรับรู้ไปในปี 2561 เป็นส่วนใหญ่แล้ว โดยจะเหลือโอนกรรมสิทธิ์เพียง 500 ล้านบาท
นายวีรวัฒน์ กล่าวต่อว่า ในปี 2563 บริษัทจะมีการเติบโตที่ก้าวกระโดด โดยคาดว่าจะมีรายได้เติบโต 30% เมื่อเทียบกับปี 2562 เนื่องจากจะเริ่มรับรู้รายได้จากโครงการ วีรันดา เรสซิเดนซ์ หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ มูลค่าโครงการ 2,462 ล้านบาท เป็นโครงการคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ จำนวน 270 ยูนิต ปัจจุบันสามารถสร้างยอดขายที่ทำสัญญาไปแล้ว 80% และมีความคืบหน้าการก่อสร้างไปแล้ว 50% และจะสามารถทยอยโอนกรรมสิทธิ์ตั้งแต่ครึ่งปีแรกของปี 2563 เป็นต้นไป ซึ่งโครงการดังกล่าวมีมาร์จิ้นที่สูง เชื่อว่าจะช่วยหนุนการเติบโตได้เป็นอย่างดี และโครงการสุดท้าย ได้แก่ โครงการโรงแรมเวอโซ หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ขนาด 39 ห้อง มูลค่าโครงการ 321 ล้านบาท ปัจจุบันยังอยู่ระหว่างก่อสร้าง และกำหนดเปิดให้บริการในช่วงไตรมาส 1/2563 คาดว่าจะมีการตอบรับที่ดีจากลูกค้าเช่นกัน
“ธุรกิจอาหารยังมีสัดส่วนที่น้อยมากในปัจจุบัน และตอนนี้อยู่ระหว่างศึกษาเข้าลงทุน หรือควบรวมกิจการ (M&A) ธุรกิจอาหาร ซึ่งยังไม่สามารถบอกรายละเอียดได้ ส่วนธุรกิจโรงแรมและอสังหาริมทรัพย์ มีแผนขยายไปยังพื้นที่ จ.ภูเก็ต และ จ.กระบี่ หรือในจังหวัดที่มีศักยภาพ เป็นต้น” นายวีรวัฒน์ กล่าว
นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) กล่าวว่า VRANDA ได้ดำเนินการเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคาไอพีโอที่ 3,129.82 ล้านบาท ถือเป็นหุ้นธุรกิจโรงแรมที่เข้ามาซื้อขายนานกว่า 15 ปี และเป็นหลักทรัพย์ที่เข้ามาซื้อขายเป็นอันดับ 3 ในปี 2562 อีกทั้งยังเป็นหุ้นที่นักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อยให้ความสนใจ สะท้อนว่าการตัดสินใจของ VRANDA ในครั้งนี้ จะสร้างการเติบโตต่อไปในอนาคต
โดยปัจจุบันบริษัทมีโรงแรมในเครือ 6 แห่ง แบ่งเป็น โรงแรมที่เปิดดำเนินการ จำนวน 5 แห่ง และโครงการโรงแรมที่อยู่ระหว่างการพัฒนา จำนวน 1 แห่ง และยังมีโครงการอาคารชุดพักอาศัยที่อยู่ระหว่างการขาย จำนวน 3 แห่ง ส่วนธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ภายใต้ชื่อร้าน “KOF” และภายใต้ชื่อ Skoop Beach Cafe ที่บริษัทมีร้านอาหาร และร้านเครื่องดื่ม รวมจำนวน 4 แห่ง ที่พัทยา หัวหิน สาทร และทองหล่อ
นายพิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า ราคาหุ้นของ VRANDA ที่ยืนเหนือจอง เป็นช่วงราคาที่เหมาะสม หลังความต้องการจองซื้อหุ้นสูงมาก และเกินจำนวนหุ้นไอพีโอ ส่วนเรื่องราคาได้มีการวิเคราะห์หาราคาพื้นฐานที่เหมาะสม พร้อมมีส่วนลดให้กับนักลงทุนประมาณ 20%
โดย VRANDA เข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ถือเป็นก้าวสำคัญของความสำเร็จในธุรกิจ โดยเสนอขายหุ้นไอพีโอจำนวน 75 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 10 บาท คิดเป็นเงินระดมทุน 750 ล้านบาท มองว่าพื้นฐานมีความแข็งแกร่ง และเป็นหุ้นที่มีศักยภาพในการเติบโตระยะยาว อีกทั้งนักลงทุนสถาบัน และนักลงทุนรายย่อยยังให้ความเชื่อมั่นในธุรกิจ ซึ่งมีโครงการตั้งอยู่ในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ แบรนด์เป็นที่ชื่นชอบของลูกค้าชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
* โบรกฯส่องงบปีหน้าโตกระโดด
ด้านนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ระบุว่า ได้ประเมินมูลค่าที่เหมาะสมเบื้องต้นของ VRANDA ที่ 10.80-11.80 บาท อ้างอิงอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิ (P/E) เฉลี่ยของกลุ่มโรงแรมและธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ตามสัดส่วนรายได้ของ VRANDA ที่ประมาณ 16 เท่า แม้ว่า VRANDA จะอยู่ในหมวดของธุรกิจโรงแรม เนื่องจากรายได้หลักมาจากโรงแรม แต่ในด้านของการดำเนินงานแล้ว ผลประกอบการส่วนใหญ่มาจากการเริ่มโอนโครงการ วีรันดา เรสซิเดนซ์ ในปี 2559-2560 ทำให้การเติบโตของผลประกอบการในอนาคตจะมาจากอสังหาริมทรัพย์เป็นหลัก ในขณะที่ธุรกิจโรงแรมจะมีการฟื้นตัวขึ้นจากการปรับปรุงของโรงแรมในปีก่อน ๆ ทำให้รายได้เฉลี่ยต่อห้อง (RevPar) เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปี 2561
ขณะที่บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ในปี 2562 VRANDA จะมีกำไรสุทธิ 134 ล้านบาท ปรับตัวลดลง 43% เมื่อเทียบกับปี 2561 ที่มีกำไรสุทธิ 235.78 ล้านบาท เพราะโอนโครงการอสังหาริมทรัพย์ในพัทยาไปมาก แต่กำไรสุทธิในปี 2563 จะโตแรง 217% หรืออยู่ที่ระดับ 425 ล้านบาท เพราะเริ่มโอนโครงการใหม่ในหัวหิน ทั้งนี้ VRANDA ประกอบธุรกิจโรงแรม, พัฒนาอสังหาริมทรัพย์, ร้านอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งอยู่ในกลุ่มภาคการท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มโตต่อเนื่อง โดยให้ราคาเหมาะสมที่ 11.10 บาท ราคาไอพีโอคิดเป็น P/E ที่ 26 เท่า ใกล้เคียงกลุ่มแต่จะลดเหลือเพียง 8 เท่า ในปี 2563
ข่าวบ้านมือสอง อื่นๆ